มะเร็งสมองน่าจะเป็นศึกสุดท้ายในชีวิตของวีรบุรุษเหรียญกล้าหาญ John McCain วุฒิสมาชิกอาวุโสจากรัฐ Arizona ที่อยู่ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกมา 6 สมัย รวม 30 ปี ขณะนี้เขาอายุ 80 ปีเต็ม และไม่ย่นย่อที่จะทำหน้าที่วุฒิสมาชิกอย่างซื่อสัตย์ต่อตนเอง, ต่อชาว Arizona และต่อประเทศชาติที่เขารักและเทิดทูนยิ่ง
แม้เขาเพิ่งฟื้นไข้ไม่ถึง 5 วันจากการผ่าตัดใหญ่เพื่อกำจัดเลือดที่จับตัวแข็งคั่งอยู่บริเวณเหนือคิ้วซ้าย และแพทย์โรงพยาบาลเมโยที่ Arizona ได้พบก้อนมะเร็งที่กำลังลุกลามเติบโตอย่างรวดเร็วที่สมองของเขา เขาได้พาร่างกายที่ยังอ่อนเพลีย แต่มีกำลังใจที่เข้มแข็งมายังวุฒิสภาเมื่อวานนี้ เพื่อขออภิปรายให้สติแก่สภาที่แตกแยกอย่างหนักระหว่างพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมาก คือพรรคของ McCain เอง และพรรคเดโมแครตที่เป็นเจ้าของกฎหมายประกันสุขภาพ (ชื่อเล่นๆ คือ Obama Care Act) เพื่อให้วุฒิสมาชิกทั้ง 2 พรรคได้พยายามหันหน้าเข้าหากัน ในอันที่จะหาทางผลิตกฎหมายที่ดีกว่าฉบับเดิม ไม่ว่าจะเป็นการแก้กฎหมายเดิม หรือจะมีร่างใหม่ที่ยังใช้สิ่งที่ดีของกฎหมายเดิมเอาไว้
เขาได้รับเกียรติด้วย Standing Ovation เมื่อเขาย่างเข้ามาในวุฒิสภาครั้งนี้ (ซึ่งอาจเป็น Trips ครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา) เพราะแทบทุกคนเคารพในเกียรติภูมิที่สูงส่งของเขา ที่มองประโยชน์ของประเทศชาติมาก่อนอื่นใด เขาไม่มีธุรกิจหรืออยู่ในเครือข่ายธุรกิจใดๆ ไม่ใช่ล็อบบี้ยิสต์ และเป็นอดีตทหารกล้าในสงครามเวียดนามบทบาทในวุฒิสภาของเขาทำให้เขาเป็นที่เคารพเกรงขาม เพราะเขามองผลประโยชน์ของอเมริกา เหนือกว่าผลประโยชน์ของพรรคเขาด้วยซ้ำ เขาจะยอมเจรจาข้ามพรรค (Bipartisan) ไม่ใช่ตอกตะปูหัวปักหัวปำกับจุดยืนของพรรคอย่างที่เราเห็นที่ประเทศไทย โดยไม่ยอมผ่อนสั้นผ่อนยาวในเรื่องสำคัญๆ ที่จะทำให้เกิดความสุขสงบในชาติ อย่างเช่นที่เราเห็นพรรคห-ย่-า-ย พรรคหนึ่ง ถึงกับวางแผนให้ ส.ส.ของตน พร้อมผู้นำพรรค (นายกฯ คนที่เข้าทำเนียบฯ ไม่ได้นั่นแหละ) ต้องปีนกำแพงหนีการกดดันของปวงประชามหาชน เพียงไม่ให้ลูกพรรคแตกแถวเพื่อมายืนข้างประ-ชา-ชน นั่นเอง
เขาเป็นนายทหารเรือที่ผ่านโรงเรียนนายเรือที่ Annapolis รัฐ Maryland ที่แสนทรหดและเข้มงวดมากในด้านระเบียบวินัย และความเทิดทูนชาติที่พร้อมยอมเสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติได้เสมอ
เขาเติบโตในครอบครัวที่บิดาเป็นนายทหารเรืออบรมลูกให้นึกถึงชาติมาก่อน จนบิดาได้ไต่เต้าไปถึงเป็นผู้บัญชาการทหารเรือประจำ Asia-Pacific ในช่วงสงครามเวียดนาม
ในฐานะเป็นนักบินประจำกองทัพเรือ เขาได้อาสาขับเครื่องบินเข้าไปปฏิบัติการในดินแดนที่เสี่ยงอันตราย คือในบริเวณเวียดนามเหนือ ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นลูกของ “ผู้ใหญ่” ในประเทศไทย คงได้ทำแต่ภารกิจที่แสนจะปลอดภัย ไม่เสี่ยงใดๆ (แล้วกลับได้รับการเลื่อนยศรวดเร็วกว่าลูกชาวบ้านที่เข้าไปทำงานเสี่ยงมากๆ) ปรากฏว่า เครื่องบินฮอของเขาถูกยิงตกในแดนศัตรู และถูกจับไปขังคุกที่ลือชื่อมากในสงครามเวียดนามถึงการทรมานเพื่อรีดเอาความลับทางการทหาร
เขาถูกขังเดี่ยวอยู่กว่า 2 ปี พร้อมการทรมานสาหัส ยิ่งพอรู้ว่าเป็นลูกแม่ทัพเรือ ก็จะถูกรีดหนักจนแทบเสียแขนขาและทำให้เดินไม่ค่อยปกติ แขนของเขาไม่สามารถยกขึ้นสูงเกินใบหูของเขา
