ซูเปอร์โพลชี้ คนส่วนใหญ่รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหญิงและชาย ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถุกยุบ เพราะอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ขณะที่ 50 ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เตรียมยื่นลาออกวันนี้ (28 ต.ค.) จวก "ธนาธร" เปลี่ยนไป "ศรีสุวรรณ" ยื่นกกต. ตรวจสอบ "ช่อ" ผิดวิสัย ควักเงินบริจาคเข้าพรรค 1 ล้านทั้งที่มีรายได้ไม่มาก ชี้หากที่มาของเงินบริจาคไม่ถูกต้องโทษถึงยุบพรรค
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลการสำรวจ เรื่อง คนคิดอย่างไรถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,097 ตัวอย่าง ระหว่าง วันที่ 21 –26 ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งเพศและช่วงอายุ ส่วนใหญ่รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ โดยพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 77.4 รู้สึกเฉย ๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ในขณะที่ร้อยละ 10.5 ระบุมีผลดี และร้อยละ 12.1 มีผลเสีย และเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.0 ของเพศชาย และ ร้อยละ 79.8 ของเพศหญิง รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ที่น่าสนใจคือ แม้ในกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 81.8 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับสองรองจากคนช่วงอายุ 40 –49 ปีร้อยละ 83.1 ที่รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ
อย่างไรก็ตาม คนที่อายุสูงขึ้น มีสัดส่วนของคนที่เห็นว่าจะมีผลเสียลดลง คือ คนอายุ 30–39 ปีร้อย ละ 11.5 คนอายุ 40–49 ปีร้อยละ 7.1 และคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 5.2 ที่ระบุจะมีผลเสียถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 71.9 ระบุ สิ่งที่คนไทยควรได้รับการปลูกฝังและส่งเสริม คือ ทัศนคติที่ดี รองลงมาคือ ร้อยละ 54.4 ระบุการศึกษาที่ดี ร้อยละ 50.3 ระบุ เป็นพลเมืองที่ดี ร้อยละ 36.9 ระบุมีงานทำที่ดี และร้อยละ 21.8 ระบุ อื่นๆ เช่น วินัย ค่านิยม 12 ประการ จิตสำนึก และความเท่าเทียม เป็นต้น
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า จากการสัมภาษณ์เจาะลึกเชิงคุณภาพ ต่อกรณีประชาชนรู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พบว่า พรรคไหนถูกยุบตอนนี้ จะรู้สึกเฉยๆ เพราะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตความเป็นอยู่ และความเดือดร้อนที่กำลังเจอ นักการเมืองก็เหมือนๆ กัน แย่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ต้องการให้นักการเมืองเร่งแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนที่เงินกำลังขาดมือ ทำมาหากินขัดสน ถ้าพรรคไหนทำงานดี ช่วยเหลือประชาชนไม่ซ้ำเติม แต่มาถูกยุบ ก็จะทำให้ประชาชนทุกข์หนัก และเกิดผลเสียมากกว่า ตอนนี้อะไรจะเกิด ก็ให้เกิด เพราะรู้สึกผิดหวังกับการเมืองที่คิดว่าหลังเลือกตั้งจะดีขึ้น แต่กลับแย่ลง
50ผู้สมัครส.ส.ยื่นใบลาออกวันนี้
มีรายงานข่าวจากพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ว่า ในวันนี้ (28 ต.ค.) จะมีอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ในหลายพื้นที่ ประมาณ 50 คน จะยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ กับทางกกต. ซึ่งอดีตผู้สมัคร และสมาชิกพรรคจำนวนนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะมีแนวโน้มว่าอีกหลายพื้นที่กำลังนัดหารือว่าจะยื่นลาออกเช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้กลุ่มอดีตผู้สมัคร และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เตรียมลาออกนั้น เพราะไม่พอใจการบริหารงานของแกนนำพรรค เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงแกนนำพรรค ในการสะท้อนปัญหาในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคได้ และแกนนำพรรคมีวิธีการทำงาน และแนวคิดของพรรคที่เปลี่ยนไป ใครที่สนิทสนมกับ แกนนำ ก็จะมีโอกาสที่ดีกว่า โดยหลังจบการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารพรรคไม่ได้ให้ความสนใจกับอดีตผู้สมัครของพรรคเลย ทั้งที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เรียกประชุม และสัญญาว่าส.ส.สอบตก จะได้เข้ามาทำงานตามความถนัด เช่น ตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการส.ส. ฯลฯ
