ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ได้เขียนทวีตโดยใส่ภาพยนตร์ชุดสั้นเป็นภาพเสมือนจริงของเขา ได้ขึ้นเวทีชกต่อยกับสื่อที่มีหน้าเป็นตัวอักษร CNN ทรัมป์ได้ชก กระทืบ และเตะต่อยสื่อ CNN จนสื่อบาดเจ็บสาหัสล้มลงชนิดคางเหลือง หมอบราบคาบแก้ว โดยเขาเป็นแชมป์ที่เดินออกจากสังเวียนอย่างผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่
นี่เป็นข้อความล่าสุดที่เขาส่งไปยังฐานเสียงของเขา ซึ่งถือเป็นการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์เสมือนจริง ที่สะท้อนถึงอารมณ์โกรธเคืองอย่างรุนแรงที่เขามีต่อสื่อ และเกิดปฏิกิริยาทันทีต่อสังคมอเมริกันและผู้ใฝ่ประชาธิปไตยทั่วโลกว่า เขากำลังยุยงให้ผู้นิยมเผด็จการแบบเขา ควรใช้ความรุนแรงกระทืบสื่ออย่างถ่อยเถื่อนดิบๆ เพื่อให้สื่อต้องบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถทำหน้าที่ของตนได้ต่อไป
ทรัมป์คงคำนวณแล้วว่า ฐานเสียงของเขาจะยอมรับกับการใช้ความถ่อยและกำลังมหาศาล (จากร่างกายที่ใหญ่โตของเขา) เพื่อกระทืบสื่อที่ไม่มีทางสู้เขาได้
เพราะเขาได้ปูทางมาตลอด โดยกล่าวหาว่าสื่อโกหกตั้งแต่ตอนที่เขาหาเสียงช่วง 1 ปีครึ่งก่อนลงคะแนน เพราะสื่อในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ได้เปิดโปงพฤติกรรมชั่วๆ ของเขาเรื่องเจ้าชู้มากๆ (แม้หลังจากแต่งงานกับภรรยาคนที่สาม คือเมลาเนียแล้ว ก็ยังมี Affairs กับผู้หญิงของ Playboy) และการไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดการเสียภาษี
ในเหตุการณ์งานสถาปนาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เขาก็โกรธสื่อมากที่รายงานประชาชนมาร่วมพิธีน้อยกว่าของโอบามา ซึ่งเขาเองและทีมงานโฆษกทำเนียบขาว ก็โกหกเป็นตุเป็นตะว่า มีประชาชนมาร่วมพิธีสาบานตนของเขามากมายกว่าในพิธีของโอบามา ซึ่งไม่ตรงกับภาพที่สื่อได้รายงาน เมื่อสื่อถามที่ปรึกษาทรัมป์ชื่อ Kellyanne Conway ก็ได้รับคำตอบว่านั่นเป็น “ความจริงทางเลือก” (Alternative Facts) ที่ประชาชนจะต้องตัดสินว่าจะเชื่อความจริงของทรัมป์ หรือของสื่อ?
วิธีการที่เขาจะบิดเบือนข้อมูลก็คือ ใช้คำง่ายๆ สั้นๆ ที่กินใจอธิบายกับฐานเสียงของเขา (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชนบท, ไม่ดูข่าวผ่านทีวี หรืออ่านหนังสือพิมพ์, ไม่ได้มีความรู้สูงๆ และอกหักจากนักการเมืองน้ำเน่าในอดีต) โดยส่งข้อความตรงถึงพวกที่รอข่าวจากเขา และใช้ความถี่แบบ “น้ำหยดลงหิน-หินยังกร่อน” เพื่อตอกย้ำการวาดภาพว่า สื่อกำลังบิดเบือนทำร้ายทรัมป์ โดยทรัมป์ไม่ใช่นักการเมืองคร่ำหวอด, เขาเป็นเศรษฐีที่ประสบผลสำเร็จและกำลังมาช่วยพลิกฟื้นประเทศอเมริกา เพื่อช่วยคนอเมริกันที่เคยถูกทอดทิ้ง
เขาใช้เทคนิคนี้ โดยเรียกชื่อฮิลลารีเสียใหม่เป็น Crooked Hillary จนติดปากว่าเป็น “ยายจอมโกงฮิลลารี” หรือ Lying Ted กับคู่แข่งตำแหน่งประธานาธิบดีในพรรครีพับลิกัน ส.ว. Ted Cruz โดยกุเรื่องพ่อ (ชาวคิวบา) ของ Ted ว่าเป็นเพื่อนกับคนคิวบาที่ลั่นไกสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี เป็นต้น
