ผู้จัดการรายวัน360- "ศิริ" เตรียมเรียก"กบง."ถกด่วนสัปดาห์นี้ เพื่อคลอดมาตรการรับมือดีเซลพุ่ง ควักเงินกองทุนน้ำมันฯที่มีอยู่ 3.05 หมื่นล้านบาทดูแล ระยะสั้นช่วงรอขายบี 20 ให้รถบรรทุกปลายมิ.ย.หรือต้นก.ค. หากดีเซลขึ้นเกิน 30บ./ลิตร พร้อมตรึงไว้ จากนั้นหากตลาดโลกพุ่งต่อก็จะดูแล 50%ของราคา พร้อมไฟเขียวให้ผู้ค้าแจ้งราคาน้ำมันล่วงหน้าได้ ด้านพาณิชย์เบรกแม้ค้าห้ามขึ้นราคาอาหารเหตุต้นทุนแอลพีจีที่เพิ่มขึ้นกระทบแค่ 15-20สต./จาน ด้านสหพันธ์ขนส่งทางบกมีมติขึ้นค่าขนส่งทันที 5% ขณะที่ "พาณิชย์"ยันขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม กระทบต้นทุนอาหารจานด่วนแค่ 15-20 สตางค์ ใช้เป็นข้ออ้างขึ้นราคาไม่ได้
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เร่งด่วนภายในสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตราคาน้ำมัน ด้วยการดูแลเสถียรภาพราคาดีเซลไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะภาคขนส่งทั้งรถบรรทุก รถโดยสารธารณะและเรือโดยสาร ที่จะไม่ทำให้ต้องปรับขึ้นค่าขนส่งและบริการเพิ่มขึ้น
สำหรับมาตรการระยะสั้นก่อนที่จะมีเปิดจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษหรือบี 20 ซึ่งมีราคาต่ำกว่าบี 7 ประมาณ 3 บาทต่อลิตรที่จะจำหน่ายให้กับ Fleet รถบรรทุก ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายเดือนมิ.ย.หรือต้นเดือนก.ค.นี้ ซึ่งหากระหว่างนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกขยับเพิ่มขึ้นสูงจนส่งผลให้ดีเซล(บี7)ที่เป็นเกรดธรรมดาที่ขณะนี้อยู่ที่ 29.79 บาทต่อลิตรปรับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร จะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีฐานะการเงินสุทธิ 30,505 ล้านบาทนำมาตรึงราคาขายปลีกดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้หลังจากมีการจำหน่ายบี 20 ได้แล้วหากระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะมีผลให้ราคาดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร กระทรวงพลังงานเตรียมใช้เงินกองทุนน้ำมันฯช่วยลดภาระให้ขึ้นราคาขายปลีกเท่ากับ 50% ของราคาที่ควรจะเพิ่มขึ้น กล่าวคือหากราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้น 1 บาทต่อลิตรก็จะให้กองทุนน้ำมันฯช่วยลดภาระ 50 สตางค์ต่อลิตรหรือขึ้นเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งมั่นใจว่าฐานะกองทุนฯที่มีอยู่จะสามารถดูแลราคาการขึ้นราคาขายปลีก 50% ของราคาที่ควรจะเพิ่มได้ประมาณ 10 เดือน
"ถ้าราคาดีเซลขึ้นต่อเนื่องเราดูแล 50% นี้ก็หมายถึงไม่ใช่ตรึง 30บาทต่อลิตรแล้ว และเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในช่วงขาขึ้นจึงได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) สามารถแจ้งราคาขายปลีกน้ำมันได้ล่วงหน้าเช่นเดียวกับผู้ค้าน้ำมัน" นายศิริกล่าว
