"สิริวัฒนภักดี" ทุ่ม 1 พันล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุน "จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง" ในสัดส่วน 50% จาก บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ดึง "จีเอ็มเอ็ม25-เอไทม์ มีเดีย" ไว้ภายใต้ชายคา เพื่อเดินหน้าธุรกิจสื่อเต็มรูปแบบ
วานนี้ (24 ส.ค.) นางกานต์สุดา แสนสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด (GRAMMY ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100%) จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียนหลังการเพิ่มทุน ให้แก่ บริษัท อเดลฟอส จำกัด ในราคาหุ้นละ 100 บาท รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ GRAMMY จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 50% เท่ากัน
สำหรับบริษัท อเดลฟอส จำกัด ในฐานะผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ มีนายฐาปน สิริวัฒนภักดี และนายปณต สิริวัฒนภักดี เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ฝ่ายละ 50% ดำเนินธุรกิจหลักในการลงทุน และให้กู้ยืม
ส่วนเงื่อนไขการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ นางกานต์สุดา กล่าวว่า GRAMMY จะต้องปรับโครงสร้างการลงทุนของกลุ่มบริษัทใหม่ โดย GRAMMY จะซื้อและรับโอนหุ้นในบริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด (เอ็กแซ็กท์) และบริษัท ทีน ทอล์ก จำกัด (ทีน ทอล์ก) 100% ของทุนจดทะเบียน และบริษัท ซีเนริโอ จำกัด (ซีเนริโอ) 25% ของทุนจดทะเบียนจาก บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย พร้อมทั้งรับโอนสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการได้รับชำระเงินคืนทุนจากการชำระบัญชีของบริษัท บลิส พับลิชชิ่ง จำกัด (บลิส) จากจีเอ็มเอ็ม มีเดีย
ขณะเดียวกัน GRAMMY จะขายและโอนหุ้นในจีเอ็มเอ็ม มีเดีย สัดส่วน 99.8% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด และหุ้นบริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด (จีเอ็มเอ็ม ทีวี) 100% ให้แก่บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด
ภายหลังการปรับโครงสร้างจะทำให้บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด มีบริษัทอยู่ภายใต้กลุ่มทั้งสิ้น 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด (GMM 25), บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด, บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย, บริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย จำกัด และบริษัท เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จำกัด
ด้าน นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจจีเอ็มเอ็ม มีเดีย GRAMMY กล่าวว่า การที่ บริษัท อเดลฟอส จำกัด ของกลุ่มสิริวัฒนภักดี ใช้เงิน 1,000 ล้านบาท เข้ามาถือหุ้น 50% ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพอัตราการเจริญเติบโตของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง ได้แก่ ช่อง GMM 25, คลื่นวิทยุเอไทม์มีเดีย, จีเอ็มเอ็ม ทีวี และเอไทม์ ทราเวิลเลอร์ เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะความนิยมทางออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง อีกทั้งมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของทีมงานของบริษัท
“การเพิ่มทุนให้พันธมิตรใหม่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการต่อยอดครั้งสำคัญของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง ซึ่งผู้ร่วมทุนเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส มีทิศทางเจริญเติบโตได้อย่างมหาศาล เพราะบริษัทแกรมมี่มีจุดแข็งทาง ด้านคอนเทนต์ และปัจจุบันช่อง GMM 25 ถือว่าได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างดี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มีรายการที่ทันยุคสมัย หลากหลายและโดนใจผู้ชม การเพิ่มทุนจึงช่วยให้สามาร ถลงทุนในด้านคอนเทนต์ต่างๆของช่องได้มากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากการเพิ่มทุน และเสริมความแกร่งด้านคอนเทนต์ จะส่งผลให้อันดับเรตติ้งช่องจีเ อ็มเอ็ม25 เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”
ก่อนหน้านี้ บริษัท วัฒนภักดี จำกัด ของนายฐาปน สิริวัฒนภักดี และนายปณต สิริวัฒนภักดี บุตรนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของกิจการในบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด และบริษัทในเครือ ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) AMARIN จำนวน 200 ล้านหุ้น รวมเป็นมูลค่า 850 ล้านบาท กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 47.62% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