เพียง 72 ชั่วโมงหลังสาบานตนรับตำแหน่ง องค์กรสื่อไร้พรมแดน (Reporters Without Borders คือชื่อย่อภาษาฝรั่งเศสว่า RSF) ได้รายงานว่า ทรัมป์กำลังประณามว่าสื่อเป็น “ศัตรูหมายเลข 1 ของชาวอเมริกัน” (Public Enemy No.1) ซึ่งเป็นวิธีการแบบ Hitler หรือมุสโสลินี รวมทั้งผู้นำในประเทศคอมมิวนิสต์ เช่น จีน, รัสเซีย (สมัย USSR และในปัจจุบันด้วย) รวมทั้งที่ซีเรีย และเกาหลีเหนือ
แต่สหรัฐฯ มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 1 ในตอนที่จะ Ratify รัฐธรรมนูญปี 1789 เมื่อก่อตั้งประเทศใหม่ๆ ซึ่งให้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด มาก่อนการแก้ไขอีก 9 ประเด็น ซึ่งเป็นหลักประกันสำหรับประเทศใหม่ที่เพิ่งแยกตัวออกมาจากประเทศสหราชอาณาจักร ที่มีกฎหมายเข้มข้นเรื่องห้ามประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อหลายๆ เรื่อง ชาวอเมริกันจะหายใจเข้าออกมาเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ที่อาจตรงข้ามกับนโยบายรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ตราบเท่าที่ไม่ผิดกฎหมายหมิ่นประมาท เมื่อข้อมูลเป็นเท็จในการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐบาล หรือรวมทั้งการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ใช้อาวุธ รวมทั้งการรายงานและแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ ถ้าไม่กล่าวหาลอยๆ ไม่มีเหตุผลสนับสนุน
ทรัมป์จะยกเมฆสร้างข่าวเท็จผ่านสื่อ Social Media ในช่วงหาเสียงว่า Pope Francis สนับสนุนเขา ทั้งๆ ที่สมเด็จพระสันตะปาปา ท่านเอือมระอากับการเสนอสร้างกำแพงของทรัมป์
ช่วงครบ 100 วันการเข้าดำรงตำแหน่ง เขาสรุปแบบโกหกหน้าตาเฉยว่า เขาเป็นประธานาธิบดีที่ผ่านกฎหมายมากที่สุดในรอบ 100 วัน ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ Executive Orders (แบบราชกำหนด หรือกฤษฎีกา-ไม่ใช่กฎหมายที่ผ่านการกลั่นกรองจากสภาเลย) และยังมีเสียงค้านจากศาลทั้งชั้นต้น + ชั้นอุทธรณ์ เช่น คำสั่งห้าม Muslim จาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ เป็นต้น
ก่อน Tweet ล่าสุดครั้งนี้ของทรัมป์ เขาได้มีวิวาทะกับผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ MSNBC ชื่อรายการ Morning Joe ที่คอยวิพากษ์วิจารณ์เขาอยู่เสมอ ผู้ชายชื่อ Joe เคยเป็น ส.ส.พรรครีพับลิกัน ได้ล้อเลียนเขาบ่อยๆ รวมทั้งพิธีกรคู่คือ มิกะ บราซินสกี ซึ่งเป็นลูกสาวของอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของอดีตประธานาธิบดีคาร์เตอร์ ก็ถูกทรัมป์ออกมากระทืบผ่านทวิตเตอร์ว่า ทั้งคู่ได้พยายามติดต่อขอมาร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กับทรัมป์ที่มาร์-อา-ลาโก ที่ฟลอริด้า ทรัมป์บอกว่า เขาไม่ยอมให้ทั้งคู่เข้าสัมภาษณ์ และกระทืบกลับไปว่า 2 พิธีกรนี้ เป็นเจ้าของรายการที่ Rating ต่ำมากๆ ส่วนมิกะ ก็มีใบหน้าที่เลือดออกซิบๆ เพราะไปทำศัลยกรรมใบหน้ามา
คำพูดเหยียดหยามทางเพศต่อมิกะ ทำเอาผู้ใหญ่ของพรรครีพับลิกันต้องออกมาปราบปรามทรัมป์ (อีกครั้งหนึ่ง) เพราะกลัวเสียคะแนนของพรรคในกลุ่มผู้หญิง
ประชาธิปไตยสุดๆ แบบสหรัฐฯ นั้น สื่อต้องตรวจสอบผู้นำอย่างอิสระและเข้มข้น ไม่ใช่ให้ผู้นำมาเตะต่อยจนสื่อต้องล้มบาดเจ็บ
สงครามระหว่างทรัมป์และสื่อคงดำเนินต่อไป ซึ่งจะทำให้การบริหารงานของทรัมป์ไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากสื่อ และทำให้งานของเขาประสบผลสำเร็จได้ยาก.