ข่าวปนคน คนปนข่าว
** แต่งตั้งสไตล์ “ป๋าป้อม” ข้ามหัว-ข้ามห้วยเหยียบหัว “ลูกหม้อ” ขยี้ธรรมาภิบาล แถมตกรางวัล “ตำรวจ” ทำร้ายประชาชน
บอกแล้วว่า โผแต่งตั้ง “บิ๊กข้าราชการ” หนนี้ จับตรงไหนก็มีตำหนิ เรียกว่าด่ากันได้เป็นเดือนๆ .. ทำไปทำมา 3 ปีมานี้ “รัฐบาล คสช.” ถูกตราหน้าว่า มีหลักในการแต่งตั้ง-โยกย้ายบุคลากร ไม่ต่างจากสมัย “นักการเมือง” เรืองอำนาจเลยด้วยซ้ำ .. ธรรมาภิบง ธรรมาภิบาล อะไรไม่สนใจ ขยี้ป่นปี้ไปหมด .. ที่แสบสันต์สุดๆ คงเป็นตำแหน่ง “เลขาฯสมช.” ที่อำนวยการสร้างโดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง ที่อุ้ม “บิ๊กลภ” พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม จากกระทรวงกลาโหม เหาะมาปาดหน้า “ลูกหม้อ สมช.” เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน .. เพียงเพราะต้องการเคลียร์ “เก้าอี้นายพล” ที่ไม่ลงตัวนั่นเอง จน “ลูกหม้อ” น้ำตาตกใน .. การแต่งตั้งโยกย้ายที่เย้ยธรรมาภิบาลเช่นนี้มีให้เห็นบ่อยๆสมัย “รัฐบาลเลือกตั้ง” โดยเฉพาะ “ระบอบทักษิณ” ตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ มีหลายครั้งเหลือเกินที่ไม่เคยคำนึงถึง “ธรรมาภิบาล-ระบบคุณธรรม” อะไรเลย “เสือต่างถิ่น – เสือข้ามห้วย” ยั้วเยี้ยไปหมด เพียงเพื่อจัดวาง “คนของตัวเอง” ไปอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ ที่จะก่อประโยชน์แก่ตัวเอง และผลประโยชน์ในทางการเมืองของพวกพ้องเท่านั้น
ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยโยก ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มาเป็นเลขาฯสมช. ก่อนส่งไปเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม แบบงงกันทั้งเมืองมาแล้ว .. เรื่องของเรื่องก็เพื่อให้ “พี่ชายหญิงอ้อ” พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ก่อนเกษียณ .. แต่ ยุครัฐบาลทักษิณ แน่นอนกว่าเยอะ อย่างกรณีแต่งตั้ง บรรพต หงษ์ทอง จากตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ไปเป็น ปลัดกระทรวงเกษตร จนข้าราชการกระทรวงเกษตรฯโกนหัวประท้วง .. มาจนถึงน้องเขยตัวเอง “ชายจืด” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ตอนนั้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม อยู่ครบโควตา 4 ปี ได้ต่ออายุครั้งละ 1 ปีไปอีก 2 ครั้ง รวม 6 ปีเต็มอัตราที่กฎหมายอนุญาต ก็เล่นง่ายสั่งโอนไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน แล้วเอา จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปลัดกระทรวงแรงงานตอนนั้น มาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมแทน .. อำนาจผลัดมือ ผู้ยิ่งใหญ่ผลัดหน้า จาก “รัฐบาลเลือกตั้ง” มาเป็น “รัฐบาลทหาร” แต่ระบบราชการก็ยังถูกย่ำยีซ้ำซากเหมือนเดิม .. การโยกย้ายข้าราชการข้ามห้วย-ข้ามหัว ที่เคยเป็นเรื่องปกติของ “ระบอบทักษิณ” มาวันนี้กลายเป็นเรื่องปกติของ “ระบอบป้อม” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เหมือนยังไม่พีคพอ ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ 7/2560 ที่มี “ป๋าป้อม” ในฐานะประธาน ก.ตร.เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือ การแต่งตั้งนายพลตำรวจในตำแหน่งปรึกษาพิเศษ ของ สตช. .. หรือพูดง่ายๆคือการ เลื่อนยศให้กับตำรวจที่ใกล้เกษียณ เพื่อเป็นเกีรยติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล รวมทั้งเพิ่มขั้นเงินเดือน ที่จะทำให้เงินบำเหน็จ-บำนาญทวีคูณไปอีก .. ปรากฏชื่อของ พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ที่ได้เลื่อนเป็น “พล.ต.ท.ลือชัย” อยู่ด้วย .. หากยังจำกันได้ พล.ต.ต.ลือชัย เป็น “ตำรวจแนวหน้า” หรือคนที่ยืนอยู่แนวหน้าตำรวจ เมื่อครั้งเหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 .. มีทั้งภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหวออกสื่อ ที่ พล.ต.ต.ลือชัย ดูเมามันมากกับการขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ .. ซึ่งกำลังเป็นคดีอยู่ในชั้นศาล ป.ป.ช.ก็ชี้มูลแล้วว่า “คนบัญชาการ” ผิด ศาลก็กำลังตัดสินในวันที่ 2 ส.ค.นี้ แต่ “คนปฏิบัติ” อย่าง พล.ต.ต. เอ้ยย พล.ต.ท.ลือชัย กลับได้ดี
** เป็นคนดีมันดีอย่างนี้ “วิลาสินี” ผอ.ไทยพีบีเอส ตั้ง “อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์” อดีตคู่หูร่วมเซ็นซื้อหุ้นกู้เอกชนมาเป็น รอง ผอ.อีกคำรบ
เถลิงอำนาจขึ้นคุม “ไทยพีบีเอส” สืบทอดตำนาน “คนดีแห่งตระกูล ส.” ไปเรียบร้อยแล้ว .. “เจ๊ปุย” วิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์) ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ “ผอ.ไทยพีบีเอส” ที่ได้รับเลือกท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องถึงความไม่สง่างามในการขึ้นรับตำแหน่งครั้งนี้ .. โดยเฉพาะกระบวนการสรรหาที่เคลียร์เรื่อง “ผัวเมีย-ผลประโยชน์ทับซ้อน” ไม่ได้ ก็เพราะผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีชื่อ สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้เป็นสามีของ “มาดามปุย” นั่งอยู่โทนโท่ .. อย่าลืมว่า "ผู้จัดการ สสส." มีส่วนสำคัญในการเลือก “บอร์ดนโยบาย” ที่มาเป็นผู้เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” อีกที .. เคยเขียนสมการให้ดูแล้วว่าเมื่อ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “บอร์ดนโยบาย” แล้ว “บอร์ดนโยบาย” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” ก็เท่ากับ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” หรือ “ผัวเลือกเมีย - สามีเลือกภรรยา” นั่นเอง .. ไม่เท่านั้น “ผอ.ปุย” ก็ยังมีชนักปักหลังจากปม “ซื้อหุ้นกู้เอกชน” กับ “ลูกพี่เก่า” อย่าง ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผอ.ไทยพีบีเอสคนเดิม ที่ต้องลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยมีลายเซ็น “วิลาสินี” ในฐานะรอง ผอ.ส.ส.ท.สมัยนั้นร่วมอนุมัติการซื้อหุ้นกู้อยู่ด้วย .. ซึ่งชนักนี้ก็ยังไม่ถูกปลด เพราะ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยแทงเรื่องให้ “บอร์ดนโยบาย ส.ส.ท.” ตั้งเรื่องสอบแล้วส่งผลกลับภายใน 2 เดือน จนป่านนี้ก็ทำมึนยังอยู่ .. ล่าสุด “ผอ.ปุย” ก็ออกลาย “คนดี” เช็นตั้ง อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ อดีตรอง ผอ.ส.ส.ท. ที่เคยร่วมอนุมัติซื้อหุ้นกู้เอกชนร่วมกัน เข้ามารับตำแหน่งเดิมเป็น รอง ผอ.ไทยพีบีเอส ร่วมงานกับตัวเองอีกครั้ง ทั้งๆที่ก็ยังมีชนักติดหลังอยู่เหมือนกัน .. เป็นคนดีมันดีอย่างงี้นี่เอง.