ส่วนราคาแอลพีจีที่มีการปรับขึ้นราคาต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ถังครัวเรือนอยู่ที่ 395 บาทต่อถังนั้น คงไม่จำเป็นจะต้องมีมาตรการมาดูแล เนื่องจากขณะนี้ทางประเทศฝั่งตะวันตกกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ที่จะทำให้การใช้แอลพีจีลดต่ำลง ราคาในตลาดมีแนวโน้มลดลงแล้ว ส่วนเงินกองทุนน้ำมันบัญชีแอลพีจีขณะนี้เหลือเพียง 551 ล้านบาท โดยมีการอุดหนุนแอลพีจีกิโลกรัมละ 2.70 บาทนั้นยังสามารถดูแลราคาได้อีก 2-3 เดือน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ศึกษาผลกระทบของการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ขนาดถัง 15 กก. จาก 353 บาทต่อถัง เป็น 395 บาทต่อถัง หรือปรับเพิ่มขึ้น 42 บาทต่อถัง พบว่าส่งผลให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 15-20 สตางค์ต่อจานต่อชาม จึงไม่ใช่เหตุผลที่แม้ค้าจะขึ้นราคา เพราะกระทบต้นทุนน้อยมาก
สำหรับการวิเคราะห์ต้นทุนจากการที่ผู้ประกอบการขนส่งจะปรับขึ้นราคาค่าขนส่งอีก 5% นั้น พบว่า กระทบราคาขายปลีกสินค้าตั้งแต่ 0.0032-0.4853% โดยสินค้าที่กระทบน้อยสุด คือ ผ้าอนามัย และสูงสุด คือ ปูนซีเมนต์ ส่วนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กระทบตั้งแต่ 0.0178-0.2772% โดยปลากระป๋องได้รับผลกระทบต่ำสุด และนมถั่วเหลืองสูงสุด และกลุ่มปัจจัยการเกษตร เช่น ยาปราบศัตรูพืช กระทบ 0.0848% ปุ๋ยเคมี กระทบ 0.2452% เป็นต้น จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ผลิตสินค้าจะใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะกระทบต้นทุนไม่มาก
อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะหารือกับผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) ภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า หลังจากมีแรงกดดันทั้งการปรับขึ้นค่าขนส่ง และการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล โดยจะขอความร่วมมือให้ชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าเอาไว้ก่อน
สหพันธ์ขนส่ง มีมติขึ้นค่าขนส่ง3-5%
นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ปรับขึ้นค่าขนส่งเพิ่มขึ้นทันที 5% ตามที่ได้เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อกระทรวงคมนาคมไว้ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมว่าจะขึ้นอัตรา 3%แต่สูงสุดไม่เกิน 5%
"หากปรับค่าขนส่งขึ้น 5% คำนวณแล้วแทบจะไม่มีผลกระทบกับค่าสินค้า เพราะกระทบประมาณ 0.00014 บาท/กม.เท่านั้นหากจะอ้างเรื่องนี้คงไม่ใช่เหตุผลหลักแน่ โดยปัจจัยที่จะขึ้นราคาสินค้านั้นราคาก๊าซหุงต้มที่สูงขึ้นยังมีนัยสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำ โดยต้นมิ.ย.นี้พาณิชย์จะเชิญสมาคมฯไปหารือถึงผลกระทบ"
พณ.ยันกระทบต้นทุนจานด่วน 15-20 สตางค์
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯได้ศึกษาผลกระทบของการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ขนาดถัง 15 กก. จาก 353 บาทต่อถัง เป็น 395 บาทต่อถัง หรือปรับเพิ่มขึ้น 42 บาทต่อถัง พบว่าส่งผลให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 15-20 สตางค์ต่อจานต่อชาม
"ราคาก๊าซหุงต้มที่เพิ่มขึ้น ขึ้นแค่หลักสตางค์ จึงไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาใช้ปรับขึ้นราคา และยิ่งจะมีการปรับขึ้นทีละ 5 บาท โดยอ้างว่าก๊าซหุงต้มแพง ยิ่งไม่ได้ซึ่งกรมฯจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ ออกตรวจสอบราคา"