"ช่วงสัมมนาพรรคก่อนการเลือกตั้ง เดือนธ.ค.61 นายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวบนเวทีอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน เว้นแต่คนที่ทรยศหักหลังพรรค แต่พอเลือกตั้งจบนายธนาธรกลับบอกว่า ไม่ได้ตั้งพรรคมาให้ใครหาผลประโยชน์ ไม่ให้กำลังใจ หรือขอโทษใดๆ และยังบอกว่าอย่ามาเรียกร้องอะไรจากพรรค วันนี้ส.ส.สอบตก ที่มีตำแหน่งส่วนใหญ่ ก็เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนิทสนมกับแกนนำพรรค มีไม่ถึง 50 คน ที่ได้ตำแหน่ง แล้วอีก 270 คนหายไปไหน หากยึดตามคำพูดที่นายธนาธรบอก" รายงานข่าว ระบุ
ร้องกกต.ตรวจสอบเงินบริจากของ"ช่อ"
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ กกต.ได้เปิดเผยบัญชีรายชื่อผู้บริจาค และจำนวนเงินให้แก่พรรคการเมืองช่วงก่อนเลือกตั้ง 2562 โดยในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มียอดบริจาค ตั้งแต่ ต.ค.61-ม.ค.62 รวม 39,582,999 บาท จากผู้บริจาค 44 ราย ซึ่ง 1 ในนั้น มีชื่อของน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้บริจาคให้แก่พรรค เป็นจำนวน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 61 ต่อมาเมื่อเข้ารับตำแหน่งส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.พรรณิการ์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 ส.ค. โดยมีทรัพย์สิน 3,319,567.78 บาท เป็นเงินฝาก 4 บัญชี ยอดรวม 91,006.87 บาท, เงินลงทุน 8 รายการ 864,000.91 บาท, รถยนต์ 2 คันรวม 1,400,000 บาท, เครื่องประดับรวม 12 รายการ 964,500 บาท ส่วนหนี้สิน มีเงินเบิกเกินบัญชี 24,051 บาท, หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 686,461 บาท (หนี้ผ่อนรถทำสัญญา 24 ม.ค.60) รวมหนี้สิน 710,512 บาท โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 2,609,055.78 บาท
กรณีดังกล่าว มีการตั้งข้อสังเกตว่า บัญชีทรัพย์สินฯของ น.ส.พรรณิการ์ ที่ยื่นแสดงต่อ ป.ป.ช. เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเงินบริจาคให้กับพรรคอนาคตใหม่นั้น อาจเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากมีเงินฝากไม่กี่หมื่น กี่แสน แต่ไปบริจาคเกินกว่าที่ตนเองมีรายได้อยู่ มันก็เป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของคนทั่วไปพึงกระทำ หรืออาจเป็นเทคนิคในการกระจาย
การบริจาคของนายทุนพรรคตัวจริง เพื่อเลี่ยง ม.66 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2561 หรือไม่ หรือเป็นเงินที่ได้มาโดยวิธีการอื่น ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
เรื่องนี้ต้องร้องให้ กกต.ตรวจสอบ เพราะการบริจาคเงินเกินกว่ารายได้ที่ตนเองมี ต้องไปชี้แจงให้กกต. ทราบว่า 1 ล้านบาท เป็นรายได้มาจากไหน ได้มาอย่างไร มีการเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะหากพบว่าเงินดังกล่าวมิใช่ของ น.ส.พรรณิการ์ หรืออาจเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตาม ม.72 ประกอบ ม.74 ม.75 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2561 ซึ่งก็จะมีผลลุกลามไปถึงการถูกยุบพรรคการเมืองที่รับบริจาคตาม ม. 92 วรรคหนึ่ง (3) ได้
ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ไต่สวน สอบสวน หาความจริงให้ปรากฏ เพื่อความกระจ่างต่อสาธารณชน เพราะเส้นทางทางการเงินดังกล่าว เชื่อว่าไม่เกินความสามารถที่ กกต.จะสืบได้ โดยสามาคมฯ จะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ ราชการ อาคาร Bหลักสี่ กทม.
