ศาลอาญาตัดสินลงโทษจำคุก "วัฒนา” อดีตวิศวกร กฟผ.มือบึ้ม รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ อีก 80 ปี 6 เดือน รวมโดนแล้ว 111 ปีครึ่ง เผยเจ้าตัวแถลงขอศาลเมตตาบรรเทาโทษ ศาลแจงทุกอย่างตาม กม.-หลักฐาน ยังเหลืออีก 2 สำนวนระเบิดหน้า ทบ.-ทีโอที รอตัดสิน
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีระเบิดในพื้นที่ กทม.ระหว่างปี 2550-2560 รวม 3 สำนวน ประกอบด้วยคดีหมายเลขดำ อ.3220/2560, อ.3221/2560 และ อ.3222/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ จากกรณีที่นายวัฒนาประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่ตั้งเวลาแล้วนำไปวางไว้ที่ทางเท้าบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากเดิม) ถ.ราชดำเนินกลาง จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย.60 กับนำไปวางที่ใต้ต้นไม้ บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14 -15 พ.ค.60 และที่บริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เม.ย.50
โดยนายวัฒนา ให้การรับสารภาพทั้ง 3 สำนวน ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 จำเลยไม่ได้ยื่นประกันตัว จึงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และศาลได้เบิกตัวมาฟังคำพิพากษาทั้ง 3 สำนวนในเวลาเดียวกัน ขณะที่จำเลยแจ้งความประสงค์ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ
เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำพิพากษาเป็นรายคดี คดีแรก อ.3220/2560 กรณีระเบิดหน้ากองสลากเดิม จำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท พร้อมให้ชดใช้หญิงผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
ส่วนคดี อ.3221/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท แต่คดีนี้ให้ชดใช้ผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
และคดี อ.3222/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ เมื่อปี 2550 ศาลพิพากษาให้จำคุกรวม 26 ปี 6 เดือน ซึ่งรวม 3 สำนวนแล้วจำคุกทั้งสิ้น 78 ปี 30 เดือน ปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายรวม 140,000 บาท
โดยศาลให้นับโทษนายวัฒนาต่อจากคดีที่ศาลอาญาได้เคยพิพากษาไปแล้วอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีครอบครองวัตถุระเบิดที่บ้านพักของจำเลย ย่านบางเขน จำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท และคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ เดือน พ.ค.2560 จำคุก 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท รวม 5 สำนวนที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกรวม 108 ปี 42 เดือน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ก่อนการอ่านคำพิพากษา นายวัฒนาซึ่งสวมชุดนักโทษที่มีโซ่ตรวนควบคุม ได้ลุกขึ้นยืนแถลงต่อศาลด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมว่า ที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ 100 % หวังจะให้ศาลพิจารณาบรรเทาโทษตามความเหมาะสม ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งกับนายวัฒนาว่า ศาลได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และที่จำเลยรับสารภาพ รวมทั้งบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายวัฒนาและภรรยาซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจในวันนี้ก็ได้พยายามซักถามเรื่องการนับโทษกับพนักงานอัยการโจทก์
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. ที่นายวัฒนาถูกอัยการยื่นฟ้องยังเหลืออีก 2 สำนวน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือ 1.คดีหมายเลขดำ อ.2926/2560 ตั้งเวลาระเบิดที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร ซึ่งเป็นเหตุให้ตำรวจ 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสูญเสียอวัยวะด้วย ขณะที่ตู้โทรศัพท์เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท และ 2.คดีหมายเลขดำ อ.3157/2560 ก่อเหตุที่หน้า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริเวณปากซอยราชวิถี 24 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต ซึ่งการระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเสียหาย กระจกแตก เป็นเงิน 1,000 บาท.
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีระเบิดในพื้นที่ กทม.ระหว่างปี 2550-2560 รวม 3 สำนวน ประกอบด้วยคดีหมายเลขดำ อ.3220/2560, อ.3221/2560 และ อ.3222/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ จากกรณีที่นายวัฒนาประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่ตั้งเวลาแล้วนำไปวางไว้ที่ทางเท้าบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากเดิม) ถ.ราชดำเนินกลาง จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย.60 กับนำไปวางที่ใต้ต้นไม้ บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14 -15 พ.ค.60 และที่บริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เม.ย.50
โดยนายวัฒนา ให้การรับสารภาพทั้ง 3 สำนวน ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 จำเลยไม่ได้ยื่นประกันตัว จึงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และศาลได้เบิกตัวมาฟังคำพิพากษาทั้ง 3 สำนวนในเวลาเดียวกัน ขณะที่จำเลยแจ้งความประสงค์ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ
เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำพิพากษาเป็นรายคดี คดีแรก อ.3220/2560 กรณีระเบิดหน้ากองสลากเดิม จำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท พร้อมให้ชดใช้หญิงผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
ส่วนคดี อ.3221/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท แต่คดีนี้ให้ชดใช้ผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
และคดี อ.3222/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ เมื่อปี 2550 ศาลพิพากษาให้จำคุกรวม 26 ปี 6 เดือน ซึ่งรวม 3 สำนวนแล้วจำคุกทั้งสิ้น 78 ปี 30 เดือน ปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายรวม 140,000 บาท
โดยศาลให้นับโทษนายวัฒนาต่อจากคดีที่ศาลอาญาได้เคยพิพากษาไปแล้วอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีครอบครองวัตถุระเบิดที่บ้านพักของจำเลย ย่านบางเขน จำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท และคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ เดือน พ.ค.2560 จำคุก 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท รวม 5 สำนวนที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกรวม 108 ปี 42 เดือน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ก่อนการอ่านคำพิพากษา นายวัฒนาซึ่งสวมชุดนักโทษที่มีโซ่ตรวนควบคุม ได้ลุกขึ้นยืนแถลงต่อศาลด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมว่า ที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ 100 % หวังจะให้ศาลพิจารณาบรรเทาโทษตามความเหมาะสม ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งกับนายวัฒนาว่า ศาลได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และที่จำเลยรับสารภาพ รวมทั้งบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายวัฒนาและภรรยาซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจในวันนี้ก็ได้พยายามซักถามเรื่องการนับโทษกับพนักงานอัยการโจทก์
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. ที่นายวัฒนาถูกอัยการยื่นฟ้องยังเหลืออีก 2 สำนวน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือ 1.คดีหมายเลขดำ อ.2926/2560 ตั้งเวลาระเบิดที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร ซึ่งเป็นเหตุให้ตำรวจ 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสูญเสียอวัยวะด้วย ขณะที่ตู้โทรศัพท์เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท และ 2.คดีหมายเลขดำ อ.3157/2560 ก่อเหตุที่หน้า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริเวณปากซอยราชวิถี 24 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต ซึ่งการระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเสียหาย กระจกแตก เป็นเงิน 1,000 บาท.