xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ไหนว่าสเปกเทพ "กก.ปฏิรูปตำรวจ" สาละวนคนคสช. ล็อกเก้าอี้ประธานให้ "บิ๊กสร้าง" ชื่อนี้ "ป๋าป้อม" การันตี

ปล่อยเท้งเต้งมา 2-3 เดือน เพิ่งจะมาตั้ง "คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ" ได้ ทั้งที่รัฐธรรมนูญ2560 ก็กำหนดเดดไลน์ไว้ว่า ต้องศึกษา-จัดทำแผนปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ซึ่งก็คือไม่เกิน 6 เม.ย.61 .. เห็นก่อนหน้านี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยบ่นโอดโอยว่า หาคนมาเป็นยาก เพราะกำหนดคุณสมบัติไว้แบบ "สเปกเทพ" .. แต่พอกางชื่อ "36 อรหันต์" กรรมการปฏิรูปตำรวจออกมา ก็ไม่ได้ "เทพเว่อร์" อะไร หลายคนก็อยู่ใน"องคาพยพ คสช." อยู่แล้ว .. ยิ่งตัวประธานปรากฏชื่อ "บิ๊กสร้าง" พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เพื่อนรักเตรียมทหาร รุ่น 6 (ตท.6) ของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับดูแลตำรวจ ก็ร้องอ๋อทันทีว่า สเปกที่ควานหาพลิกแผ่นดิน ต้องเป็น"เพื่อนป๋าป้อม" นั่นเอง ..
ไม่มีใครปฏิเสธความรู้ความสามารถ "บิ๊กสร้าง" อย่างแน่นอน ด้วยประวัติสมัยเรียน-รับราชการ ที่โปรไฟล์หรู ดีกรีดอกเตอร์จากโรงเรียนนายร้อยทหารบก "เวสปอยท์" สหรัฐอเมริกา .. แต่ที่กังวลกลับเป็นเงาที่อยู่หลัง "บิ๊กสร้าง" มากกว่า ซึ่งไม่ใช่เงาของนายทหารรุ่นน้องอย่าง "นายกฯตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกตัวแล้วว่า จะไม่ไปก้าวก่าย หรือไปสั่งอาจารย์ที่สอนตัวเองมาไม่ได้ .. หากแต่เป็นเงาทะมึนของ"ป๋าป้อม" เพื่อนซี้ ตท.6 ที่มี "น้องป." เป็นกุนซืองานด้านตำรวจมากกว่า .. นับถอยหลังเหลือเวลาอีกราว 9 เดือนที่ "บิ๊กสร้าง" จะทำ "พิมพ์เขียว" สังคายนากรมปทุมวัน ให้หลุดพ้นวงจรอุบาทว์ หากตามมาตรฐาน "บิ๊กสร้าง" รวมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่ระดมมาแล้ว คงอ่านขาด รู้ว่าต้องจับวาง-แก้ไขอะไร ตรงไหน .. แต่หากทำงานภายใต้ธงของ"พี่น้อง 2 ป." ก็ต้องถือเป็นเคราะห์กรรมของกรมตำรวจ และของคนไทย
ทะแม่งๆ อยู่อีกนิด ก็พลิกดูแล้วดูอีก คำสั่งไม่ยักกะเห็นชื่อ ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่โดนเด้งฟ้าผ่าให้มาเป็นผู้ตรวจการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมอยู่ใน 36 อรหันต์ปฏิรูปตำรวจ แฮะ .. ไหนตอนย้ายใครต่อใครในรัฐบาลบอกว่า "นายกฯตู่" ขอตัวมาช่วยงานปฏิรูปตำรวจ ล่ะขอรับกระผม.