วานนี้ (24 ส.ค.) นางกานต์สุดา แสนสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด (GRAMMY ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100%) จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียนหลังการเพิ่มทุน ให้แก่ บริษัท อเดลฟอส จำกัด ในราคาหุ้นละ 100 บาท รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ GRAMMY จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 50% เท่ากัน
สำหรับบริษัท อเดลฟอส จำกัด ในฐานะผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ มีนายฐาปน สิริวัฒนภักดี และนายปณต สิริวัฒนภักดี เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ฝ่ายละ 50% ดำเนินธุรกิจหลักในการลงทุน และให้กู้ยืม
ส่วนเงื่อนไขการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ นางกานต์สุดา กล่าวว่า GRAMMY จะต้องปรับโครงสร้างการลงทุนของกลุ่มบริษัทใหม่ โดย GRAMMY จะซื้อและรับโอนหุ้นในบริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด (เอ็กแซ็กท์) และบริษัท ทีน ทอล์ก จำกัด (ทีน ทอล์ก) 100% ของทุนจดทะเบียน และบริษัท ซีเนริโอ จำกัด (ซีเนริโอ) 25% ของทุนจดทะเบียนจาก บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย พร้อมทั้งรับโอนสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการได้รับชำระเงินคืนทุนจากการชำระบัญชีของบริษัท บลิส พับลิชชิ่ง จำกัด (บลิส) จากจีเอ็มเอ็ม มีเดีย
ขณะเดียวกัน GRAMMY จะขายและโอนหุ้นในจีเอ็มเอ็ม มีเดีย สัดส่วน 99.8% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด และหุ้นบริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด (จีเอ็มเอ็ม ทีวี) 100% ให้แก่บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด
ภายหลังการปรับโครงสร้างจะทำให้บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด มีบริษัทอยู่ภายใต้กลุ่มทั้งสิ้น 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด (GMM 25), บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด, บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย, บริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย จำกัด และบริษัท เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จำกัด
ด้าน นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจจีเอ็มเอ็ม มีเดีย GRAMMY กล่าวว่า การที่ บริษัท อเดลฟอส จำกัด ของกลุ่มสิริวัฒนภักดี ใช้เงิน 1,000 ล้านบาท เข้ามาถือหุ้น 50% ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพอัตราการเจริญเติบโตของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง ได้แก่ ช่อง GMM 25, คลื่นวิทยุเอไทม์มีเดีย, จีเอ็มเอ็ม ทีวี และเอไทม์ ทราเวิลเลอร์ เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะความนิยมทางออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง อีกทั้งมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของทีมงานของบริษัท
“การเพิ่มทุนให้พันธมิตรใหม่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการต่อยอดครั้งสำคัญของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง ซึ่งผู้ร่วมทุนเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส มีทิศทางเจริญเติบโตได้อย่างมหาศาล เพราะบริษัทแกรมมี่มีจุดแข็งทาง ด้านคอนเทนต์ และปัจจุบันช่อง GMM 25 ถือว่าได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างดี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มีรายการที่ทันยุคสมัย หลากหลายและโดนใจผู้ชม การเพิ่มทุนจึงช่วยให้สามาร ถลงทุนในด้านคอนเทนต์ต่างๆของช่องได้มากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากการเพิ่มทุน และเสริมความแกร่งด้านคอนเทนต์ จะส่งผลให้อันดับเรตติ้งช่องจีเ อ็มเอ็ม25 เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”
ก่อนหน้านี้ บริษัท วัฒนภักดี จำกัด ของนายฐาปน สิริวัฒนภักดี และนายปณต สิริวัฒนภักดี บุตรนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของกิจการในบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด และบริษัทในเครือ ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) AMARIN จำนวน 200 ล้านหุ้น รวมเป็นมูลค่า 850 ล้านบาท กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 47.62% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด