xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเผชิญศึกใหญ่ 2 แนว

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

อนาคตประเทศไทยยังเหมือนเรือลอยเท้งเต้งกลางทะเล ที่ผ่านมากว่า 2 ปีมีมรสุมคลื่นลมส่งผลกระทบเป็นระยะๆ แต่ไม่ถึงขนาดคุกคามความมั่นคงเป็นวงกว้างจนอาจ “เอาไม่อยู่” เพราะบรรยากาศโดยรวม กลุ่มต่างๆ ยังรอดูท่าทีและเจตนาของคุณท่านและคณะ คสช.

แม้กระนั้น ยังมีเรื่องจุกจิกกวนใจจากปัจจัยต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ การเมืองอึมครึม การทุจริตเกี่ยวโยงกับบุคคลในรัฐบาล การก่อหวอดโดยขบวนการขี้ข้ามนุษย์เหลี่ยมเร่ร่อน ชักโยงให้องค์กรระหว่างประเทศ นักการทูต เข้ามาสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลคุณท่านเสมอ

นั่นยังพอทำเนา อย่างน้อยที่สุดประชาชนคนดีไม่ได้รวมตัวแสดงความไม่พอใจต่อผลงานของรัฐบาลเป็นวงกว้าง เพียงแต่เอ่ยปากท้วงติงทั้งหนักและเบาหลายเรื่อง เช่นนโยบายพลังงาน สิ่งแวดล้อม การปฏิรูป การรักษาผลประโยชน์ของชาติในโครงการลงทุน

แม้จะสร้างความรู้สึกอึดอัดระหว่างรัฐบาลคุณท่านและประชาชนคนดี ยังไม่ถึงขั้นตั้งป้อมเป็นปฏิปักษ์ รัฐบาลคุณท่านยังได้แสดงออกให้เห็นความโอนอ่อนผ่อนปรน ผ่อนตามบางเรื่องบางระดับ ให้เวลาเป็นตัวกำหนด ประสาน หาจุดยืนร่วมกัน แม้ไม่สนิทใจนัก

เมื่อมามองปัญหาหลักของบ้านเมือง กรณีข้อถกเถียงกันเรื่องประชามติว่าจะยอมรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เกิดความเคลื่อนไหวเปิดเผยโดยกลุ่มทาสน้ำเงินขี้ข้าท่านเหลี่ยมเร่ร่อนแสดงออกชัดเจนว่าเครือข่ายมวลชนของพวกตนไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญ

นอกจากนั้นยังพยายามลองของกับกฎหมายห้ามชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ท้าทายอำนาจและความกล้าของ คสช.ว่าเอาจริงหรือไม่ ด้วยการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยวิญญูชนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายว่าที่เป็นเจตนาแฝงเร้นเพื่อสร้างกิจกรรมทางการเมืองชัดๆ

กลุ่มแกนนำล้วนเป็นพวกเคยใช้ชีวิตในคุกมาก่อน ยังมีคดีร้ายแรง เช่น ก่อการร้ายรออยู่ บางคนมีคดีอื่นๆ รอคำพิพากษาสูงสุดว่าจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกก่อนคดีสำคัญหรือไม่ เป็นกลุ่มเพื่อกิจกรรมทางการเมือง รับใช้ท่านเหลี่ยมเร่ร่อน ถูกมองว่าเป็นพวก “สู้แล้วรวย”

กลุ่มนี้สังกัดพรรคการเมืองของเหลี่ยมเร่ร่อน เคยเป็น ส.ส.มาก่อน จึงเคลื่อนไหวแบบแยกกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน จึงมองออกได้ไม่ยาก คือความพยายามช่วงชิงอำนาจรัฐคืนไม่ให้ได้โดยวิธีใดก็ตาม บ่อนแซะให้ คสช.อ่อนล้า เสียหายด้านความน่าเชื่อถือ

จริงอยู่ คสช.และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสำเร็จในการระงับการเปิดศูนย์ปราบโกง แต่จะไม่สามารถหยุดความเคลื่อนไหวทั้งแบบเปิดเผยและแฝงเร้น เพื่ออย่างน้อยหวังผลในการตีกิน เป็นข่าวให้องค์กรสากลและสถานทูตบางแห่งได้ใช้เป็นข้ออ้างต่อรองกับรัฐบาล

แน่นอน ทั้งกลุ่มแกนนำพวกขี้ข้าเหลี่ยมเร่ร่อนมีมวลชนร่วมกัน พรรคการเมืองของญาติพี่น้องและทาสน้ำเงินของท่านเหลี่ยมกินพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และบางส่วนในภาคอื่นๆ บวกกับพลังเงินทำให้ชนะการเลือกตั้งทั่วไป ได้จัดตั้งรัฐบาลกุมอำนาจรัฐ