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลการสำรวจ เรื่อง คนคิดอย่างไรถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,097 ตัวอย่าง ระหว่าง วันที่ 21 –26 ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งเพศและช่วงอายุ ส่วนใหญ่รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ โดยพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 77.4 รู้สึกเฉย ๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ในขณะที่ร้อยละ 10.5 ระบุมีผลดี และร้อยละ 12.1 มีผลเสีย และเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.0 ของเพศชาย และ ร้อยละ 79.8 ของเพศหญิง รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ที่น่าสนใจคือ แม้ในกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 81.8 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับสองรองจากคนช่วงอายุ 40 –49 ปีร้อยละ 83.1 ที่รู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ
อย่างไรก็ตาม คนที่อายุสูงขึ้น มีสัดส่วนของคนที่เห็นว่าจะมีผลเสียลดลง คือ คนอายุ 30–39 ปีร้อย ละ 11.5 คนอายุ 40–49 ปีร้อยละ 7.1 และคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 5.2 ที่ระบุจะมีผลเสียถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 71.9 ระบุ สิ่งที่คนไทยควรได้รับการปลูกฝังและส่งเสริม คือ ทัศนคติที่ดี รองลงมาคือ ร้อยละ 54.4 ระบุการศึกษาที่ดี ร้อยละ 50.3 ระบุ เป็นพลเมืองที่ดี ร้อยละ 36.9 ระบุมีงานทำที่ดี และร้อยละ 21.8 ระบุ อื่นๆ เช่น วินัย ค่านิยม 12 ประการ จิตสำนึก และความเท่าเทียม เป็นต้น
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า จากการสัมภาษณ์เจาะลึกเชิงคุณภาพ ต่อกรณีประชาชนรู้สึกเฉยๆ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พบว่า พรรคไหนถูกยุบตอนนี้ จะรู้สึกเฉยๆ เพราะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตความเป็นอยู่ และความเดือดร้อนที่กำลังเจอ นักการเมืองก็เหมือนๆ กัน แย่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ต้องการให้นักการเมืองเร่งแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนที่เงินกำลังขาดมือ ทำมาหากินขัดสน ถ้าพรรคไหนทำงานดี ช่วยเหลือประชาชนไม่ซ้ำเติม แต่มาถูกยุบ ก็จะทำให้ประชาชนทุกข์หนัก และเกิดผลเสียมากกว่า ตอนนี้อะไรจะเกิด ก็ให้เกิด เพราะรู้สึกผิดหวังกับการเมืองที่คิดว่าหลังเลือกตั้งจะดีขึ้น แต่กลับแย่ลง
50ผู้สมัครส.ส.ยื่นใบลาออกวันนี้
มีรายงานข่าวจากพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ว่า ในวันนี้ (28 ต.ค.) จะมีอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ในหลายพื้นที่ ประมาณ 50 คน จะยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ กับทางกกต. ซึ่งอดีตผู้สมัคร และสมาชิกพรรคจำนวนนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะมีแนวโน้มว่าอีกหลายพื้นที่กำลังนัดหารือว่าจะยื่นลาออกเช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้กลุ่มอดีตผู้สมัคร และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เตรียมลาออกนั้น เพราะไม่พอใจการบริหารงานของแกนนำพรรค เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงแกนนำพรรค ในการสะท้อนปัญหาในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคได้ และแกนนำพรรคมีวิธีการทำงาน และแนวคิดของพรรคที่เปลี่ยนไป ใครที่สนิทสนมกับ แกนนำ ก็จะมีโอกาสที่ดีกว่า โดยหลังจบการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารพรรคไม่ได้ให้ความสนใจกับอดีตผู้สมัครของพรรคเลย ทั้งที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เรียกประชุม และสัญญาว่าส.ส.สอบตก จะได้เข้ามาทำงานตามความถนัด เช่น ตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการส.ส. ฯลฯ
