นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงว่า กสม.ได้รับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยกสม. เมื่อ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา และได้นำเข้าหารือในที่ประชุม กสม. โดยเห็นว่ามีหลายประเด็นที่อาจจะไม่ตรงตามเจตนารมณ์รธน. และได้ข้อยุติแล้ว อย่างน้อย 1 มาตรา โดยเป็นมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 2 เห็นว่า มาตรา 60 ของร่างกม.ดังกล่าวที่กำหนดให้ กสม.ชุดที่ 3 พ้นจากตำแหน่งทันทีที่กม.มีผลบังคับใช้ ไม่สอดคล้อง มาตรา 26 ประกอบมาตรา 3 มาตรา 4 ของรธน. ที่กำหนดว่า การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรธน. การตรากฎหมายต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระ หรือจำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ ดังนั้น กสม. จะดำเนินการตามรธน. มาตรา 267 วรรค 5 เพื่อให้มีการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในการพิจารณาของกมธ.ร่วม 3 ฝ่าย ยังสามารถแก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายได้ แม้ตนจะเป็นเพียง 1 เสียงข้างน้อย ก็จะพยายามอธิบายเหตุผลให้ทราบ แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับที่ประชุม จะเห็นเป็นอย่างไร
ส่วนเมื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว จะใช้สิทธิยื่นต่อศาลรธน.หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งการใช้สิทธิ สามารถยื่นได้ 2 ช่องทาง คือ ยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน และ ยื่นตรงต่อศาลรธน. ตามมาตรา 213 ของรธน. อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเหตุผลการเซตซีโร ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ เหตุผลที่ยกมาอ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้เข้าใจได้ว่าไม่ได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตรงกันข้าม ยิ่งทำให้สังคมโลกเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งกสม.ชุดนี้ ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อทำให้สถานะ บี กลับมาเป็น เอ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมาย เพราะการพิจารณาสถานะนั้น จะมีรอบของการพิจารณาอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความพร้อมหรือยัง ทั้งการแก้กฎหมาย เรื่องกระบวนการสรรหา เรื่องหลักการคุ้มกัน กสม. การตอบสนองต่อการละเมิดสิทธิ โดยในประเด็นของการแก้กฎหมาย เรื่องการสรรหา และการคุ้มกันนั้น ได้มีการแก้ไขแล้ว ในมาตรา 246 และในร่างกฎหมายลูก ดังนั้น คิดว่าการขอสถานะ เอ กลับมาจะทำได้เมื่อพร้อม ไม่ใช่ว่าการเซตซีโร กสม.ชุดปัจจุบันพ้นไป จะทำให้สถานะกสม.จากบี กลับเป็น เอ โดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้
นายวัส ยังกล่าวอีกว่า ใครที่มองว่า กสม. ออกมาต่อสู้เรื่องนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หากมองเฉยๆ อาจจะเห็นอย่างนั้นได้ แต่หากมองการทำงานของ กสม.ชุดนี้ ว่ามีผลงานมากมายขนาดไหน แต่ละคนมีหน้าที่การงานเป็นอย่างไร ก็จะรู้ว่า งานของกสม.ไม่ใช่งานที่สบายจนต้องมาต่อสู้เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ซึ่งตนก็อยากรู้ว่า เหตุผลจริงๆ ของการเซตซีโร คืออะไร แต่มีข้อมูลว่า มีข้อต่อรองจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ที่ไม่พึงปรารถนาต่อการทำงานของกสม.บางคน ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุผลเพียงแค่นี้ จะล้มกระดานทั้งหมดเลยหรือ แล้วให้มีการสรรหาใหม่ ซึ่งก็มีคนรอเสียบ ที่จะเข้ามาเป็น กสม. โดยบางคน อาจจะรอไม่ได้ เพราะมีอายุ 60 ,67,68 ปีแล้ว อาจจะมีอายุเกินเพดานที่กฎหมายกำหนด เขาคงรอไม่ไหว ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมตำแหน่งนี้ ถึงปรารถนากันมากนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานแบบไหนที่ทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจ และกสม. ที่ไม่พึงปรารถนานั้น มีกี่คน นายวัส กล่าวว่า ตนก็ไม่แน่ใจ ไม่ยืนยันว่าเป็นเหตุผลที่แท้จริง หรือไม่ สำหรับบางท่านก็อาจใช่ แต่บางท่านก็อาจไม่ใช่เหตุผลนี้
ส่วนเมื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว จะใช้สิทธิยื่นต่อศาลรธน.หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งการใช้สิทธิ สามารถยื่นได้ 2 ช่องทาง คือ ยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน และ ยื่นตรงต่อศาลรธน. ตามมาตรา 213 ของรธน. อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเหตุผลการเซตซีโร ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ เหตุผลที่ยกมาอ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้เข้าใจได้ว่าไม่ได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตรงกันข้าม ยิ่งทำให้สังคมโลกเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งกสม.ชุดนี้ ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อทำให้สถานะ บี กลับมาเป็น เอ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมาย เพราะการพิจารณาสถานะนั้น จะมีรอบของการพิจารณาอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความพร้อมหรือยัง ทั้งการแก้กฎหมาย เรื่องกระบวนการสรรหา เรื่องหลักการคุ้มกัน กสม. การตอบสนองต่อการละเมิดสิทธิ โดยในประเด็นของการแก้กฎหมาย เรื่องการสรรหา และการคุ้มกันนั้น ได้มีการแก้ไขแล้ว ในมาตรา 246 และในร่างกฎหมายลูก ดังนั้น คิดว่าการขอสถานะ เอ กลับมาจะทำได้เมื่อพร้อม ไม่ใช่ว่าการเซตซีโร กสม.ชุดปัจจุบันพ้นไป จะทำให้สถานะกสม.จากบี กลับเป็น เอ โดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้
นายวัส ยังกล่าวอีกว่า ใครที่มองว่า กสม. ออกมาต่อสู้เรื่องนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หากมองเฉยๆ อาจจะเห็นอย่างนั้นได้ แต่หากมองการทำงานของ กสม.ชุดนี้ ว่ามีผลงานมากมายขนาดไหน แต่ละคนมีหน้าที่การงานเป็นอย่างไร ก็จะรู้ว่า งานของกสม.ไม่ใช่งานที่สบายจนต้องมาต่อสู้เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ซึ่งตนก็อยากรู้ว่า เหตุผลจริงๆ ของการเซตซีโร คืออะไร แต่มีข้อมูลว่า มีข้อต่อรองจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ที่ไม่พึงปรารถนาต่อการทำงานของกสม.บางคน ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุผลเพียงแค่นี้ จะล้มกระดานทั้งหมดเลยหรือ แล้วให้มีการสรรหาใหม่ ซึ่งก็มีคนรอเสียบ ที่จะเข้ามาเป็น กสม. โดยบางคน อาจจะรอไม่ได้ เพราะมีอายุ 60 ,67,68 ปีแล้ว อาจจะมีอายุเกินเพดานที่กฎหมายกำหนด เขาคงรอไม่ไหว ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมตำแหน่งนี้ ถึงปรารถนากันมากนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานแบบไหนที่ทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจ และกสม. ที่ไม่พึงปรารถนานั้น มีกี่คน นายวัส กล่าวว่า ตนก็ไม่แน่ใจ ไม่ยืนยันว่าเป็นเหตุผลที่แท้จริง หรือไม่ สำหรับบางท่านก็อาจใช่ แต่บางท่านก็อาจไม่ใช่เหตุผลนี้