น้ำท่วมช่วยล้างสารเคมีเกษตร

อีสานปีนี้ไม่มีคำว่าฝนแล้ง พื้นที่หลายจังหวัดจมอยู่ใต้น้ำที่มากับพายุเซินกา หนักที่สุดคือสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง รวมกันแล้ว 18 จังหวัดได้รับผลกระทบเสียหายอย่างหนัก ยังมีบางจังหวัดในภาคเหนือ เช่น สุโขทัย พิจิตร ก็เผชิญน้ำไหลบ่าจากตอนบนของภาคเช่นกัน

คนอยู่บ้านชั้นเดียว ถ้าน้ำท่วมระดับสูงเมตรกว่าต้องสูญเสียเกือบทุกอย่าง ที่นอน เสื้อผ้า เครื่องใช้ ถ้าไม่ถูกกระแสน้ำพัดไป ที่เหลืออยู่คงเกือบสิ้นสภาพ ต้องซื้อหาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าอยู่แบบปากกัดตีนถีบไร้เงินออม ไร้งานหลักก็คงต้องจมในกองทุกข์อีกนาน

เสียหายไม่แพ้กันคือคนที่มีรถยนต์ หนีไม่ทันต้องจมน้ำ บางแห่งแทบมิดหลังคา นั่นคือความเสียหายต้องซ่อมแซมปรับปรุงเป็นเงินระดับหมื่นบาท ร้านค้าต้องหยุด ธุรกิจได้รับผลกระทบทั่วหน้า ชาวนา เกษตรกร ต้องยอมรับความเสียหาย มีหนี้สิน รายได้หายทันควัน

นี่เป็นความทุกข์ประดังเข้ามาในสภาวะที่การทำมาหากินยากเย็นแสนเข็ญสำหรับชาวบ้านที่ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือน ไม่มีรายได้ประจำ ต้องพึ่งพาการค้าขายรายวันหรืองานรับจ้างรายวัน เป็นสภาพผีซ้ำด้ำพลอย ต้องดิ้นรนต่อไปยังไม่รู้ว่าชีวิตจะดีขึ้นอย่างไร

สภาพการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ถ้ามีพายุลูกใหม่หอบฝนเข้ามาภาคอีสานอีก ยังไม่แน่ชัดว่าจะผ่านเวียดนามเข้ามาอีกกี่ลูก ถ้ามีขนาดใกล้เคียงพายุเซินกา และมาอีก 2-3 ลูก เท่ากับว่าความเสียหายอยู่ในขั้นรุนแรง ทำให้คนอีสานต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวได้

รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม ซ่อมแซมระบบถนน หนทาง สาธารณูปโภคพื้นฐาน และต้องระวังอย่าให้มีขบวนการดูดงบเข้ากระเป๋า ทุกวันนี้ยังมีข้อครหาเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน แม้จะมีเสียงป่าวร้องจากรัฐบาลว่ามีการปราบปราม

ชาวบ้านยังไม่เห็นนักงาบตัวใหญ่โดนดำเนินคดี ติดคุกตะราง แถมยังมีเสียงซุบซิบดังๆ ด้วยความแค้นว่าปลาตัวใหญ่เส้นดียังงาบคำโตเงียบๆ ทุกวัน มีคนรู้ด้วยว่านักงาบเส้นดีเป็นกระเป๋าเงินให้คนนั้นคนนี้ กินไม่เลิกไม่กลัวว่าจะมีภัยมาแผ้วพาน คุณท่านยังไม่รู้เรื่อง

นับเป็นความพิสดารในระบบการทำงานมีปัญหากลไกธรรมาภิบาลชำรุดหนัก!

สภาพเอเชียใต้มีฝนตกหนัก ไล่มาตั้งแต่อินเดียจนถึงเวียดนาม แต่เหนือขึ้นไป จีนเผชิญภัยแล้งจัดเหมือนในยุโรปตอนกลางและตอนใต้ซึ่งมีปัญหาภัยแล้ง คลื่นความร้อน ทำให้เกิดไฟป่าในสเปน ฝรั่งเศส เป็นภัยธรรมชาติ สร้างความเสียหายรุนแรงอีกรูปแบบหนึ่งหลายประเทศโดนภัยธรรมชาติเล่นงานเสียหายหนัก ต้องยอมรับสภาพ!

แล้วจะทำอย่างไรต่อไป? ถ้ายังมีพายุโซนร้อนฝนตกหนักอีก ต้องหาทางบรรเทาทุกข์โดยเร็ว ด้วยเหตุงบประมาณมีจำกัดแถมประเทศยังมีหนี้เพิ่มทุกวัน รัฐคงทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากส่งเรือท้องแบน ถุงยังชีพ ผ่อนปรนหนี้สินนั่นนี่โน่นไปตามเรื่องให้วิกฤตผ่านไป

เอาเถอะ! มีวิกฤตจากภัยพิบัติน้ำท่วมแบบนี้ มีหนทางพลิกเป็นโอกาสอะไรมั้ย?