"ช่วงสัมมนาพรรคก่อนการเลือกตั้ง เดือนธ.ค.61 นายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวบนเวทีอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน เว้นแต่คนที่ทรยศหักหลังพรรค แต่พอเลือกตั้งจบนายธนาธรกลับบอกว่า ไม่ได้ตั้งพรรคมาให้ใครหาผลประโยชน์ ไม่ให้กำลังใจ หรือขอโทษใดๆ และยังบอกว่าอย่ามาเรียกร้องอะไรจากพรรค วันนี้ส.ส.สอบตก ที่มีตำแหน่งส่วนใหญ่ ก็เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนิทสนมกับแกนนำพรรค มีไม่ถึง 50 คน ที่ได้ตำแหน่ง แล้วอีก 270 คนหายไปไหน หากยึดตามคำพูดที่นายธนาธรบอก" รายงานข่าว ระบุ
ร้องกกต.ตรวจสอบเงินบริจากของ"ช่อ"
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ กกต.ได้เปิดเผยบัญชีรายชื่อผู้บริจาค และจำนวนเงินให้แก่พรรคการเมืองช่วงก่อนเลือกตั้ง 2562 โดยในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มียอดบริจาค ตั้งแต่ ต.ค.61-ม.ค.62 รวม 39,582,999 บาท จากผู้บริจาค 44 ราย ซึ่ง 1 ในนั้น มีชื่อของน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้บริจาคให้แก่พรรค เป็นจำนวน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 61 ต่อมาเมื่อเข้ารับตำแหน่งส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.พรรณิการ์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 ส.ค. โดยมีทรัพย์สิน 3,319,567.78 บาท เป็นเงินฝาก 4 บัญชี ยอดรวม 91,006.87 บาท, เงินลงทุน 8 รายการ 864,000.91 บาท, รถยนต์ 2 คันรวม 1,400,000 บาท, เครื่องประดับรวม 12 รายการ 964,500 บาท ส่วนหนี้สิน มีเงินเบิกเกินบัญชี 24,051 บาท, หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 686,461 บาท (หนี้ผ่อนรถทำสัญญา 24 ม.ค.60) รวมหนี้สิน 710,512 บาท โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 2,609,055.78 บาท
กรณีดังกล่าว มีการตั้งข้อสังเกตว่า บัญชีทรัพย์สินฯของ น.ส.พรรณิการ์ ที่ยื่นแสดงต่อ ป.ป.ช. เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเงินบริจาคให้กับพรรคอนาคตใหม่นั้น อาจเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากมีเงินฝากไม่กี่หมื่น กี่แสน แต่ไปบริจาคเกินกว่าที่ตนเองมีรายได้อยู่ มันก็เป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของคนทั่วไปพึงกระทำ หรืออาจเป็นเทคนิคในการกระจาย
การบริจาคของนายทุนพรรคตัวจริง เพื่อเลี่ยง ม.66 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2561 หรือไม่ หรือเป็นเงินที่ได้มาโดยวิธีการอื่น ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
เรื่องนี้ต้องร้องให้ กกต.ตรวจสอบ เพราะการบริจาคเงินเกินกว่ารายได้ที่ตนเองมี ต้องไปชี้แจงให้กกต. ทราบว่า 1 ล้านบาท เป็นรายได้มาจากไหน ได้มาอย่างไร มีการเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะหากพบว่าเงินดังกล่าวมิใช่ของ น.ส.พรรณิการ์ หรืออาจเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตาม ม.72 ประกอบ ม.74 ม.75 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2561 ซึ่งก็จะมีผลลุกลามไปถึงการถูกยุบพรรคการเมืองที่รับบริจาคตาม ม. 92 วรรคหนึ่ง (3) ได้
ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ไต่สวน สอบสวน หาความจริงให้ปรากฏ เพื่อความกระจ่างต่อสาธารณชน เพราะเส้นทางทางการเงินดังกล่าว เชื่อว่าไม่เกินความสามารถที่ กกต.จะสืบได้ โดยสามาคมฯ จะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ ราชการ อาคาร Bหลักสี่ กทม.