xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ธ ทรงหลอมรวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียว “จิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ” พลังอันยิ่งใหญ่แห่งสยามประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับแต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชอาณาจักรไทย มีพระราชปณิธานสืบต่อจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้ง “โครงการจิตอาสาพระราชทาน” ขึ้น เพื่อหลอมรวมความสมัครสมานสามัคคีของคนไทยทุกคนในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ในชุมชนของตัวเองและประเทศชาติ ให้มีความเจริญและเกิดประโยชน์มากที่สุด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีสมาชิกจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” มากกว่า4 ล้านคนทั่วประเทศไทย ทั้งข้าราชการ ตำรวจ ทหารและประชาชนทั่วไป โดยทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจิตอาสาจะได้รับสิ่งของพระราชทาน ได้แก่ หมวกแก๊ป ผ้าพันคอ และบัตรประจำตัวจิตอาสา มี ศูนย์อำนวยการใหญ่ โครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ (ศอญ.) เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแล และผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัดเป็นผู้ให้การสนับสนุน



พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้สมาชิกโครงการ จิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ มีประสิทธิภาพเป็นผู้นำที่สามารถพัฒนาสามารถตอบสนองต่อการแก้ปัญหา และพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างแท้จริง จึงได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ โดยกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ จัดการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” และทรงพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อใช้เป็นงบประมาณในการฝึกอบรม ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงอาคารโรงนอน อาคารอเนกประสงค์ โรงเลี้ยง โรงประกอบเลี้ยง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย อันส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

มิเพียงแต่พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการฝึกอบรมเท่านั้น หากแต่ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการฝึกอบรมทุกขั้นตอนทรงคัดสรรวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถในทุกศาสตร์ทุกแขนงตั้งแต่ระดับองคมนตรี ไปจนถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านศาสตร์พระราชามาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม

พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ กล่าวต่อว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ ให้นักเรียนจิตอาสา 904 เป็นผู้นำที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นต้นแบบและเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนจิตอาสาที่มีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ กล่าวคือ เป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง เปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี มีระเบียบวินัย มีความสามารถ ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจในแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอันเป็นการสนองพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและพัฒนาประเทศให้มีความก้าวหน้ามั่นคง

“จิตอาสา 904 ทุกคน จึงมีภาระหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่จะต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างอันดีให้แก่ผู้อื่น พร้อมทั้งนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรมครั้งนี้ ไปถ่ายทอดให้แก่กำลังพลในหน่วยงานของตน ตลอดจนประชาชนจิตอาสา สมกับที่ได้พระราชทานชื่อรุ่นว่า เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ กล่าว

นับเป็นน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นที่ทรงวางรากฐานให้ปวงพสกนิกรชาวไทยอยู่ร่วมกันด้วยความสมัครสมานและสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันภายใต้พระบรมโพธิสมภารอย่างยั่งยืนและเป็นสุข ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประชาชนชาวไทยได้ประจักษ์ในพลังของ “จิตอาสา” มาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในผลงานสำคัญที่ “โลก” ต้องจดจำก็คือ “ภารกิจช่วยเหลือ13 ชีวิต ติดถ้ำหลวงฯ จ.เชียงราย” ซึ่งมี “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนาการ” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในขณะนั้น ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในวนอุทยานถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ
 
 
บรรดาข้าราชการทุกหน่วยงานและประชาชนในเครื่องแบบจิตอาสาก็พร้อมใจกันทำงานอย่างขมีขมัน สนองพระราชปณิธานอย่างเต็มกำลังความสามารถ และแสดงพลังของ “จิตอาสา” ที่เปี่ยมล้นด้วยความสามัคคีของคนในชาติ

เหตุการณ์ในครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใส่พระราชหฤทัยและทรงห่วงใยผู้ประสบภัยและผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง โดยมีพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานเป็นระยะๆ และเมื่อขาดสิ่งของเครื่องใช้ใดๆ ก็จะพระราชทานความช่วยเหลือในทันที

นอกจากนี้ หลังภารกิจสำเร็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้หน่วยพระราชทานร่วมกับจิตอาสาพระราชทานลงพื้นที่ปฏิบัติการฟื้นฟู “บิ๊กคลีนนิ่ง” ถ้ำหลวงอีกด้วย

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์กล่าวในวันแถลงปิด ศอร.ว่า “ งานนี้จะไม่สำเร็จลุล่วงลงได้ ถ้าไม่ได้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”

นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยทรงรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 20 แห่งเป็นโครงการพระราชดำริ โดยมุ่งแก้ปัญหาความยากจน ส่งผลให้เกิดแนวทางแห่งความสมดุลระหว่างวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรเห็นอย่างถ่องแท้ว่า สาเหตุของทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมถึงความเสื่อมโทรมทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันเกิดขึ้นจากคน พระองค์ทรงมุ่งเน้นแก้ปัญหาให้ถึงแก่นแท้ ใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการสร้างคน และสาเหตุทรัพยากรเสื่อมโทรมมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น มีการแย่งชิงทรัพยากรกัน การขยายตัวของเมือง พฤติกรรมการบริโภค ความยากจน และความเหลื่อมล้ำ

รวมทั้งทรงพระราชทานโอกาสทางการศึกษา “ทุนพระราชทาน” สำหรับเด็กเรียนดีแต่ยากจนให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ตามความสามารถของแต่ละบุคคล ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
 
 
ขณะเดียวกันก็ทรงรับ “คนไข้ไว้ในพระราชูปถัมภ์” ซึ่งหนึ่งในเรื่องราวอันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องราวของ น้องอีฟฟราน อายุ 12 ปี ชาว จ.สงขลา ส่งจดหมายถวายฎีกาขอสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยรักษาพี่ชาย น้องฟาดี้ อายุ 13 ปี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งและปอดติดเชื้อ ขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ต่อมา ได้รับทราบข่าวดีว่า

“มีหมอของในหลวง ร.๑๐ โทรมาบอกว่า น้องฟาดี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว”

นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่เคียงข้างไม่เคยทอดทิ้งประชาชนของพระองค์ โดยเฉพาะผู้ยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร พระองค์พระราชทานภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ จัดทำ “สมุดบันทึกแห่งความสุข” ประจำปี 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้โดยเสด็จพระราชกุศลในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ สมุดบันทึกแห่งความสุข หน้าปกเป็นภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ ที่สะท้อนถึงการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้พระราชทานพระราชดำริในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ และภาพครอบครัวที่ต่างสวมเครื่องแต่งกายจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ”

และเนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจึงพร้อมใจกันถวายพระพระชัยมงคลแด่พระมหากษัตริย์ผู้หลอมรวมดวงใจของประชาชนให้เป็นหนึ่งเดียว

ขอทรงพระเจริญ ยิ่งยืนเทอญฯ




กำลังโหลดความคิดเห็น