จริงอยู่กฎหมายห้ามชุมนุมจะใช้ได้ผล แต่จะไร้ความหมายเมื่อขบวนการเหลี่ยมร้ายสามารถยึดอำนาจรัฐได้จากการซื้อเสียงเลือกตั้ง จะล้างแค้นกลุ่มอื่นๆ มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการให้คนของพวกตัวเองกุมอำนาจกองทัพได้เด็ดขาดหรือไม่

กลุ่มพลังในเครือข่ายขบวนการเหลี่ยมทั้งมวลชน และผู้สนับสนุนพรรคการเมืองมีไม่น้อย เหมือนเป็นการยอมรับแล้วว่าถ้ามีเลือกตั้งเมื่อไหร่ เครือข่ายเหลี่ยมได้กลับมาแน่นอน จากนั้นจะล้มล้างทุกอย่างเพื่อปลดเปลื้องคดีความของพวกตัวเองโดยการเร่งนิรโทษกรรม

ดูสถานการณ์เหมือนเข้าทาง เปิดโอกาสให้เครือข่ายเหลี่ยมได้กลับมาเป็นใหญ่ ยิ่งมีเรื่องสำนักธรรมกาย มีมวลชนเป็นล้านๆ ทั่วประเทศ มีพลังเงินมหาศาล มีนักบวชพระเถระเณรชีเป็นสาวกสำนัก และมีศัตรูร่วมกัน ทำให้พวกเหลี่ยมและธรรมกายน่าเกรงขาม

ถึงไม่ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ สภาพที่ผ่านมาได้ยืนยันว่าทั้งมวลชนแดง พรรคเพื่อเหลี่ยมมีความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน ครอบครัวเหลี่ยมได้นุ่งห่มขาวไปประกอบพิธีกรรมในสำนักธรรมกาย ใกล้ชิดสงฆ์ในอำนาจสูงสุดอีกด้วย

มาถึงจุดนี้ บอกได้ว่า เครือข่ายเหลี่ยม เครือข่ายสำนักธรรมกาย ได้ยืนตรงข้ามกับ คสช.และรัฐบาลคุณท่าน เคลื่อนไหวพร้อมกันแต่แยกกัน มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องให้ประมุขของแต่ละฝ่ายรอดพ้นจากคดีอาญาร้ายแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออนาคตของตัวเอง

ถ้าพรรคเหลี่ยม มวลชนขี้ข้าเหลี่ยมถูกจำกัดความเคลื่อนไหว สำนักและเจ้าสำนักธรรมกายถูกกฎหมายจัดการ ซึ่งอาจรวมไปถึงการถูกอายัดทรัพย์สิน ย่อมนำไปสู่เหตุร้ายแรงด้วยการเคลื่อนไหวโดยใช้มวลชนทั้งเสื้อแดง นุ่งห่มขาว นุ่งห่มสบงจีวรสีเหลือง

กองทัพจะเอาอยู่หรือ? ยากมาก! เพียงแค่พวกกลุ่มนี้ส่งมวลชนของพวกตัวเองไปยืนอยู่หน้าค่ายทหาร หน่วยงานกองทัพ แห่งละไม่กี่พันคน แค่นี้ก็เคลื่อนไหวลำบาก และอย่านึกว่าสภาพเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าสถานการณ์สุกงอมเพียงพอสำหรับการลุกฮือ

เมื่อใดที่เจ้าสำนักโยเยนะจ๊ะหมดหนทางดิ้นรน ก็จะผลักดันให้มวลชนสาวกนุ่งห่มชุดขาวผสมกับกลุ่มพระสงฆ์ นักบวช และพวกมวลชนขี้ข้าเหลี่ยมเร่ร่อนออกมาสำแดงพลัง กลุ่มแรกมีความลุ่มหลง ความเชื่อ ความงมงาย กลุ่มหลังมีเงินก้อนใหญ่เป็นตัวดัน

เมื่อเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ หวังว่ากองทัพจะมีความเป็นเนื้อเดียวกัน อย่าหวังว่าจะสั่งการให้สีกากีออกมาช่วย ทุกวันนี้ต่างกล้ำกลืนความขมขื่น อยู่แบบอดอยาก มีความต้องการอย่างเดียวคือการได้อำนาจคืนเพื่อจัดการผลประโยชน์จากเศรษฐกิจใต้ดินเท่านั้น

ถ้าทำอะไรรุนแรง ต่างชาติจ้องหาเรื่อง หาโอกาสเข้ามาแทรกแซงแน่ ความหวังอย่างเดียวที่เหลือคือพลังของกลุ่มประชาชนคนดีนอกเหนือจากกองทัพ แต่การที่จะได้ใจ แรงหนุนของคนดี คุณท่านและคณะต้องทำดีให้เห็นชัดเจนเพื่อให้ได้ใจและพลังของคนดี
กำลังโหลดความคิดเห็น