เปิดใจครอบครัว "ตัญกาญจน์" หลัง “น้องเมย” ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 30 เหล่าคนดังผู้จากไปในปี 2017 จากทีมงาน The Matter เชื่อปมการเสียชีวิตไม่ชัดเจน ทำให้ได้รับความสนใจจากคนไทยทั้งประเทศ แม้จะเป็นแค่เด็กธรรมดา เผยหลังปีใหม่ เตรียมทำหนังสือขอรับเอกสารการสอบสวนจากคณะทำงาน ขณะที่พ่อน้องเมย เชื่อการเสียชีวิตของบุตรชาย เกี่ยวข้องกับการถูกธำรงวินัย ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพ
วานนี้ (27 ธ.ค.) ครอบครัวตัญกาญจน์ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ -นางสุกัญญา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนหลังทราบข่าว “น้องเมย ”นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 30 เหล่าคนดังผู้จากไปในปี 2017 จากทีมงาน THE MATTER ว่า ถือเป็นเกียรติของครอบครัวอย่างมาก เนื่องจาก น้องเมย เป็นแค่เด็กธรรมดา เมื่อเทียบกับอีก 29 คนที่ได้รับการจัดอันดับที่ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้การที่น้องเมย ได้รับเกียรติดังกล่าวน่าจะเป็นเพราะสาเหตุการเสียชีวิต ที่ยังไม่ปรากฏสาเหตุชัดแจ้งว่าเป็นเพราะเหตุใด และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ทำให้ทุกคนให้ความสนใจในรูปคดี ซึ่งทางครอบครัวต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้
น.ส.สุพิชา กล่าวถึง ความคืบหน้าของคดี ว่า เท่าที่ได้รับแจ้งจากตำรวจคือ มีการสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทราบเป็นใครบ้าง และมีเนื้อหาอย่างไร เพราะเป็นข้อมูลของตำรวจ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงกลางเดือน ม.ค.61 เราจะทำหนังสือขอรับเอกสารการสอบสวนคดีของน้องเมย จากกองทัพไทย จากที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับเชิญให้เข้าไปรับฟังคำสอบสวน แต่ไม่ได้คาดหวังในเรื่องเอกสารมากเท่าใดนัก เพราะเชื่อว่าจะไม่แตกต่างจากที่เคยมีการแถลงข่าวก่อนหน้านี้
“ส่วนกรณีที่มีการแถลงข่าวเรื่องการตกบันไดนั้น ทางครอบครัวยังข้องใจว่า ตกบันไดจริงหรือไม่ และตกวันไหน เวลาใด ขณะที่ประเด็นที่ยังติดค้างอยู่ในใจคือ ประเด็นที่เคยสอบถามกองทัพไปแล้วว่า รอยช้ำ และซี่โครงที่หัก เกิดจากสาเหตุใด เหมือนเราได้รับคำตอบว่า เกิดจากการทำ CPR ซึ่งมันไม่ใช่แน่นอน แต่ข้อมูลในเชิงลึกเราก็ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องเก็บไว้ต่อสู้ในชั้นศาล เรามีใบยืนยันการตรวจโรคก่อนเข้า รร.เตรียมทหาร ว่าเขาไม่มีโรคประจำตัว ตามที่ทางกองทัพกล่าวอ้าง ซึ่งหลังปีใหม่ไปแล้วเราจะทำหนังสือไปยังกองทัพ เพื่อขอเข้ารับผลการสอบสวน แต่ความรู้สึกของเราเมื่อผลการสอบสวนของทหาร กับข้อมูลที่มีอยู่ในมือ มันไม่สามารถทำให้เราเข้าใจได้ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะนำข้อมูลทางการแพทย์ มายืนยันว่าเกิดจากอะไรบ้าง ส่วนเรื่องผลการตรวจอวัยวะ เยังไม่ได้รับทราบข้อมูล และยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ”
