ประธานสอบกรณี “น้องเมย” เสียชีวิต ขอให้ญาติเดินทางเข้ามาฟังคำชี้แจง พร้อมเคลียร์ทุกข้อสงสัย ยันไม่มีวงจรปิดตรงที่ตกบันได รับกองทัพหัวอกเดียวกับพ่อแม่ สูญเสียเช่นกัน แจงทหารเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา แต่ต้องเป็นคำสั่งที่ถูก กม. ชี้ว่ากันด้วยหลักฐาน ไม่ใช่กระแสสังคม เมินตอบ “ประวิตร” ถูกกดดันลาออก
วันนี้ (17 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง 11 คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง การเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ โดยมี พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นประธาน แถลงสรุปผลการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน โดยไม่พบบุคคลเข้าไปทำร้าย และเตรียมเชิญผู้ปกครองมารับทราบผลสอบสวนในวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค. นี้ นอกจากนี้ ยังมีเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน องค์กรสิทธิมนุษยชน ที่ไม่เชื่อมั่นในคณะกรรมการทั้ง 11 นาย พร้อมล่ารายชื่อเรียกร้อง ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก
ล่าสุด พล.อ.อ.ชวรัตน์ เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบว่า ญาติของนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ ตอบรับมาฟังผลการสอบสวนของคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้หรือไม่ แต่อยากให้ญาติเดินทางฟังคำชี้แจง สิ่งไหนที่ยังไม่พอใจ คลางแคลงใจ เราพร้อมชี้แจงในทุกแง่มุมที่สงสัย และมีหลักฐาน เอกสารยืนยัน ส่วนที่มารดาของผู้เสียชีวิต ติดใจภาพจากกล้องวงจรปิดที่หายไป 4 ชม. และภาพในช่วงที่นักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตกบันไดนั้น อยากถามว่าเป็นภาพช่วงไหน ส่วนที่ไม่ปรากฏภาพช่วงที่ตกบันไดนั้น ขอชี้แจงว่า บริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกล้องวงจรปิดทุกซอก ทุกมุมในโรงเรียน หรือ ตลอด 24 ชม. แต่คณะกรรมการมีหลักฐาน พยานแวดล้อมที่สอดคล้องกับคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์
“อยากเรียนให้ทางคุณแม่ทราบว่า การเสียชีวิตนักเตรียมทหารในโรงเรียนเตรียมทหาร ไม่ว่าจะเป็นคนไหน ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร กำลังพล ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องรายงานให้ รมว.กระทรวงกลาโหม ได้รับทราบ กองบัญชากากองทัพไทย ก็หัวอกเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ คือ เป็นผู้สูญเสียเหมือนกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะมาตี หรือ ให้ข้อมูลโต้ตอบไปมา เพียงแต่สงสัยอะไรขอมาคุยกัน อยากได้ความกระจ่างในจุดไหน” พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าว
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวถึง กระแสไม่เชื่อมั่นในตัว 11 คณะกรรมการ ของกองบัญชาการกองทัพไทย ว่า ทุกอย่างมีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับไว้ชัดเจน บางส่วนรุนแรงกว่าพลเรือนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไปบังคับใครไม่ได้ แม้ทหารถูกสอนให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา แต่ต้องเป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
“สุดท้ายแล้ว หากเรื่องดังกล่าวต้องจบที่กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องว่ากันด้วยพยาน หลักฐาน เหตุผล ทั้งหมด ไม่ใช่อิงกระแสสังคม การโฆษณา หรือ การตอบโต้กันผ่านสื่อ ซึ่งหากเรื่องไปถึงตรงนั้นจริงๆ จะได้พิสูจย์กันไปเลยว่าใครถูก ใครผิด หรือเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็สามารถหาข้อยุติ ซึ่งทางเราก็พร้อม และเชื่อมั่นในหลักฐาน เอกสาร พยานที่มีอยู่ เพราะต่อให้พูดสักกี่ครั้ง ความจริงก็คือความจริง และไม่มีประโยชน์ที่พยานจะมาให้การเท็จ” พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะบานปลายหรือไม่ เพราะมีการล่ารายชื่อกดดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแน่ง พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว เพราะเกินกรอบอำนาจหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านคณะกรรมการสอบสวนฯ ได้มอบหมายให้ทางกรมกิจการพลเรือนทหาร ทำหนังสือถึงบิดา น้องเมย เชิญมารับฟังสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ระบุ ว่า ตามที่กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจ้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร บัดนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
ทางกองบัญชาการกองทัพไทยจึงขอเรียนเชิญท่านและภรรยา พร้อมบุตรสาว เข้ารับฟังสรุปผลการสอบสวน ในวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2560 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 6 กรมกิจการพลเรือทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มอบให้ทางโรงเรียนเตรียมทหารเดินทางไปส่งหนังสือเชิญ ในวันพฤหัสบดี ที่ 14 ธันวาคม 2560 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ยังไม่ได้รับก่ารประสานจากทางผู้ปกครองว่าจะเดินทางมารับฟังสรุปผลการสอบสวนหรือไม่