ประธานสอบปม “เมย” เสียชีวิต เผยซักพยาน ดูภาพ คุยผู้เห็นเหตุการณ์แล้ว จ่อเรียกนักเรียนแจง คาดคงใช้เวลาตามลำดับแต่ไม่รู้เสร็จเมื่อไหร่ ไม่อ้างผลสอบเดิม ปัดกักตัวเด็ก ลั่นไม่ปิดผลสอบแน่ รับมีข้อสงสัยหลายประเด็น
วันนี้ (28 พ.ย.) พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการสอบถามพยานบุคคลและภาพพยานแวดล้อม รวมทั้งกล้องวงจรปิด และมีการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่และนักเรียนเตรียมทหาร มีการจดบันทึกถ้อยคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ หากต้องสอบถามพยานเพิ่มเติมก็จะดำเนินการต่อไปและมีการพูดคุยกับนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์และนักเรียนที่เคยไปพูดคุยกับนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงษ์เช่นกัน
พล.อ.อ.ชวรัตน์กล่าวว่า การดำเนินการของคณะกรรมการต้องทำให้ครบทุกด้านเพื่อจะได้สรุปจากข้อเท็จจริง หากมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมก็จะมีการสอบถามต่อเรื่องดังกล่าว คงต้องใช้ระยะเวลาตามลำดับต่างๆ และจะไม่มีการอ้างผลสอบเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ผลการชันสูตรที่ผ่านมาเป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์เป็นผลทางวิทยาศาสตร์ที่ปฏิเสธไม่ได้ เราจะต้องตอบโจทย์สังคม พร้อมยืนยันว่าไม่มีการกักตัวนักเรียนแต่อย่างใด แต่เรียกเด็กมาสอบถามและไม่ให้เป็นการรบกวนนักเรียนในการเรียนจะดำเนินการสอบสวนเท่าที่จำเป็น ซึ่งวันนี้ก็มีการขอตัวจากส่วนของการศึกษาเช่นกัน และก็มีการคำนึงถึงความรู้สึกของเด็กด้วย ยืนยันว่าผลการสอบสวนจะไม่มีปิดบังแต่อย่างใด
พล.อ.อ.ชวรัตน์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดเวลาการสอบสวนได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ และ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา แต่ให้เร่งดำเนินการและละเอียดรอบคอบ ขณะที่คณะกรรมการฯ ก็มีข้อสงสัยในหลายประเด็นและต้องการทราบความจริงเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องสอบสวนอย่างรอบด้านเพื่อให้ความจริงปรากฏ โดยไม่มีการเบี่ยงเบนในทุกกรณี
พล.อ.อ.ชวรัตน์กล่าวว่า ทั้งนี้จะนำผลการตรวจสอบทางการแพทย์มาประกอบการสอบสวนด้วย ดังนั้นจึงยังไม่ให้น้ำหนักในประเด็นใดเป็นพิเศษซึ่งกรอบของคณะกรรมการฯ ตรวจสอบในเรื่องความผิดทางวินัย และหากพบใครทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร หรือนักเรียนเตรียมทหาร ต้องถูกลงโทษตามขั้นตอน ส่วนการสอบสวนของตำรวจก็เป็นเรื่องในทางคดีตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่กดดันต่อกระแสสังคมที่ต้องการให้เรื่องนี้ชัดเจนโดยเร็ว เพราะความจริงกับความถูกใจต้องแยกกัน หากให้ถูกใจแต่ไม่ตรงกับความจริงก็ไม่ถูกต้อง
“แนวทางการสอบสวนของคณะกรรมการฯ ไม่ได้อ้างอิงข้อมูลของฝ่ายใด แต่ลงพื้นที่ตรวจสอบเองทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการชี้นำจากใคร และต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยไม่อยากให้แบ่งฝ่าย เพราะขณะนี้ทั้งโรงเรียน และผู้ปกครองถือเป็นฝ่ายเดียวกันคือผู้สูญเสีย และไม่ต้องการให้โยงในประเด็นอื่นๆ โดยไร้หลักฐาน” พล.อ.อ.ชวรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากแหล่งข่าวภายในโรงเรียนเตรียมทหาร กล่าวถึงกระแสข่าวโรงเรียนเตรียมทหารกักตัวเด็กนักเรียนบางส่วนเพื่อสอบสวนกรณีที่นักเรียนเตรียมทหาร ภคพงศ์ว่า ไม่ได้มีการกักตัว ขณะนี้เด็กนักเรียนอยู่ในระหว่างการฝึกภาคทะเลและยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ และขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครถูกหรือผิด ไปกักตัวเด็กเอาไว้ไม่ได้ ต้องรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่กองทัพไทยแต่งตั้งขึ้นมาซึ่งก็คงต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง ขณะนี้คณะกรรมการชุดที่กองทัพไทยตั้งขึ้นมาได้ดำเนินการสอบสวนและได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้พัน เจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ขณะนี้ทางโรงเรียนเตรียมทหารคงจะไม่ตอบโต้อะไรเนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
“ขณะนี้เด็กปฏิบัติภารกิจตามปกติ ตั้งแต่ที่เกิดกรณีดังกล่าวทางผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในโรงเรียนเตรียมทหารได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับเด็กนักเรียน เรียกมาคุย บอกไม่ให้เครียด ให้ทำหน้าที่ของตัวเอง ตั้งใจฝึกและเรียนหนังสือไป เด็กนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนเตรียมทหารมีกว่าพันคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลายๆ เรื่อง แต่ก็ต้องได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าสภาพจิตใจของเด็กมีความเข้มแข็งเนื่องจากเขาอยู่กับความเป็นจริง และเด็กทุกคนก็เสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว” แหล่งข่าวจากโรงเรียนเตรียมทหาร ระบุ