xs
xsm
sm
md
lg

ติดยศ พล.ต.ท. มือปาระเบิด7ตุลาฯ “ป้อม”ให้โบนัสก่อนเกษียณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ประวิตร” นั่งประธาน ก.ตร. เคาะตำแหน่ง “นายพลตำรวจ” ล็อตใหญ่ เลื่อน “ธีระศักดิ์-ศักดา-วีรพงษ์-ธนิตศักดิ์-ไพศาล” เป็นที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ติดยศ “พล.ต.อ.” พร้อมตั้งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ยศ “พล.ต.ท.” อีก 16 ราย “พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด” รอง ผบช.ภ.3 มือปาระเบิดแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมเหตุการณ์ 7 ตุลา 51 โผล่รับโบนัสก่อนเกษียณ

วานนี้ (27 ก.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ 7/2560 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือ การแต่งตั้งนายพลตำรวจในตำแหน่งปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร.และผู้ทรงคุณวุฒิ ตร.ซึ่งเป็นตำแหน่งที่กำหนดขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ก.ตร.กำหนดมีตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร.10 ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร.20 ตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิ ตร.30 ตำแหน่ง

สำหรับรายชื่อที่น่าสนใจนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เสนอแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.อ. แต่งตั้งตำรวจระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน 1 ราย ได้แก่ พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ขอยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ตร.อีก 4 ราย ประกอบด้วย พล.ต.ท.ไพศาล เชื้อรอด ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัส์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองจเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2561 เป็นต้น

ทั้งนี้ ในส่วนของตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.ท.เทียบเท่าผู้บัญชาการ ปรากฏชื่อของ พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) อยู่ด้วย

สำหรับ พล.ต.ต.ลือชัย เคยได้รับฉายาว่าเป็น “The Negotiator” หรือ “นักเจรจาต่อรองประกันตัว” โดยระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาหน่วยอรินทราช 26 พล.ต.ต.ลือชัย ถือว่ามีชื่อเสียงมาก เนื่องจากเป็นนักเจรจาต่อรองในเหตุการณ์การจี้ตัวประกัน เหตุการณ์โล้นซ่าควงปืนอาก้าบุกสภา เหตุการณ์ปล้นแล้วจับตัวประกัน เหตุการณ์เจรจาต่อรองกับคนเสียสติ รวมไปถึงเหตุการณ์คนฆ่าตัวตายต่างๆ รวมทั้งเป็นผู้สาธิตการใช้กระสุนยางจากอาวุธปืนให้สื่อมวลชนชมเสมอ โดยในช่วงปี 2549-2550 พล.ต.ต.ลือชัย ถือเป็นดาวเด่นของ สตช.ได้ออกสื่อต่างๆ มากมาย
กระทั่งวันที่ 7 ต.ค.2551 ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้ารัฐสภา พ.ต.อ.ลือชัย (ยศในขณะนั้น) ในชุดปฏิบัติการคลุมทั้งตัวและศีรษะ ปรากฏอยู่ในภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวว่าเป็นผู้หนึ่งที่ขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเมามัน ติดตาผู้คนจำนวนมากที่ได้พบเห็นและชมภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายและป่าเถื่อน เนื่องจากนายตำรวจผู้นี้นั้นใช้โล่ของเจ้าหน้าที่ผู้อื่นเป็นกำบัง และเมื่อสบโอกาสก็วิ่งออกจากแนวโล่เพื่อขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธเป็นระยะ ซึ่งนายตำรวจในชุดหมีคนดังกล่าวจริงๆ แล้วก็คือ พ.ต.อ.ลือชัย ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการกองบังคับการ ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.ตปพ.)

เหตุการณ์การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในวันที่ 7 ต.ค.2551 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 471 ราย ทำให้เกิดคดีความต่างๆ มากมาย โดยคดีสำคัญที่สุดก็คือ คดีหมายเลขดำที่ อม.2/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 295 และมาตรา 302 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.2560 นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากเหตุการณ์ 7 ต.ค.2551 พ.ต.อ.ลือชัย ได้เลื่อนขั้นมาตามลำดับ จนได้ติดยศ พล.ต.ต.ลือชัย ในตำแหน่ง รอง ผบช.ภ.3 มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ก่อนที่จะได้ปูนบำเหน็จให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.ท.เทียบเท่าผู้บัญชาการ ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้.
มั่นใจพลังอำนาจ “นิรโทษสุดซอย” ซูเปอร์บิ๊กจำเลย 7 ตุลาฯ!?
มั่นใจพลังอำนาจ “นิรโทษสุดซอย” ซูเปอร์บิ๊กจำเลย 7 ตุลาฯ!?
นาทีนี้ทุกอย่างก็เป็นไปได้ หากพิจารณารายชื่อของบุคคลที่เป็นจำเลยในคดี เพราะนี่คือ “เครือข่ายอำนาจใหม่” ที่ถือว่าทรงพลังมากที่สุดในเวลานี้ และการเคลื่อนไหวแบบนี้มองอีกมุมหนึ่งก็อาจจับทางได้ว่าพวกเขาคงมั่นใจสูงมาก ว่าทุกอย่างอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จแล้ว อีกทั้งอาจเป็นการฉวยโอกาสช่วงชุลมุนที่แทบทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่เรื่องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็อาจมองแบบนั้นได้ แต่ขณะเดียวกันหากพิจารณากันในแง่ความรู้สึกของชาวบ้าน โดยเฉพาะบรรดาญาติผู้สูญเสียในเหตุการณ์และประชาชนทั่วไปจะรู้สึกอย่างไร รวมทั้งการบั่นทอนทำลายศรัทธาอย่างรุนแรง เป็นความเคลื่อนไหวที่มองเห็นไม่ต่างจากการ “ซ่อนรูปนิรโทษสุดซอย” ในอดีตอันอัปยศ
กำลังโหลดความคิดเห็น