ได้แน่นอน! ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความจริงใจ ของคุณท่านผู้นำ และคณะรัฐมนตรีว่ามีความห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ อยู่บนแนวทางศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง ตามคำอ้างที่ดูเหมือนเป็นความเลื่อนลอย ลมๆ แล้งๆ มั้ย

น้ำท่วมมาก ผลที่ตามมาคือการชะล้างเคมีเกษตรตกค้างในพื้นที่นาไร่ แม่น้ำลำคลอง ห้วยหนองต่างๆ ถ้าไม่หมดก็เจือจาง และรัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ประกาศให้ชาวเกษตรหยุดใช้สารเคมีเกษตรเพื่อลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคปลอดภัยกว่าที่เป็นอยู่

แผ่นดินไทยต้องรับเคมีเกษตรจำนวนมหาศาลร่วมแสนตันทุกปี เป็นปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช มีการใช้อย่างไม่ระมัดระวัง การนำเข้ามีเคมีเกษตรซึ่งประเทศพัฒนาแล้วห้ามใช้ แต่ประเทศไทย 4.0 ยังไม่มีวี่แววว่าจะเลิก เจ้าหน้าที่รัฐเป็นตัวแทนขายในภาคภูธรด้วยซ้ำ

ประชาชนคนไทยต้องตายผ่อนส่ง อมโรคสารพัดชนิดอันเกิดจากพิษสะสมในพืชและสัตว์เพื่อการบริโภค แม่น้ำ 48 สายหลักทั่วประเทศมีแต่สารพิษอุตสาหกรรมและเคมีเกษตรนอกเหนือจากสารพัดขยะเพราะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ใส่ใจควบคุมหรือตรวจสอบเพียงพอ

วันก่อนมีการแชร์ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลว่าประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรอันดับ 48 ของโลก แต่ใช้ยาฆ่าแมลงติดอันดับ 5 ของโลก ใช้ยาฆ่าหญ้าติดอันดับ 4 ของโลก นอกจากปุ๋ยเคมีและสารเคมีเกษตรประเภทอื่นๆ และสารพิษเหล่านี้ไปไหนถ้าไม่ปนเปื้อนในอาหาร

คนไทยโง่หรือถึงได้ก้มหน้าก้มตาเปิบอาหารเข้าปากซึ่งเต็มไปด้วยสารพิษตกค้าง? คนไทยปัญญาอ่อนหรือจึงบริโภคอาหารทะเลซึ่งร่ำลือกันว่าราดด้วยสารฉีดศพนับตั้งแต่สัตว์ทะเลโดนจับในน่านน้ำประเทศอื่น ก่อนใช้เวลาเป็นเดือนกว่าเรือห้องเย็นจะมาถึงไทย

ทำไมพืชผักวางขายในท้องตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ตจึงมีป้ายติด “ผักปลอดสารพิษ” แสดงว่าผักที่ไม่มีป้ายติดเป็นพวกที่มีสารพิษตกค้าง คนกินต้องเสี่ยงตายเอง ใช่หรือไม่ และมีใครพิสูจน์ชัดหรือไม่ว่าผัก “ปลอดสารพิษ” นั้นปลอดพิษจริงๆ ไม่หลอกลวง

จำนวนการนำเข้าของสารเคมีเกษตรเพิ่มขึ้นทุกปี ระดับความร้ายแรงก็เพิ่ม ยังไม่นับการแพร่กระจายของพืชผีดิบจีเอ็มโอ ซึ่งบริษัทต้นตอถูกซื้อไปแล้วโดยกลุ่มยักษ์เคมีของเยอรมนี เพราะมีปัญหาความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียงไม่ดี ถูกต่อต้าน เข้าตลาดยุโรปไม่สำเร็จ

เพียงแค่นี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าข้าราชการ และผู้บริหารรัฐบาลแต่ละยุคไม่ใส่ใจต่อคุณภาพของพืชผลเกษตร ไม่ห่วงใยชีวิตของประชาชน รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้าเกษตรจากประเทศไทยบางช่วงเข้าตลาดยุโรปไม่ได้ โดนตีกลับมีสารพิษปนเปื้อนเกินระดับปลอดภัย

เท่ากับว่ารัฐห่วงใยแต่ความมั่งคั่ง มั่นคงของพ่อค้าเคมีเกษตร ใช่หรือไม่ คำอ้างเรื่องศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นคำพูดลมๆ แล้งๆ เป่าหูคนบ้องตื้นไปวันๆ

ยังมาพ่นลมโม้ว่าจะให้ครัวไทยไปสู่ครัวโลก! โธ่! ครัวสารพัดโรคนะไม่ว่า!!