** ศรัทธา-ความเชื่อนำพา"เจ้าสัวคนดัง" ตามรอย"ทักษิณ-ตระกูลชินฯ"ไปป้วนเปี้ยน ทำป่วนที่ศาลหลักเมืองนครศรีฯ

ความศรัทธา-ความเชื่อ-ความงมงาย ต่างกันแค่เส้นบางๆ.. เรื่องพิธีเสริมดวงชะตาของ“คนใหญ่คนโต”เกี่ยวกับ“ศาล-เสาหลักเมือง”ที่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่ใช่เรื่องใหม่ .. หากจำกันได้ ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2551 สมชาย วงค์สวัสดิ์ น้องเขย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เคยควงแขวนหวานใจ เยาวภา วงค์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ และบรรดาญาติพี่น้อง“ตระกูลชินวัตร”ไปตระเวนทำพิธีบวงสรวง-นมัสการสิ่งศักดิ์ตามสถานที่ต่างๆใน “เมืองคอน”รวมทั้งทำพิธีบูชาจตุคามรามเทพ บวงสรวงเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช และผูกผ้าดิ้นทองทับรอบเสาหลักเมือง .. จนมีข่าวว่าไปตระเวนแก้กรรม-เสริมดวงแทน“ทักษิณ” ซึ่ง“สมชาย”ที่มีพื้นเพเป็นคน อ.ฉวาง และตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.ศึกษาธิการ ในสมัยนั้น ก็อ้างว่าตัวเองมาปฏิบัติราชการในพื้นที่เท่านั้น .. ขัดแย้งกับกระแสข่าวหนาหูว่า เดิมที“ทักษิณ”จะเดินทางไปทำพิธีด้วยตัวเอง แต่เกิดข่าวรั่ว จนไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงใช้วิธีการต่อสายโทรศัพท์ถึง“ทักษิณ”ในระหว่างการประกอบพิธีแทน ..
“ผู้สันทัดกรณี”วิเคราะห์ว่า การที่คนมีชื่อเสียงนิยมไปทำ“พิธีไสยศาสตร์”ที่ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ก็เพราะเชื่อและศรัทธาใน“องค์จตุคามรามเทพ”หรือ “จันทรภาณุ”ที่ถือเป็น “เจ้าพ่อหลักเมืองนครศรีธรรมราช”.. โดยเฉพาะกรณีล่าสุด“เจ้าสัวคนดัง”ก็ไปสร้างชื่อในวงการลูกหนังระดับโลก โดยมีการอัญเชิญ“จตุคามรามเทพ”รวมทั้ง“เหรียญปิดตาพังพระกาฬ”ที่แตกสายออกจามาจากองค์จตุคามฯ ไปฝังไว้ในสนามแข่งของตัวเองทั้ง 4 มุม จนประสบความสำเร็จ ชื่อเสียงกระหึ่มโลก .. กลายเป็นความผูกพันกับ จ.นครศรีธรรมราช จนเทียวไล้เทียวขื่ออยู่หลายรอบ เป็นที่คุ้นเคยกับคนท้องถิ่น โดยครั้งที่ฮือฮาที่สุด คงเป็นคราวที่มีภาพหลุดร่วมกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่พาไปเดินชายหาด ดูทำเลที่ดิน รวมทั้ง“บิ๊กจ๋อน”พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรววจภูธร ภาค 8 ในตอนนั้น ที่ไปต้อนรับถึงลานจอดเฮลิคอปเตอร์มาแล้ว.

