รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐฯ กำลังยั่วยุให้เกิด “สงคราม” บนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากกองทัพอเมริกันส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ 2 ลำขึ้นบินอวดแสนยานุภาพในภารกิจซ้อมรบร่วมกับกองทัพอากาศเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.)
เครื่องบินทิ้งระเบิดเร็วเหนือเสียง บี-1บี แลนเซอร์ จำนวน 2 ลำ ได้เดินทางเข้าสู่น่านฟ้าเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดหนัก เนื่องจากโสมแดงยังคงท้าทายมติคว่ำบาตรของสหประชาชาติและแรงกดดันจากสหรัฐฯ ด้วยการเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง
การมาของเครื่องบินทิ้งระเบิดทั้ง 2 ลำมีขึ้นพร้อมๆ กับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศว่า เขาพร้อมที่จะพบกับผู้นำ คิม จอง อึน "ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม" แม้เกาหลีเหนือจะยังไม่มีทีท่าลดราวาศอกเรื่องโครงการนิวเคลียร์ก็ตาม
มุน ซัง-กยุน โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงโซลว่า ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมเมื่อวานนี้ (1) มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามการยั่วยุจากเกาหลีเหนือ และเพื่อทดสอบความพร้อมในการรับมือหากโสมแดงทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่
กองทัพอากาศสหรัฐฯ แถลงว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด 2 ลำเดินทางจากฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวมเพื่อเข้าร่วมภารกิจซ้อมรบกับกองกำลังทางอากาศของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
รัฐบาลเปียงยางอ้างว่า เครื่องบินของสหรัฐฯ “ซ้อมทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เป้าหมายขนาดใหญ่” ในเกาหลีเหนือ ในขณะที่ ทรัมป์ “และพวกคลั่งสงครามในอเมริกาก็เรียกร้องอยากจะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีเกาหลีเหนือก่อน”
“การยั่วยุทางทหารที่ไร้ความยับยั้งชั่งใจกำลังทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเลวร้ายลง จนอาจถึงขั้นเกิดสงครามนิวเคลียร์” สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ (2)
บรรยากาศบนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุหนักขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ หลังนักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนืออาจลงมือทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เพื่อท้าทายแรงกดดันจากสหรัฐฯ รวมไปถึงจีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญหนึ่งเดียวของเปียงยาง
ถึงกระนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังระบุว่าเขา “รู้สึกเป็นเกียรติ” ที่จะพบกับผู้นำอายุน้อยของรัฐโสมแดง
“หากผมควรที่จะพบเขา ผมก็จะพบแน่นอน และรู้สึกเป็นเกียรติที่จะทำเช่นนั้น” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ทรัมป์ ไม่ได้กล่าวชัดเจนว่า “เงื่อนที่เหมาะสม” นั้นคืออะไรบ้าง แต่ทำเนียบขาวได้แถลงในภายหลังว่า เกาหลีเหนือจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามเงื่อนไขหลายข้อของสหรัฐฯ ให้ได้เสียก่อน จึงจะมีการพิจารณาเรื่องการพบปะระหว่างผู้นำทั้งสอง
ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า “เวลานี้ยังไม่มีเงื่อนไขที่เหมาะสม... และผมก็ไม่คิดว่าการพบปะจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้”