ผู้จัดการรายวัน 360- มติบอร์ดการทางฯ สั่งเด้ง "ณรงค์ เขียดเดช" พ้นตำแหน่งผู้ว่าการทางฯ ชี้ขาดคุณสมบัติตาม พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ เหตุยังไม่ลาออกจากแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ. ในช่วงลงสมัครสรรหา แถมสั่งสอบเรื่องร้องเรียนต่อ ขณะที่"ณรงค์ "แจงขั้นตอนลาออก หลังได้รับตำแหน่ง ยันเป็นผู้บริหารสหกรณ์ กทพ. ไม่ขาดคุณสมบัติ เตรียมฟ้องบอร์ด กทพ. เพื่อปกป้องสิทธิ์
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง มติการประชุมเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการฯได้เสนอเรื่อง นายณรงค์ เขียดเดช ให้พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการทางพิเศษ (กทพ.) และเป็นการผิดสัญญาจ้างผู้บริหาร ตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯ มีผลตั้งแต่วันที 15 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้ทราบผลการพิจารณา การตรวจสอบของประธานกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ซึ่งได้มีผู้ร้องเรียน ถึงผู้ว่าการ กทพ. ในประเด็นว่า ทำผิดเงื่อนไขสัญญาจ้าง เนื่องจากในช่วงที่นายณรงค์ ลงสมัครสรรหาผู้ว่าการการทางพิเศษฯยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ.
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานที่ไม่เป็นธรรม และปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง มีการแบ่งการจัดซื้อเป็นการซอยย่อยโครงการ เพื่อให้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการ จึงเป็นสาเหตุให้นายณรงค์ ถูกเด้งไปช่วยสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราว และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งบอร์ดการทางฯได้แต่งตั้ง นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน รักษาการผู้ว่าการทางฯ ชั่วคราว
ทั้งนี้ บอร์ดกทพ. ได้มอบนายให้ประธานกรรมการ กทพ. ทำหนังสือแจ้งให้ นายณรงค์ เขียดเดช รับทราบมติการพ้นจากตำแหน่ง และตรวจสอบค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง ดำเนินการสอบสวนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหนังสือร้องเรียนนายณรงค์ ที่ยังไม่ยุติ ให้ดำเนินการสอบสวนต่อไป
ด้านนายณรงค์ เขียดเดช อดีต ผู้ว่าการทางพิเศษฯ เปิดใจกับ "ผู้จัดการรายวัน 360 " ว่า ขั้นตอนการเข้ามารับตำแหน่ง หลังจากครม.มีมติให้แต่งตั้งเป็นผู้ว่าการทางฯ ต่อมาวันที่ 13 ม.ค.58 ได้ลงนามว่าจ้างฯ เข้ารับตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ. และทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 15 ม.ค. 58 ก็ได้ขอลาออก เพราะทราบว่าภารกิจในตำแหน่งผู้ว่าการทางฯนั้น มีมาก แต่ก็มีผู้บริหารภายใน กทพ. ทำหนังสือร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ ในประเด็นดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ฯ กทพ. จนทำให้มีการตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง
"ต้องดูเจตนาตั้งแต่ต้น ว่าวันที่มีการแต่งตั้งเข้ามานั่งเป็นผู้บริหาร กทพ. และลงนามว่าจ้าง แล้วลาออกจากผู้จัดการสหกรณ์ฯ นั้นมีความชัดเจน ซึ่งมีข้อกฎหมายกำหนดไว้ว่า หากมีข้อผิดพลาดผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ กทพ. นั้น เห็นว่าสหกรณ์ฯ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และกรมส่งเสริมสหกรณ์เอง ก็ยืนยันว่า การที่ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้บริหารนั้น ไม่ขาดคุณสมบัติ แต่ก็มีความพยายามหาประเด็นใหม่เข้ามาสอบสวน จนมีมติว่าขาดคุณสมบัติ"
นายณรงค์ กล่าวด้วยว่า ต้องดูท่าทีของบอร์ดการทางฯต่อไป ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตนเองก็มีสิทธิ์ที่ปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมาย หากมีความจำเป็น ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องเพื่อปกป้องตนเอง
แหล่งข่าวบอร์ดการทางพิเศษฯ กล่าวว่า มติการให้นายณรงค์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่ากทพ. นั้น มีการหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมาย และ คณะกรรมการกฤษฎีกา มีการทบทวนและหาข้อเท็จจริง ให้มีความชัดเจน ว่ามีปัญหาเรื่องขาดคุณสมบัติ และมีปัญหาเรื่องการร้องเรียนในการแต่งตั้งและการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมั่นใจว่า มติดังกล่าวนี้ผู้ที่ถูกให้พ้นจากตำแหน่ง จะต้องมีการฟ้องร้อง ซึ่งบอร์ดก็ได้เตรียมการรับมือ หากมีการฟ้องร้องในอนาคต
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง มติการประชุมเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการฯได้เสนอเรื่อง นายณรงค์ เขียดเดช ให้พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการทางพิเศษ (กทพ.) และเป็นการผิดสัญญาจ้างผู้บริหาร ตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯ มีผลตั้งแต่วันที 15 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้ทราบผลการพิจารณา การตรวจสอบของประธานกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ซึ่งได้มีผู้ร้องเรียน ถึงผู้ว่าการ กทพ. ในประเด็นว่า ทำผิดเงื่อนไขสัญญาจ้าง เนื่องจากในช่วงที่นายณรงค์ ลงสมัครสรรหาผู้ว่าการการทางพิเศษฯยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ.
