ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ตามโบราณราชประเพณี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นนักรบและทรงนำการรบในฐานะองค์จอมทัพไทย และตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับได้ระบุเสมอถึงพระราชอำนาจในข้อนี้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงดํารงตําแหน่งจอมทัพไทย (รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา ๘)
พระคฑาจอมทัพ ฉลองพระองค์ชุดจอมพล สายยงยศจอมทัพไทย ย่อมเป็นเครื่องต้นแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นองค์จอมทัพไทย และธงชัยเฉลิมพลบรรจุเส้นพระเจ้า (พระเกศา) ไว้ที่ยอดธงย่อมเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นองค์จอมทัพไทยเช่นกัน
ในฐานะองค์จอมทัพไทยทรงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหารทั้งปวง มีพระบรมราชโองการสั่งการแก่ทหารได้ มีพระราชอำนาจในการทรงแต่งตั้ง โยกย้าย และจัดโครงสร้างตามพระราชอัธยาศัย
กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 หรือปัจจุบัน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการสถาปนาโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อแรกตั้งนั้นทรงดำรงพระยศเป็นนายพันเอก ตำแหน่งผู้บังคับการกรมด้วยพระองค์เองโดยตรง มีชื่อเรียกเป็นการเฉพาะว่า ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เพราะเป็นหน่วยที่ถวายการรับใช้ต่อองค์พระมหา กษัตริย์อย่างใกล้ชิดที่สุด คำว่าราชวัลลภ หมายถึงผู้ที่เป็นที่รักสนิทชิดเชื้อพระราชา
เครื่องหมายราชวัลลภของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงประดิษฐานตราพระเกี้ยวอันเป็นตราประจำพระองค์หรือพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบนพานแว่นฟ้าเหนือตราแผ่นดินรูปไอยราพตหรือช้างสามเศียร
ที่สำคัญยิ่งคือนายพันโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกฎราชกุมาร หรือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 นี้ด้วย
ในขณะที่กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 11 หรือปัจจุบัน กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าให้สถาปนา และทรงโปรดเกล้าให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสยามมกุฏราชกุมาร เป็นพันเอกพิเศษของกรมทหารราบที่ 11 นี้ และเมื่อทรงครองราชย์ก็ทรงรับเป็น ผู้บังคับการพิเศษของกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ด้วยพระองค์เอง ดังนั้นเครื่องหมายราชการประจำกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีตรามหาวชิราวุธอันเป็นตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสีพื้นหลังยังเป็นสีน้ำเงิน อันเป็นสีวันพระราชสมภพ คือวันเสาร์ อีกด้วย
ทั้งนี้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ในมาตรา 3 ระบุว่า ให้โอนบรรดาอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประกาศกำหนด ไปเป็นของ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบบริหารราชการในพระองค์
ตามประวัติศาสตร์และราชประเพณีนั้น การโอนกรมทหารราบที่ 1 และ 11 ไปยังส่วนราชการในพระองค์ ขึ้นตรงต่อองค์พระมหากษัตริย์ จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องและทำตามที่เคยเป็นมาในอดีตและราชประเพณี เนื่องจากกรมทหารราบทั้งสองสถาปนาโดยพระมหากษัตริย์และมีพระมหากษัตริย์ถึงสองพระองค์ทรงเป็นผู้บังคับการกรมทหารดังกล่าวด้วยพระองค์เองมาก่อนอยู่แล้วนับแต่อดีต
ตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การโอนย้ายกรมทหารสองกรมไปเป็นส่วนราชการในพระองค์ ย่อมเป็นการทรงใช้พระราชอำนาจในฐานะองค์จอมทัพไทยอันบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ได้แสดงเหตุผลในการประกาศตราใช้พระราชกำหนดดังกล่าวในสภาผู้แทนราษฎร ตามเหตุผลแนบท้ายพระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์เป็นส่วนราชการในพระองค์ขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ มีหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน บังคับบัญชา ควบคุม กำกับดูแลและปฏิบัติงานในการถวายอารักขาและถวายพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์และพระราชอาคันตุกะ ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการถวายอารักขาและถวายพระเกียรติและการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวจำเป็นต้องมีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดอัตรากำลังพลที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียบร้อย รวดเร็ว และเกิดความปลอดภัยสูงสุด
สมควรโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม และกรมทหาราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในพระองค์ เพื่อสนับสนุนภารกิจของส่วนราชการในพระองค์ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการถวายอารักขาและถวายพระเกียรติ และการรักษาความปลอดภัยองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์และพระราชอาคันตุกะ รวมทั้งให้การปฏิบัติภารกิจทั้งปวงตามพระราชอัธยาศัยและตามพระราชประเพณีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และเกิดความปลอดภัยสูงสุด จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศจึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้
ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการตราพระราชกำหนดนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 172 วรรค1-7 ได้ระบุความจำเป็นในการตราพระราชกำหนดดังนี้
มาตรา 172 ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ พระมหากษัตริย์ จะทรงตราพระราชกําหนดให้ใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติก็ได้
การตราพระราชกําหนดตามวรรคหนึ่ง ให้กระทําได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจําเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
ในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไป ให้คณะรัฐมนตรีเสนอพระราชกําหนดนั้นต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาโดยไม่ ชักช้า ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมและการรอการเปิดสมัยประชุมสามัญจะเป็นการชักช้า คณะรัฐมนตรีต้องดําเนินการ ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกําหนดโดยเร็ว ถ้าสภาผู้แทน ราษฎรไม่อนุมัติหรือสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติแต่วุฒิสภาไม่อนุมัติและสภาผู้แทนราษฎรยืนยันการอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรให้พระราชกําหนดนั้นตกไป แต่ทั้งนี้ไม่กระทบต่อกิจการที่ได้เป็นไปในระหว่างที่ใช้พระราชกําหนดนั้น
หากพระราชกําหนดตามวรรคหนึ่งมีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด
และพระราชกําหนดนั้นต้องตกไปตามวรรคสาม ให้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีอยู่ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยก เลิก มีผลใช้บังคับต่อไปนับแต่วันที่การไม่อนุมัติพระราชกําหนดนั้นมีผล
ถ้าสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาอนุมัติพระราชกําหนดนั้น หรือถ้าวุฒิสภาไม่อนุมัติและสภาผู้แทนราษฎรยืนยันการอนุมัติด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ให้พระราชกําหนดนั้นมีผลใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป
การอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกําหนด ให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีไม่อนุมัติ ให้มีผลตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การพิจารณาพระราชกําหนดของสภาผู้แทนราษฎรและของวุฒิสภา และการยืนยันการอนุมัติพระราชกําหนด จะต้องกระทําในโอกาสแรกที่มีการประชุมสภานั้น ๆ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายว่าความปลอดภัยขององค์พระมหากษัตริย์คือความมั่นคงของประเทศ ย่อมเป็นเรื่อง ฉุกเฉิน จำเป็น เร่งด่วน อย่างแน่นอน เพราะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์อธิปัตย์และทรงเป็นหลักชัยของประเทศ เหตุอันใดที่จะกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยแห่งองค์พระมหากษัตริย์นั้นย่อมเป็นเรื่อง ฉุกเฉิน จำเป็น เร่งด่วน ที่ต้องเห็นชอบให้ตราพระราชกำหนดในทันที โปรดดูรายละเอียดการอภิปรายได้จากคลิปด้านล่าง
ในขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ได้อภิปรายทักท้วงและคัดค้านพระราชกำหนดดังกล่าว โดยเห็นว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสอง และเป็นปัญหาการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่เคยชินกับการใช้มาตรา 44 เมื่อยังเป็น คสช. การอ้างใช้มาตรา 172 จึงเป็นการใช้มาตรา 44 จำแลง แบบผิดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน แต่อย่างใด แต่เป็นพฤติกรรมไม่แยแสรัฐธรรมนูญ
ส.ส. จำนวน 370 คน ได้ลงมติรับรอง พ.ร.ก. ฉบับนี้ สส. พรรคอนาคตใหม่จำนวน 70 เสียงได้ลงมติคัดค้าน โดยมี ส.ส. สองคน มาปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ได้ โหวตสวนมติพรรคอนาคตใหม่สามคน และงดออกเสียงสองคน
ผมพิเคราะห์ดูแล้วเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ แม้จะอ้างว่าเป็นการไม่แยแสรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรี ต้องการตำหนินายกรัฐมนตรี แต่เหตุผลที่รัฐบาลจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนั้น สำคัญยิ่ง เพราะความปลอดภัยมั่นคงขององค์พระมหากษัตริย์ย่อมเป็นเรื่องจำเป็น เร่งด่วน ฉุกเฉิน อย่างยิ่ง
การแถลงของนายปิยบุตร ผู้เขียนหนังสือ ราชมัลลงฑัณฑ์บัลลังก์ปฏิรูป และกล่าววาทกรรมว่าต้องการรื้อถอนอำนาจสูงสุดขององค์ประธาน ตลอดจนแนวคิดของแกนนำสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจที่เคยอุดหนุนหนังสือฟ้าเดียวกัน นางสาวพรรณิการ์ หรือช่อ ตลอดจนการร่วมเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 1 แห่งราชอาณาจักรไทย ของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำมาสม่ำเสมอทำให้เกิดความเข้าใจสงสัยได้ว่าพรรคอนาคตใหม่มีแนวความคิดปฏิกษัตริย์นิยม (Anti-royalist) อย่างชัดเจนมาโดยตลอด และย่อมทำให้สาธารณชนเข้าใจและอนุมานได้ว่าการตำหนิและการคัดค้านการออกพระราชกำหนดดังกล่าว แท้จริงเป็นการกระทำเพื่อตีวัวกระทบคราด โดยการตำหนิว่าเป็นภาวะลุแก่อำนาจและไม่แยแสรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรีนั้นไม่น่าจะมีเจตนาเพียงแค่นั้น แต่มีเจตนาสูงไปมากกว่านั้น
เจตนาของพรรคอนาคตใหม่และถ้อยแถลงของนายปิยบุตร นั้นวิญญูชนหากพิจารณาดูอาจจะเห็นได้ว่าเป็นการบังอาจก้าวล่วงพระราชอำนาจขององค์จอมทัพไทยตามประวัติศาสตร์ราชประเพณีและตามกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศหรือไม่? และเป็นการยั่วยุกองทัพให้เกิดความไม่พอใจหรือไม่ กองทัพต้องตั้งสติให้ดีและมีความอดทนอย่างยิ่งเพื่อมิให้สถานการณ์บานปลายลุกลามต่อไป นอกจากนี้การกระทำเช่นนี้ยังต่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยที่ส่วนใหญ่ยังเป็นกษัตริย์นิยม (Royalist) อยู่มาก ย่อมสร้างความไม่พอใจในหมู่พสกนิกรที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดีอย่างรุนแรง อันจะกลายเป็นชนวนของความร้าวฉานในแผ่นดินได้หากไม่ตั้งสติให้ดี
อนาคตของอนาคตใหม่นั้นแม้ไม่มีการโหวตคัดค้านในเรื่องนี้ซึ่งในความเห็นของผมเป็นการบังอาจก้าวล่วงพระราชอำนาจขององค์จอมทัพไทย ก็ใช่ว่าจะสวยงามแต่อย่างใด เรียกได้ว่ามีรายการจองกฐินและสหบาทาพรรคอนาคตใหม่อันเกิดจากกรรมหรือการกระทำของตนเองอยู่เพียบเช่น
หนึ่ง คดีซุกหุ้นสื่อวีลัค มีเดีย ซึ่งตามกฎหมายห้ามทำ เรียกว่าเป็น Mala Prohibita ต้องไม่ทำ แต่ทำเพราะอะไรก็ไม่อาจจะทราบได้ ค่อนข้างจะเหลือเชื่อว่าคนมีการศึกษาระดับนี้และมีทรัพย์สินขนาดนี้ก็ยังทำ ทั้งๆ ที่มีเงินจ้างที่ปรึกษาและทนายความให้มาจัดการให้ก็มีอยู่ ซ้ำการมาแถลงในศาลก็ไม่ได้ดูงดงาม แต่เป็นลักษณะของการแถของคนที่ไปต่อไม่เป็น อ้างแต่ว่าจำไม่ได้ กับผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน
การซุกหุ้นใน blind trust นั้นก็แถลงในศาลว่าหากศาลตัดสินในเชิงที่เป็นคุณจะไปจัดการ blind trust ให้เรียบร้อย ทั้งที่ไม่เคยจัดการให้เกิด Blind trust แต่อย่างใดและกฎหมายไทยก็ไม่มี Blind trust (อ่านเพิ่มเติมได้จาก ผลประโยชน์ทับซ้อน กับ Blind trust ที่ไม่มีอยู่จริง?)