น.ส.สุพิชา ยังเผยถึงกระแสข่าวที่ว่าสาเหตุที่ครอบครัวเงียบหายไปในช่วงนี้ เป็นเพราะได้รับเงินและเคลียร์กับกองทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าทางครอบครัว ยังไม่เคยได้รับเงินใดๆ จากทางกองทัพ ที่สำคัญสาเหตุที่ทำให้เงียบหายไป เพราะส่วนตัวแล้วยังต้องเรียนหนังสือ และหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกหาความยุติธรรมให้ถึงที่สุด
ด้านนายพิเชษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชาย น่าจะมาจากเรื่องราวที่ถูกรุ่นพี่สั่งธำรงวินัย จนหัวใจหยุดเต้น และทำให้รุ่นพี่คนดังกล่าวถูกปลดจากการเป็นรุ่นพี่บังคับบัญชา โดยเชื่อว่าเป็นการสั่งทำโทษที่รุนแรงเกินไป และน่าจะมีการฝากกันต่อๆ มา ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ว่า บุตรชาย มีปัญหาด้านสุขภาพจนต้องเข้ากองพยาบาลบ่อยนั้น เป็นเพราะบุตรชายต้องการหาที่ปลอดภัย เนื่องจากเมื่อลงจากกองพยาบาล ก็ถูกแดก อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีจะยังคงเดินหน้าหาคำตอบที่แท้จริงต่อไป
ขณะที่นางสุกัญญา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่บุตรชายเสียชีวิตจนถึงวันนี้ ยังคงนอนร้องไห้ทุกคืน และในทุกปีช่วงเทศกาลปีใหม่ ทางครอบครัวจะไปพักผ่อนกันที่เขาใหญ่ แต่ในปีนี้คนที่รักที่สุดได้จากไปแล้ว สิ่งที่เคยทำก็ต้องยกเลิกไป และทุกวันนี้ความรู้สึกของครอบครัวไม่เคยดีขึ้น เพียงแต่อยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนทั้งประเทศเท่านั้น
"ความรู้สึกของครอบครัว ยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไร แต่ที่ทำให้เราอยู่ได้ในวันนี้คือกำลังใจที่ได้รับจากคนรอบข้าง และประชาชนที่คอยให้กำลังใจในการต่อสู้ ความแตกต่างของความรู้สึกระหว่างช่วงปีใหม่ กับปีที่แล้ว มันต่างกันมาก ทุกปีเราเคยมีเขา แต่มีนี้คนที่เรารักมากๆ ได้หายไปแล้ว" นางสุกัญญา กล่าว
วานนี้ (27 ธ.ค.) ครอบครัวตัญกาญจน์ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ -นางสุกัญญา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนหลังทราบข่าว “น้องเมย ”นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 30 เหล่าคนดังผู้จากไปในปี 2017 จากทีมงาน THE MATTER ว่า ถือเป็นเกียรติของครอบครัวอย่างมาก เนื่องจาก น้องเมย เป็นแค่เด็กธรรมดา เมื่อเทียบกับอีก 29 คนที่ได้รับการจัดอันดับที่ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้การที่น้องเมย ได้รับเกียรติดังกล่าวน่าจะเป็นเพราะสาเหตุการเสียชีวิต ที่ยังไม่ปรากฏสาเหตุชัดแจ้งว่าเป็นเพราะเหตุใด และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ทำให้ทุกคนให้ความสนใจในรูปคดี ซึ่งทางครอบครัวต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้
น.ส.สุพิชา กล่าวถึง ความคืบหน้าของคดี ว่า เท่าที่ได้รับแจ้งจากตำรวจคือ มีการสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทราบเป็นใครบ้าง และมีเนื้อหาอย่างไร เพราะเป็นข้อมูลของตำรวจ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงกลางเดือน ม.ค.61 เราจะทำหนังสือขอรับเอกสารการสอบสวนคดีของน้องเมย จากกองทัพไทย จากที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับเชิญให้เข้าไปรับฟังคำสอบสวน แต่ไม่ได้คาดหวังในเรื่องเอกสารมากเท่าใดนัก เพราะเชื่อว่าจะไม่แตกต่างจากที่เคยมีการแถลงข่าวก่อนหน้านี้
“ส่วนกรณีที่มีการแถลงข่าวเรื่องการตกบันไดนั้น ทางครอบครัวยังข้องใจว่า ตกบันไดจริงหรือไม่ และตกวันไหน เวลาใด ขณะที่ประเด็นที่ยังติดค้างอยู่ในใจคือ ประเด็นที่เคยสอบถามกองทัพไปแล้วว่า รอยช้ำ และซี่โครงที่หัก เกิดจากสาเหตุใด เหมือนเราได้รับคำตอบว่า เกิดจากการทำ CPR ซึ่งมันไม่ใช่แน่นอน แต่ข้อมูลในเชิงลึกเราก็ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องเก็บไว้ต่อสู้ในชั้นศาล เรามีใบยืนยันการตรวจโรคก่อนเข้า รร.เตรียมทหาร ว่าเขาไม่มีโรคประจำตัว ตามที่ทางกองทัพกล่าวอ้าง ซึ่งหลังปีใหม่ไปแล้วเราจะทำหนังสือไปยังกองทัพ เพื่อขอเข้ารับผลการสอบสวน แต่ความรู้สึกของเราเมื่อผลการสอบสวนของทหาร กับข้อมูลที่มีอยู่ในมือ มันไม่สามารถทำให้เราเข้าใจได้ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะนำข้อมูลทางการแพทย์ มายืนยันว่าเกิดจากอะไรบ้าง ส่วนเรื่องผลการตรวจอวัยวะ เยังไม่ได้รับทราบข้อมูล และยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ”
น.ส.สุพิชา ยังเผยถึงกระแสข่าวที่ว่าสาเหตุที่ครอบครัวเงียบหายไปในช่วงนี้ เป็นเพราะได้รับเงินและเคลียร์กับกองทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าทางครอบครัว ยังไม่เคยได้รับเงินใดๆ จากทางกองทัพ ที่สำคัญสาเหตุที่ทำให้เงียบหายไป เพราะส่วนตัวแล้วยังต้องเรียนหนังสือ และหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกหาความยุติธรรมให้ถึงที่สุด
ด้านนายพิเชษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชาย น่าจะมาจากเรื่องราวที่ถูกรุ่นพี่สั่งธำรงวินัย จนหัวใจหยุดเต้น และทำให้รุ่นพี่คนดังกล่าวถูกปลดจากการเป็นรุ่นพี่บังคับบัญชา โดยเชื่อว่าเป็นการสั่งทำโทษที่รุนแรงเกินไป และน่าจะมีการฝากกันต่อๆ มา ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ว่า บุตรชาย มีปัญหาด้านสุขภาพจนต้องเข้ากองพยาบาลบ่อยนั้น เป็นเพราะบุตรชายต้องการหาที่ปลอดภัย เนื่องจากเมื่อลงจากกองพยาบาล ก็ถูกแดก อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีจะยังคงเดินหน้าหาคำตอบที่แท้จริงต่อไป
ขณะที่นางสุกัญญา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่บุตรชายเสียชีวิตจนถึงวันนี้ ยังคงนอนร้องไห้ทุกคืน และในทุกปีช่วงเทศกาลปีใหม่ ทางครอบครัวจะไปพักผ่อนกันที่เขาใหญ่ แต่ในปีนี้คนที่รักที่สุดได้จากไปแล้ว สิ่งที่เคยทำก็ต้องยกเลิกไป และทุกวันนี้ความรู้สึกของครอบครัวไม่เคยดีขึ้น เพียงแต่อยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนทั้งประเทศเท่านั้น
"ความรู้สึกของครอบครัว ยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไร แต่ที่ทำให้เราอยู่ได้ในวันนี้คือกำลังใจที่ได้รับจากคนรอบข้าง และประชาชนที่คอยให้กำลังใจในการต่อสู้ ความแตกต่างของความรู้สึกระหว่างช่วงปีใหม่ กับปีที่แล้ว มันต่างกันมาก ทุกปีเราเคยมีเขา แต่มีนี้คนที่เรารักมากๆ ได้หายไปแล้ว" นางสุกัญญา กล่าว