** เปิดเหตุ "ศิริชัย วัฒนโยธิน" พลาดเก้าอี้ "ประมุขตุลาการ" / และครั้งหนึ่งเคยร่วมพิพากษา"คดีครูจอมทรัพย์"

รวดเร็วทันใจ สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม เผยแพร่บัญชีรายชื่อ "ชีพ จุลมนต์" รองประธานศาลฎีกา ที่มีอาวุโสอันดับ 2 ทางเว็บไซต์ “สำนักงานคณะกรรมการตุลาการ”(ก.ต.) เพื่อเสนอชื่อเป็นประธานศาลฎีกาคนใหม่ เป็นที่เรียบร้อย .. หลังจากที่ประชุมก.ต. ตีตกชื่อ "ศิริชัย วัฒนโยธิน" ประธานศาลอุทธรณ์ อาวุโสอันดับ 1 ว่า “ไม่เหมาะสม”ในการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนใหม่ .. แม้ชื่อของ ชีพ จุลมนต์ จะต้องผ่านที่ประชุมอนุก.ต. และที่ประชุมใหญ่ก.ต.ตามขั้นตอนก่อน แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีอะไรพลิกโผ สำหรับ“ว่าที่ประมุขตุลาการ” .. แต่ที่ยังติดใจกันอยู่ก็คงเป็นเรื่องที่“ศิริชัย”ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ทั้งที่มีอาวุโสสุงสุด ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน กับเหตุผลของก.ต.ที่ว่า "..การพิจารณาแต่งตั้งผู้บริหาร ต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถในการบริหารไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลักอาวุโส.." .. บ้างก็ว่า ด้วยบุคลิกที่เป็นคนเข้มงวด-โผงผาง-เจ้ากี้เจ้าการ จนไม่เป็นที่ปลาบปลื้มของคนในแวดวงตุลาการ ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าจะไม่มีน้ำหนัก ถึงขนาดโดน“พี่น้องร่วมสถาบันผู้พิพากษา”สอยร่วงกลางอากาศขนาดนี้ .. แต่ที่“คนวงใน”ให้น้ำหนักมากคือ การที่ "สำนักข่าวอิศราฯ" เปิดเผยว่า“ศิริชัย”ไปมีพฤติการณ์ "ล้วงลูก" โอนสำนวน-เพิกถอนการโอนสำนวนในคดีสำคัญๆหลายคดีที่มีผลต่อคำพิพากษาเป็นว่าเล่น .. โดยเฉพาะใน“คดียาเสพติด”คดีหนึ่ง ที่มีจำเลยเป็นชาวต่างชาติ มีการโอนย้ายสำนวนหลายหน กว่าจะเป็นไปตาม "ธง" ที่ตั้งไว้ จนเคยถูกผู้พิพากษาใต้บังคับบัญชาร้องเรียนเป็นหางว่าว .. นอกจากนี้ “ศิริชัย”ก็ยังเคยองค์คณะผู้พิพากษาใน“คดีสำคัญ”หลายคดี ที่จำกันได้คงเป็น "ครูจอมทรัพย์" ที่ศาลชั้นต้นให้จำคุก ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ส่วนศาลฎีกา พลิกกลับไปยืนตามศาลชั้นต้น โดย "ศิริชัย" ร่วมนั่งบัลลังก์ ในชั้นศาลฎีกาด้วย

** ถึงอำนาจ ม. 44 มากด้วยอิทธิฤทธิ์ ถ้าใช้ "พร่ำเพรื่อ-เลอะเทอะ" ก็สิ้นความขลัง จนกลายเป็น “ของเด็กเล่น"

เข้าใจดีว่าที่รัฐบาลเร่งออกกฎหมายแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่นี้ ในลักษณะ“พระราชกำหนด”ที่เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เพื่อการแก้ไขเกี่ยวกับการ“ค้ามนุษย์”ที่โดนจับจ้องจากนานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ มาตลอดหลายปี เพื่อให้ทันท่วงที ทว่าการตรากฎหมายที่มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก กลับไม่ถง ไม่ถาม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซ้ากคำ .. ซ้ำร้ายยังจะเข้าข่ายไปขัด มาตรา 77 ในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนด “ บรรทัดฐานสวยหรู”ไว้ว่า “ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผย ผลการรับฟังความคิดเห็น และการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และนำมาประกอบการพิจารณา ในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน” .. นอกจากจะไม่ให้เกียรติกฎหมายสูงสุด ที่เป็นผลผลิตของ คสช.เองแล้ว ก็ยังตอกย้ำการใช้ “อำนาจศักดิ์สิทธิ์-มากด้วยอิทธิฤทธิ์”ของมาตรา 44 ที่เป็น “ยาสามัญประจำคสช.”ในทางที่ “ผิดพลาด-เลอะเทอะ-พร่ำเพรื่อ”อีกด้วย ด้วยการอกคำสั่งชะลอบางมาตราของกฎหมายแรงงานต่างด้าว ที่ตัวเองเพิ่งทำคลอดออกมา ..
ตามสถิติ 3 ปีกว่าที่ผ่านมา มีการใช้ มาตรา 44 ออกคำสั่งไปแล้วมากกว่า 100 คำสั่ง .. โดยเป็นการใช้อำนาจอย่าง“กว้างขวาง–ครอบจักรวาล” ทั้งลอตเตอรี่เกินราคา จัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย-ทางเท้า บังคับให้ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ สั่งให้ชำระค่าปรับสำหรับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร มาตรการห้ามนั่งท้ายกระบะรถ-ห้ามนั่งแค็บปิกอัพ เมื่อเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ .. เกือบทั้งหมดแทบไม่ได้ผล หลายคำสั่งยัง“เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า”ตามมาแก้ไขทีหลัง ทำเอา“ดาบอาญาสิทธิ์”กลายเป็น“ของเด็กเล่น”ไปซะงั้น.

ช.ชฎา

รูป
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทักษิณ ชินวัตร
สมชาย วงศ์สวัสดิ์
สุเทพ เทือกสุบรรณ
ศิริชัย วัฒนโยธิน
กำลังโหลดความคิดเห็น