จากห้องขังเดี่ยว ก็ย้ายมาขังรวมอีกกว่า 3 ปีเต็ม จนตอนหลังมีการแลกเปลี่ยนเชลยจึงได้กลับมาสหรัฐฯ ได้
ท่านแม่ทัพเรือพ่อของเขาใจเด็ดมาก ไม่ยอมส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (พวกSEAL) เพื่อไปชิงตัวเขาออกมาจากคุก Hanoi Hilton เพราะชีวิตลูกชายของท่านก็จะต้องมีค่าเท่าๆ กับชีวิตของทหารอเมริกันคนอื่นๆ ที่เป็นลูกชาวบ้าน ซึ่งก็ต่างกับในบ้านของเรา ที่ลูกของ “ผู้ใหญ่” จะได้รับการดูแลชิงตัวออกมาก่อนลูกชาวบ้านเสมอ
จากการที่เขาถูกทรมานแสนสาหัสที่คุก Hanoi Hilton ทำให้เขามีจุดยืนตรงข้ามกับนโยบายการทรมานเพื่อรีดข้อมูล โดยเฉพาะในรัฐบาล Bush (ผู้ลูก) ที่สหรัฐฯ ถูกโจมตีอย่างไม่ไว้หน้า (ต่อความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ) ที่ตึกแฝด World Trade Center ทางใต้ของเกาะ Manhatton, ที่ตึก Pentagon และใกล้ๆ กับรัฐสภา จนรองประธานาธิบดี Chenney ได้ใช้วิธีทรมานสมาชิกและเครือข่าย รวมทั้งทหารฝ่ายตอลิบันที่จับได้จาก Afghanistan ด้วยวิธีกดหัวจมน้ำให้สำลัก (Water Boarding) และวุฒิสมาชิก John McCain อภิปรายตรงข้ามกับรัฐบาล (และพรรคของตนเอง) จนสภาออกกฎหมายห้ามทำ Water Boarding
เขาได้รับการคัดเลือกจากพรรครีพับลิกันให้เป็นตัวแทนลงแข่งขันประธานาธิบดีเมื่อปี 2008 โดยแข่งกับโอบามา และก็พ่ายแพ้จากการแข่งขันแบบสุภาพบุรุษ ไม่มีชกใต้เข็มขัด หรือโกหกพกลมแบบโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะโอบามาหนุ่มกว่าถึง 40 ปี และมีแรงส่งสูงมากจากการเป็นผิวดำที่ชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มเทคะแนนให้โอบามา
นายทรัมป์ได้เสนอตนเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันสมัครเป็นประธานาธิบดี เมื่อ 2016 โดยได้ชูว่าตนเป็น Outsider และหมดเวลาแล้วที่พรรคจะเลือกนักการเมืองคร่ำหวอดที่พรรคชอบมาเป็นตัวแทน เขาได้พูดจาเหยียดหยาม John McCain ว่าพรรคเลือกคนผิด จึงทำให้ McCain แพ้ ทรัมป์บอกว่า McCain ไม่ใช่ War Hero เพราะ War Hero ต้องไม่ถูกจับไปนั่งเฉยๆ อยู่ในคุกเป็นเวลานาน (ทำไมไม่สละชีวิตแทนถูกจับโดยศัตรูแล้วไปนั่งในคุก) เป็นการสบประมาท War Hero ของอเมริกาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน (และต่อมาเขาก็ดูถูกครอบครัวมุสลิมที่ลูกชายเป็นนายทหารไปตายในสงครามที่อิรัก)
ล่าสุด เมื่อความลับกำลังถูกเปิดโปงออกมาเรื่อยๆ กับคนใกล้ชิดทั้งลูกชาย, ลูกเขย, ผอ.หาเสียงของเขาที่อาจสมคบกับรัสเซีย เพื่อพลิกการเลือกตั้ง จนตนเอาชนะแบบสกปรก โดยฝีมือแทรกแซงจากรัสเซีย นายทรัมป์ก็ออกมาพูดเอาใจฐานเสียงของตนที่เมือง Youngstown, รัฐโอไฮโอ ว่าใครๆ รุมวิจารณ์เขาว่าประพฤติตนไม่เป็นแบบที่ประธานาธิบดีควรปฏิบัติ เขาเน้นว่า “I’m More Presidential Than Anybody Except Lincoln” คือยกตนข่มทุกๆประธานาธิบดีของสหรัฐฯ (ไม่ว่าจะเป็นท่าน George Washington – ผู้ก่อตั้งประเทศ ; ประธานาธิบดี Roosevelt (FDR) ช่วง WW2, รวมถึง JFK ผู้ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ)
สำหรับ “Empty Vessel Makes The Most Sound” ยังเป็นภาษิตฝรั่งที่ใช้ได้ดีกับถังที่ว่างเปล่า, กลวง, ไม่มีน้ำ จะเกิดเสียงดังมากเมื่อเราเอาไม้ไปเคาะ....ตรงข้าม, ถ้าถังเต็มไปด้วยน้ำ จะไม่มีเสียงดังเลย
ระหว่าง McCain กับ Trump ใครมีน้ำยากว่ากัน?