อย่างไรก็ตามกรณีนี้หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิด พรรคอนาคตใหม่อาจจะไม่ถึงกับถูกยุบและอาจจะไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่อาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องคดีต่อ ซึ่งจะเป็นขยักที่สองฟ้องกันอีกรอบหลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีซุกหุ้นก่อนเป็นลำดับแรก เพราะการแก้ไขเอกสารทางราชการ อาจจะทำให้ธนาธรและครอบครัวมีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกจำคุก เนื่องจากทราบว่าทำผิดอยู่แล้วแต่ยังฝืนลงนามเพื่อดำเนินการทางการเมืองต่อไปอีกมากมายยาวนาน กรณีนี้จะเป็นคดีอาญาและอาจจะทำให้นายธนาธร ตลอดจนมารดาและภรรยา มีความผิดมีสิทธิ์ติดคุกได้ กรณีนี้จึงร้ายแรงมีความเสี่ยงสูงมากสำหรับนายธนาธรเองและครอบครัว
สอง คดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงินไปราว ๆ สองร้อยกว่าล้านบาท แล้วใช้ไปร้อยกว่าล้านบาทในการเลือกตั้งที่ผ่านมา แล้วยังคืนเงินให้นายธนาธรกลับไปร้อยกว่าล้านบาทเพราะใช้ไม่หมดและเหลือ ใบเสร็จที่ชัดเจนที่สุดคือการแถลงทรัพย์สินของนายธนาธรต่อ ป.ป.ช. ซึ่งชัดเจนว่ามีการให้พรรคการเมืองคือพรรคอนาคตใหม่ยืมเงิน อันเป็นการกระทำที่ผิดและขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง เรื่องนี้หลักฐานชัดเจนและปฏิเสธได้ยากยิ่ง ประเด็นนี้น่าจะเป็นจุดตายของพรรคอนาคตใหม่ ที่หากประเด็นแรกคือการซุกหุ้นสื่อไม่ทำให้ชะตาขาดถึงฆาตได้ ก็คงจะไม่พ้นจากกรณีนี้ที่จะทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคจำนวนหนึ่งเองก็มีความหวั่นไหวในกรณีนี้ต่างพากันลาออกเพื่อให้รอดพ้นจากความผิดนี้ก่อนที่จะมีการตัดสินอันเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ เพราะไม่มีใครอยากจะไปทิ้งหรือทำลายอนาคตของตัวเอง
สาม อนาคตทางการเมืองของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อพญามังกรพิโรธ นักการเมืองแยกแผ่นดิน เพราะการที่ปักกิ่งหมายหัวเช่นนี้ แปลว่าหมายหัวไปตลอดชีวิต การจะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีจะลำบากมาก และหากได้เป็นจริงประเทศไทยก็อาจจะลำบากมาก เช่น หากจีนห้ามคนจีนมาเที่ยวประเทศไทย เศรษฐกิจไทยจะตกต่ำลงไปทันที แม้ส่วนตัวผมคิดว่าจีนในฐานะเพื่อนเก่า เหล่าเผิงโหย่ว อันดีของไทย คงไม่ถึงกับทันเช่นนั้นแน่ แต่การจะให้ทางรัฐบาลจีนยอมรับนายธนาธรในฐานะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีคงเป็นไปได้ยากมาก ใครอาจจะเถียงว่าอ้าว นี่เป็นกิจการในประเทศไทย จีนจะมายุ่งได้อย่างไร ทางรัฐบาลจีนคงไม่ยุ่งและไม่มาแทรกแซงกิจการภายในของเรา แต่อาจจะเหินห่างและคบกับเราน้อยลง ซึ่งการที่ชาติมหาอำนาจไม่อยากจะคบหากับเรา เราก็ลำบากมากแล้ว ในอดีตมีนักการเมืองไทยที่สหรัฐอเมริกามองว่ามีส่วนพัวพันการค้ายาเสพติดในสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาแบนและไม่ออกวีซ่าให้ ที่กำลังมีโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เลยหมดไป นักการเมืองคนนั้นก็ค่อยๆ ลดบทบาทและเงียบไปในที่สุด ไปไม่ถึงดวงดาว อนาคตของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ก็จะเป็นเช่นนี้
สำหรับผมโดยส่วนตัวเชื่อว่าคนเนรคุณแผ่นดินนั้นไม่มีวันเจริญ และใครก็ตามที่บังอาจก้าวล่วงพระราชอำนาจแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์มักจะมีจุดจบที่ไม่ดี สมาชิกคณะราษฎรผู้ก่อการเปลี่ยนแปลง 2475 หายากที่จะได้ตายดี ไม่ตายโหง ป่วยตายแบบกะทันหัน ก็ตีกัน ตามล่าฆ่ากันตามอำนาจช่วงชิงแก่งแย่งทางการเมือง ไปตายกันในต่างประเทศแทบทั้งหมด ไม่มีแผ่นดินอยู่