ทั่วโลกชื่นชม การช่วยชีวิตทีมหมูป่า

ท่ามกลางบานประตูแห่งโอกาส (window of opportunity) กำลังใกล้ปิดลง ด้วยพายุฝนที่กำลังจะกระหน่ำทั้งกทม. และที่เชียงรายในกลางอาทิตย์นี้ ท่านผบ.กระบี่ไร้เทียมทานที่มีดีกรีแรกด้านวิศวกรรมศาสตร์จากสถาบันที่สอนให้วิศวกรไม่หยิบโหย่ง สู้ทุกรูปแบบและทุกทิศ, ไม่ใช่ชอบสำอางแบบวิศวกรบางคนจากสถาบันอันดับหนึ่งของไทย ท่านได้ใช้นาทีที่อาจไม่ใช่ทองคำ แต่เป็นแค่ทองแดงหรือทองเหลือง เพื่อฝ่าวงล้อมของทั้งน้ำฝนที่กำลังจะตกหนัก และสภาพออกซิเจนที่กำลังเบาบางลงในถ้ำ เนื่องจากมีกองทัพฝ่ายปฏิบัติการทำงานแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อตักน้ำออกจากถ้ำแข่งกับน้ำที่เทไหลเข้าไปในถ้ำ รวมทั้งการไปวางท่อออกซิเจนตามแนวผนังถ้ำเพื่อช่วยนักดำน้ำ และน้องๆ หมูป่าที่จะค่อยๆ ทยอยดำน้ำออกมา

ปฏิบัติการกู้ภัยลำเลียงหมูป่า 4 คนออกมาเมื่อวันอาทิตย์ เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ และเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงเกือบ 4 ชม.คือ รายแรกออกมาจากถ้ำเวลาราว 5 โมงครึ่ง ก่อนเวลาที่คาดคือ 3 ทุ่ม

บางคนอาจวิเคราะห์ว่า ท่านผบ.เหตุการณ์ท่านบอกเวลา 3 ทุ่มเพื่อให้เผื่อเกินกว่าเวลาจริงคือ ตามสูตร 6 ชม.ขาเข้า - 5 ชม.ขาออก และยังต้องประคบประหงมหมูป่าตัวน้อย ก็ต้องบวกเวลาอีก แต่การบอกเวลาให้เกินกว่าปฏิบัติการจริง น่าจะเป็นจิตวิทยาที่ดีกว่า เพื่อไม่ให้กองทัพนักข่าวมามะรุมมะตุ้มกับการลำเลียงหมูป่าน้อยจากหน้าถ้ำไปถึงโรงพยาบาล

สำนักข่าวใหญ่ๆ ของโลกมากันเต็มอัตราศึก เพราะนี่เป็นปฏิบัติการที่ท้าทายมนุษยชาติ ที่จะเข้าใจและใช้ธรรมชาติให้ช่วยชีวิตเด็กๆ จากถ้ำ

ทาง CNN ส่งมาถึง 30 ชีวิต รายงานทั้ง 24 ชม., ทุกๆ 30 นาที เขาจะคอยเกาะติด และมีบทวิเคราะห์หาวิธีทางออกจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งเรื่องทางสภาพถ้ำ, ภูมิศาสตร์, อากาศ, สภาพร่างกาย, เรื่อง Technic ด้านดำน้ำ และถึงขนาดรายงานวิเคราะห์อากาศทุกๆ ชม. จะลงรายละเอียดถึงสภาพฝนของบริเวณหน้าถ้ำกันเลยทีเดียว

ทาง BBC ก็ส่งมาเกิน 10 คนเช่นกัน รวมทั้งอีกหลายสำนักข่าว เช่น อัลจาซีรา, เอบีซี (ของออสเตรเลีย), DW (ของเยอรมนี), เอ็นเอชเค (ของญี่ปุ่น) เป็นต้น รายงานละเอียดมาก รวมทั้งสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำให้องค์ความรู้ด้านการกู้ภัยจากถ้ำได้ถ่ายทอดไปทั่วโลก มีการยกเอากรณีที่เคยเกิดขึ้นมาเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะถ้ำที่ฝรั่งเศส, ที่อังกฤษ, ที่ยุโรปอีกหลายแห่ง รวมทั้งที่ออสเตรเลีย เพื่อเป็นการต่อยอดด้านองค์ความรู้ของมนุษยชาติ