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานที่ไม่เป็นธรรม และปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง มีการแบ่งการจัดซื้อเป็นการซอยย่อยโครงการ เพื่อให้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการ จึงเป็นสาเหตุให้นายณรงค์ ถูกเด้งไปช่วยสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราว และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งบอร์ดการทางฯได้แต่งตั้ง นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน รักษาการผู้ว่าการทางฯ ชั่วคราว
ทั้งนี้ บอร์ดกทพ. ได้มอบนายให้ประธานกรรมการ กทพ. ทำหนังสือแจ้งให้ นายณรงค์ เขียดเดช รับทราบมติการพ้นจากตำแหน่ง และตรวจสอบค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง ดำเนินการสอบสวนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหนังสือร้องเรียนนายณรงค์ ที่ยังไม่ยุติ ให้ดำเนินการสอบสวนต่อไป
ด้านนายณรงค์ เขียดเดช อดีต ผู้ว่าการทางพิเศษฯ เปิดใจกับ "ผู้จัดการรายวัน 360 " ว่า ขั้นตอนการเข้ามารับตำแหน่ง หลังจากครม.มีมติให้แต่งตั้งเป็นผู้ว่าการทางฯ ต่อมาวันที่ 13 ม.ค.58 ได้ลงนามว่าจ้างฯ เข้ารับตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ. และทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 15 ม.ค. 58 ก็ได้ขอลาออก เพราะทราบว่าภารกิจในตำแหน่งผู้ว่าการทางฯนั้น มีมาก แต่ก็มีผู้บริหารภายใน กทพ. ทำหนังสือร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ ในประเด็นดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ฯ กทพ. จนทำให้มีการตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง
"ต้องดูเจตนาตั้งแต่ต้น ว่าวันที่มีการแต่งตั้งเข้ามานั่งเป็นผู้บริหาร กทพ. และลงนามว่าจ้าง แล้วลาออกจากผู้จัดการสหกรณ์ฯ นั้นมีความชัดเจน ซึ่งมีข้อกฎหมายกำหนดไว้ว่า หากมีข้อผิดพลาดผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ กทพ. นั้น เห็นว่าสหกรณ์ฯ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และกรมส่งเสริมสหกรณ์เอง ก็ยืนยันว่า การที่ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้บริหารนั้น ไม่ขาดคุณสมบัติ แต่ก็มีความพยายามหาประเด็นใหม่เข้ามาสอบสวน จนมีมติว่าขาดคุณสมบัติ"
นายณรงค์ กล่าวด้วยว่า ต้องดูท่าทีของบอร์ดการทางฯต่อไป ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตนเองก็มีสิทธิ์ที่ปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมาย หากมีความจำเป็น ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องเพื่อปกป้องตนเอง
แหล่งข่าวบอร์ดการทางพิเศษฯ กล่าวว่า มติการให้นายณรงค์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่ากทพ. นั้น มีการหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมาย และ คณะกรรมการกฤษฎีกา มีการทบทวนและหาข้อเท็จจริง ให้มีความชัดเจน ว่ามีปัญหาเรื่องขาดคุณสมบัติ และมีปัญหาเรื่องการร้องเรียนในการแต่งตั้งและการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมั่นใจว่า มติดังกล่าวนี้ผู้ที่ถูกให้พ้นจากตำแหน่ง จะต้องมีการฟ้องร้อง ซึ่งบอร์ดก็ได้เตรียมการรับมือ หากมีการฟ้องร้องในอนาคต