เอเอฟพี/รอยเตอร์-เปียงยางแถลงวานนี้ (9 ก.ค.) ประกาศเตือนการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่กำลังเกิดขึ้น อาจเพิ่มความตึงเครียด และนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
เอเอฟพีรายงานวานนี้ (9 ก.ค.)ว่า หนังสือพิมพ์โรดง กระบอกเสียงของเปียงยาง ได้ตีพิมพ์ข้อความโจมตีสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (9 ก.ค) โดยอ้างว่า วอชิงตัน อาจเป็นผู้นำมาสู่การเปิดฉากสงครามนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
โดยในรายงานของโรดงระบุถึง “การซ้อมรบระหว่างกองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้”ว่า"เป็นเสมือนตัวล่อทางทหารที่อันตรายของพวกกระหายสงคราม ที่พยายามจะก่อสงครามนิวเคลียร์ขึ้นในภูมิภาคนี้ขึ้น"
และยังกล่าวต่อว่า“การคำนวณพลาดเพียงแค่เล็กน้อย หรือความผิดพลาด อาจจะนำไปสู่การเริ่มต้นของสงครามนิวเคลียร์ ที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ต่อการเกิดสงครามโลกครั้งใหม่”
ทั้งนี้พบว่า ในระหว่างการซ้อมรบ เมื่อวันที่ 8 ก.คที่ผ่านมา ที่มีเป้าหมายปฏิบัติการเพื่อโจมตีกองกำลังข้าศึก และฐานลับใต้ดินทางทหาร สหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลรุ่น B-1B จำนวน 2 ลำ ขึ้นสู่ท้องฟ้า เฉี่ยวเข้าใกล้เส้นแบ่งพรมแดน ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างอย่างหนาแน่น พร้อมกับทิ้งระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ (900 ก.ก)
โดยพบว่า อ้างอิงจากรอยเตอร์ เครื่องบิน B-1Bได้จำลองการทิ้งระเบิดทำลายแท่นยิงขีปนาวุธ จากนั้น จึงบินเลียบเขตปลอดทหาร (DMZ) บริเวณชายแดนสองเกาหลี และบินออกจากน่านฟ้าเกาหลีใต้ กลับไปยังรัฐฮาวาย รวมใช้เวลาในการปฏิบัติภารกิจราว 10 ชั่วโมง
เครื่องบินขับไล่สหรัฐฯ และของกองทัพเกาหลีใต้อีก 4 ลำ ยังฝึกโจมตีฐานที่มั่นของศัตรูใต้พื้นดิน ด้วยการยิงระเบิดนำวิถีสำหรับโจมตีบังเกอร์หนัก 900 กิโลกรัม ณ สถานที่ทดสอบในเมืองยองวอล (Yeongwol)ห่างจากพรมแดนเกาหลีเหนือ มาทางใต้เพียง 80 กม.
ในแถลงการณ์ของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ ระบุว่า“ในการซ้อมรบวันนี้ กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯได้แสดงเจตนารมณ์แน่วแน่ ที่จะตอบโต้พวกศัตรูซึ่งกระทำการยั่วยุ และแสดงศักยภาพของเราในการทำลายศูนย์บัญชาการของพวกเขา"
เอเอฟพีรายงานวานนี้ (9 ก.ค.)ว่า หนังสือพิมพ์โรดง กระบอกเสียงของเปียงยาง ได้ตีพิมพ์ข้อความโจมตีสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (9 ก.ค) โดยอ้างว่า วอชิงตัน อาจเป็นผู้นำมาสู่การเปิดฉากสงครามนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
โดยในรายงานของโรดงระบุถึง “การซ้อมรบระหว่างกองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้”ว่า"เป็นเสมือนตัวล่อทางทหารที่อันตรายของพวกกระหายสงคราม ที่พยายามจะก่อสงครามนิวเคลียร์ขึ้นในภูมิภาคนี้ขึ้น"
และยังกล่าวต่อว่า“การคำนวณพลาดเพียงแค่เล็กน้อย หรือความผิดพลาด อาจจะนำไปสู่การเริ่มต้นของสงครามนิวเคลียร์ ที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ต่อการเกิดสงครามโลกครั้งใหม่”
ทั้งนี้พบว่า ในระหว่างการซ้อมรบ เมื่อวันที่ 8 ก.คที่ผ่านมา ที่มีเป้าหมายปฏิบัติการเพื่อโจมตีกองกำลังข้าศึก และฐานลับใต้ดินทางทหาร สหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลรุ่น B-1B จำนวน 2 ลำ ขึ้นสู่ท้องฟ้า เฉี่ยวเข้าใกล้เส้นแบ่งพรมแดน ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างอย่างหนาแน่น พร้อมกับทิ้งระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ (900 ก.ก)
โดยพบว่า อ้างอิงจากรอยเตอร์ เครื่องบิน B-1Bได้จำลองการทิ้งระเบิดทำลายแท่นยิงขีปนาวุธ จากนั้น จึงบินเลียบเขตปลอดทหาร (DMZ) บริเวณชายแดนสองเกาหลี และบินออกจากน่านฟ้าเกาหลีใต้ กลับไปยังรัฐฮาวาย รวมใช้เวลาในการปฏิบัติภารกิจราว 10 ชั่วโมง
เครื่องบินขับไล่สหรัฐฯ และของกองทัพเกาหลีใต้อีก 4 ลำ ยังฝึกโจมตีฐานที่มั่นของศัตรูใต้พื้นดิน ด้วยการยิงระเบิดนำวิถีสำหรับโจมตีบังเกอร์หนัก 900 กิโลกรัม ณ สถานที่ทดสอบในเมืองยองวอล (Yeongwol)ห่างจากพรมแดนเกาหลีเหนือ มาทางใต้เพียง 80 กม.
ในแถลงการณ์ของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ ระบุว่า“ในการซ้อมรบวันนี้ กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯได้แสดงเจตนารมณ์แน่วแน่ ที่จะตอบโต้พวกศัตรูซึ่งกระทำการยั่วยุ และแสดงศักยภาพของเราในการทำลายศูนย์บัญชาการของพวกเขา"