ที่น่าสังเกตคือ การช่วยเหลือจากนานาชาติครั้งนี้ มักมาจากองค์กรภาคประชาสังคม แม้แต่สภากู้ภัยจากถ้ำของอังกฤษ ก็ไม่ใช่ภาครัฐบาล เขารับเงินบริจาคเพื่อทำงานการกุศลเรื่องกู้ภัย โดยมีนักดำน้ำที่เก่งเอกอุแห่งยุค ที่บางคนมีอาชีพเป็นนักคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่หากินกับการดำน้ำช่วยชีวิตคน...และบางคนที่มาช่วยเราที่ถ้ำเชียงรายนี้ ได้เคยปฏิบัติการช่วยชีวิตคนติดถ้ำที่ฝรั่งเศส และเหตุการณ์ก็คล้ายของเราครั้งนี้ คือติดถ้ำเพราะน้ำป่าท่วมฉับพลัน (Flash Flood) ที่ธารน้ำใต้ถ้ำ และคนฝรั่งเศสที่ติดอยู่ก็เป็นผู้ใหญ่แล้วด้วย แต่ครั้งนั้นไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้รับเครื่องราชฯ จากสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ เพราะเป็นการยอมสละสรรพกำลัง และทำชื่อเสียงให้เกาะอังกฤษมาก

ครั้งนี้ได้ทราบมาว่า มีคุณหมอนักดำน้ำชาวออสเตรเลียที่สามารถนำเอาวิธีการแปลงก๊าซคาร์บอนที่คนดำน้ำหายใจออกมา แล้วสามารถนำกลับมาแปลงเป็นออกซิเจนจนคนดำน้ำไม่ต้องคอยเปลี่ยนกล่องออกซิเจนที่แบกอยู่ เขาได้เดินทางมาช่วยในการปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

ฝ่ายนักประดิษฐ์นวัตกรรมคนสำคัญของโลกคือ Elon Musk ก็เต็มใจจะส่งทีมมาช่วย และได้รีบเนรมิต Tube สำหรับให้เด็กๆ หมูป่าได้สอดตัวเข้าไปข้างในเพียงคนเดียว คล้ายๆ กับเป็น Capsule ของนักบินอวกาศ แล้วให้มีอากาศหายใจเพียงพอ เพื่อให้นักดำน้ำที่เป็นพี่เลี้ยงคอยลากหมูป่าออกมา ซึ่งถ้าหมูป่าไม่สบาย ก็เอาออกมาได้ เพียงแต่ปัญหาคือที่จุดคอห่าน ที่เล็กแคบมากๆ ซึ่งก็คงต้องปรึกษากับทีม War Room ว่าจะทดลองในช่วงต่อๆ ไป

เพราะวิกฤตคือโอกาส ถ้า Elon Musk คิดค้นอุปกรณ์ช่วยชีวิต (คนป่วย) ให้ออกมาจากถ้ำได้ ก็จะกลายเป็นอุปกรณ์ที่จะมีการสั่งซื้อจากทั่วโลกสำหรับหน่วยงานกู้ภัยทั้งหลาย เขาก็มีใจเมตตา และคงไม่ได้คิดถึงแต่โอกาสทางธุรกิจ แต่โอกาสทางธุรกิจมันเปิดอยู่เสมอ

แต่ที่น่าคิดคือ กองกำลัง Pacific Command ของสหรัฐฯ ที่มาตั้งแต่วันแรกๆ แต่ทำไมจึงไม่มี Technology ที่จะมาเป็นตาทิพย์หรือมีอุปกรณ์ที่จะมาช่วยเราได้เท่าที่ควร

เพราะ Elon Musk เป็นภาคเอกชนที่ได้พยายามหาวิธีช่วยเราเต็มที่ แต่ฝ่ายรัฐบาลสหรัฐฯ ดูจะไม่สมดังราคาคุยของทรัมป์ ที่รีบทวิตมาเอาหน้ากับเราในวันอาทิตย์ว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ช่วยเรามากมาย จนประสบผลสำเร็จ