ช.ชฎา
รูป -พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
วิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์)
** แต่งตั้งสไตล์ “ป๋าป้อม” ข้ามหัว-ข้ามห้วยเหยียบหัว “ลูกหม้อ” ขยี้ธรรมาภิบาล แถมตกรางวัล “ตำรวจ” ทำร้ายประชาชน
บอกแล้วว่า โผแต่งตั้ง “บิ๊กข้าราชการ” หนนี้ จับตรงไหนก็มีตำหนิ เรียกว่าด่ากันได้เป็นเดือนๆ .. ทำไปทำมา 3 ปีมานี้ “รัฐบาล คสช.” ถูกตราหน้าว่า มีหลักในการแต่งตั้ง-โยกย้ายบุคลากร ไม่ต่างจากสมัย “นักการเมือง” เรืองอำนาจเลยด้วยซ้ำ .. ธรรมาภิบง ธรรมาภิบาล อะไรไม่สนใจ ขยี้ป่นปี้ไปหมด .. ที่แสบสันต์สุดๆ คงเป็นตำแหน่ง “เลขาฯสมช.” ที่อำนวยการสร้างโดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง ที่อุ้ม “บิ๊กลภ” พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม จากกระทรวงกลาโหม เหาะมาปาดหน้า “ลูกหม้อ สมช.” เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน .. เพียงเพราะต้องการเคลียร์ “เก้าอี้นายพล” ที่ไม่ลงตัวนั่นเอง จน “ลูกหม้อ” น้ำตาตกใน .. การแต่งตั้งโยกย้ายที่เย้ยธรรมาภิบาลเช่นนี้มีให้เห็นบ่อยๆสมัย “รัฐบาลเลือกตั้ง” โดยเฉพาะ “ระบอบทักษิณ” ตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ มีหลายครั้งเหลือเกินที่ไม่เคยคำนึงถึง “ธรรมาภิบาล-ระบบคุณธรรม” อะไรเลย “เสือต่างถิ่น – เสือข้ามห้วย” ยั้วเยี้ยไปหมด เพียงเพื่อจัดวาง “คนของตัวเอง” ไปอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ ที่จะก่อประโยชน์แก่ตัวเอง และผลประโยชน์ในทางการเมืองของพวกพ้องเท่านั้น
ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยโยก ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มาเป็นเลขาฯสมช. ก่อนส่งไปเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม แบบงงกันทั้งเมืองมาแล้ว .. เรื่องของเรื่องก็เพื่อให้ “พี่ชายหญิงอ้อ” พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ก่อนเกษียณ .. แต่ ยุครัฐบาลทักษิณ แน่นอนกว่าเยอะ อย่างกรณีแต่งตั้ง บรรพต หงษ์ทอง จากตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ไปเป็น ปลัดกระทรวงเกษตร จนข้าราชการกระทรวงเกษตรฯโกนหัวประท้วง .. มาจนถึงน้องเขยตัวเอง “ชายจืด” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ตอนนั้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม อยู่ครบโควตา 4 ปี ได้ต่ออายุครั้งละ 1 ปีไปอีก 2 ครั้ง รวม 6 ปีเต็มอัตราที่กฎหมายอนุญาต ก็เล่นง่ายสั่งโอนไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน แล้วเอา จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปลัดกระทรวงแรงงานตอนนั้น มาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมแทน .. อำนาจผลัดมือ ผู้ยิ่งใหญ่ผลัดหน้า จาก “รัฐบาลเลือกตั้ง” มาเป็น “รัฐบาลทหาร” แต่ระบบราชการก็ยังถูกย่ำยีซ้ำซากเหมือนเดิม .. การโยกย้ายข้าราชการข้ามห้วย-ข้ามหัว ที่เคยเป็นเรื่องปกติของ “ระบอบทักษิณ” มาวันนี้กลายเป็นเรื่องปกติของ “ระบอบป้อม” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เหมือนยังไม่พีคพอ ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ 7/2560 ที่มี “ป๋าป้อม” ในฐานะประธาน ก.ตร.เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือ การแต่งตั้งนายพลตำรวจในตำแหน่งปรึกษาพิเศษ ของ สตช. .. หรือพูดง่ายๆคือการ เลื่อนยศให้กับตำรวจที่ใกล้เกษียณ เพื่อเป็นเกีรยติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล รวมทั้งเพิ่มขั้นเงินเดือน ที่จะทำให้เงินบำเหน็จ-บำนาญทวีคูณไปอีก .. ปรากฏชื่อของ พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ที่ได้เลื่อนเป็น “พล.ต.ท.ลือชัย” อยู่ด้วย .. หากยังจำกันได้ พล.ต.ต.ลือชัย เป็น “ตำรวจแนวหน้า” หรือคนที่ยืนอยู่แนวหน้าตำรวจ เมื่อครั้งเหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 .. มีทั้งภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหวออกสื่อ ที่ พล.ต.ต.ลือชัย ดูเมามันมากกับการขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ .. ซึ่งกำลังเป็นคดีอยู่ในชั้นศาล ป.ป.ช.ก็ชี้มูลแล้วว่า “คนบัญชาการ” ผิด ศาลก็กำลังตัดสินในวันที่ 2 ส.ค.นี้ แต่ “คนปฏิบัติ” อย่าง พล.ต.ต. เอ้ยย พล.ต.ท.ลือชัย กลับได้ดี
** เป็นคนดีมันดีอย่างนี้ “วิลาสินี” ผอ.ไทยพีบีเอส ตั้ง “อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์” อดีตคู่หูร่วมเซ็นซื้อหุ้นกู้เอกชนมาเป็น รอง ผอ.อีกคำรบ
เถลิงอำนาจขึ้นคุม “ไทยพีบีเอส” สืบทอดตำนาน “คนดีแห่งตระกูล ส.” ไปเรียบร้อยแล้ว .. “เจ๊ปุย” วิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์) ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ “ผอ.ไทยพีบีเอส” ที่ได้รับเลือกท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องถึงความไม่สง่างามในการขึ้นรับตำแหน่งครั้งนี้ .. โดยเฉพาะกระบวนการสรรหาที่เคลียร์เรื่อง “ผัวเมีย-ผลประโยชน์ทับซ้อน” ไม่ได้ ก็เพราะผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีชื่อ สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้เป็นสามีของ “มาดามปุย” นั่งอยู่โทนโท่ .. อย่าลืมว่า "ผู้จัดการ สสส." มีส่วนสำคัญในการเลือก “บอร์ดนโยบาย” ที่มาเป็นผู้เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” อีกที .. เคยเขียนสมการให้ดูแล้วว่าเมื่อ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “บอร์ดนโยบาย” แล้ว “บอร์ดนโยบาย” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” ก็เท่ากับ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” หรือ “ผัวเลือกเมีย - สามีเลือกภรรยา” นั่นเอง .. ไม่เท่านั้น “ผอ.ปุย” ก็ยังมีชนักปักหลังจากปม “ซื้อหุ้นกู้เอกชน” กับ “ลูกพี่เก่า” อย่าง ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผอ.ไทยพีบีเอสคนเดิม ที่ต้องลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยมีลายเซ็น “วิลาสินี” ในฐานะรอง ผอ.ส.ส.ท.สมัยนั้นร่วมอนุมัติการซื้อหุ้นกู้อยู่ด้วย .. ซึ่งชนักนี้ก็ยังไม่ถูกปลด เพราะ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยแทงเรื่องให้ “บอร์ดนโยบาย ส.ส.ท.” ตั้งเรื่องสอบแล้วส่งผลกลับภายใน 2 เดือน จนป่านนี้ก็ทำมึนยังอยู่ .. ล่าสุด “ผอ.ปุย” ก็ออกลาย “คนดี” เช็นตั้ง อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ อดีตรอง ผอ.ส.ส.ท. ที่เคยร่วมอนุมัติซื้อหุ้นกู้เอกชนร่วมกัน เข้ามารับตำแหน่งเดิมเป็น รอง ผอ.ไทยพีบีเอส ร่วมงานกับตัวเองอีกครั้ง ทั้งๆที่ก็ยังมีชนักติดหลังอยู่เหมือนกัน .. เป็นคนดีมันดีอย่างงี้นี่เอง.
ช.ชฎา
รูป -พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
วิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์)
