เอพี – ทรัมป์ยังไม่เลิกพฤติกรรมคุกคามสื่อ ล่าสุดทวิตคลิปวิดีโอล้อเลียนที่เป็นภาพตัวเองกำลังทำร้ายชายสวมสูทที่หน้าถูกปิดด้วยโลโก้ซีเอ็นเอ็น บริเวณด้านล่างของเวทีมวยปล้ำ ด้านสมาคมผู้สื่อข่าวประณามคลิปดังกล่าวว่าเป็นการขู่ใช้ความรุนแรงต่อผู้สื่อข่าว ส่วนทางซีเอ็นเอ็นออกแถลงการณ์โต้ตอบว่า ทรัมป์ควรโฟกัสกับงานแทนที่จะทำตัวเหมือนเด็ก เช่นเดียวกับสมาชิกจากทั้งสองพรรคที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เลิกระเบิดอารมณ์ในโลกโซเชียลและมุ่งมั่นบริหารประเทศ
ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ใครเป็นคนทำคลิปดังกล่าว ซึ่งดูเหมือนดัดแปลงมาจากการปรากฏตัวของทรัมป์ในงาน “แบตเทิล ออฟ เดอะ บิลเลียนแนร์ส” ของเวิลด์ เรสติง เอนเตอร์เทนเมนต์ (ดับเบิลยูดับเบิลยูอี) ปี 2007 ที่ทรัมป์แสดงท่าทางเหมือนเข้าไปทำร้าย วินซ์ แมคมาฮอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ดับเบิลยูดับเบิลยูอี วีดีโดความยาว 27 วินาทีนี้โพสต์อยู่บนบัญชีทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมข้อความ “#FraudNewsCNN #FNN” เมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.ค.)
ปัจจุบัน ลินดา ภรรยาของแมคมาฮอน เป็นประธานสำนักงานส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กของคณะบริหารสหรัฐฯ และเป็นผู้สนับสนุนสำคัญในแคมเปญหาเสียงของทรัมป์
คลิปดังกล่าวโพสต์โดยผู้ใช้เว็บเร็ดดิตมานานหลายวัน โดยตั้งชื่อคลิปว่า “ทรัมป์สอยข่าวปลอม” ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า ทรัมป์ไปเจอคลิปนี้ที่ไหน แต่เมื่อวันอาทิตย์ ผู้ใช้รายนี้ที่มีประวัติโพสต์ข้อความต่อต้านมุสลิมและคนเข้าเมืองมาก่อน ยังแสดงความคิดเห็นบนเว็บว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ทรัมป์นำวีดีโอของตนไปทวิตต่อ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ตราหน้าสื่อเป็น “พรรคฝ่ายค้าน” และ “ศัตรูของอเมริกันชน” ทั้งยังพุ่งเป้าโดยตรงไปที่เครือข่ายซีเอ็นเอ็นพร้อมขนานนามว่า “ข่าวปลอม”
เมื่อวันอาทิตย์ ประมุขทำเนียบขาวยังไม่เลิกใช้ทวิตเตอร์ระบายความในใจ โดยจัดหนักอีกรอบว่า “สื่อที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่สามารถขัดขวางเป้าหมายของเราในนามของอเมริกันชนอันยิ่งใหญ่!”
บรูซ บราวน์ ผู้อำนวยการบริหารคณะกรรมการผู้สื่อข่าวเพื่อเสรีภาพสื่อ ประณามคลิปดังกล่าวว่าเป็นการขู่ใช้ความรุนแรงต่อผู้สื่อข่าว พร้อมติงว่า ทวิตของทรัมป์อยู่ภายใต้ตำแหน่งประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม ทอม บอสเสิร์ต ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของทำเนียบขาวท้วงว่า คงไม่มีใครคิดว่าทวิตของทรัมป์เป็นการข่มขู่
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่เดินทางไปยังกอล์ฟคลับในนิวเจอร์ซีย์กับทรัมป์ในช่วงสุดสัปดาห์ ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องที่ว่า ใครเป็นคนทำคลิปหรือข้อความที่ทรัมป์ต้องการสื่อ
การใช้วาจาเสียดสีโจมตีสถาบันสื่อและบุคลากรในวงการสื่อของทรัมป์ลุกลามกลายเป็นการโจมตีตัวบุคคลมากขึ้น กระทั่งสมาชิกรัฐสภาจากทั้งสองพรรคต้องปรามว่า พฤติกรรมของประธานาธิบดีรังแต่บ่อนทำลายวาระการเมืองของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เพิ่งพุ่งเป้าเล่นงาน "มิกา เบอร์เซอซิงสกี" และ "โจ สการ์โบโรห์" สองผู้ประกาศข่าวของเอ็มเอสเอ็นบีซีในรายการ “มอร์นิ่ง โจ” และซีเอ็นเอ็นที่จิกกัดตนเองรุนแรงที่สุด เช่น ทวิตเรียกเบอร์เซอซิงสกีว่า “บ้า” และยังยืนยันว่า ผู้ประกาศข่าวหญิงผู้นี้ “เลือดตกในรุนแรงจากการไปยกหน้า” ตอนที่เจอกันที่รีสอร์ทส่วนตัวของตนในฟลอริด้าเมื่อเดือนธันวาคม
ทางด้านเบอร์เซอซิงสกีและสการ์โบโรห์ ซึ่งเป็นคู่หมั้นกัน โต้กลับว่า ทรัมป์โกหกเกี่ยวกับการพบกันดังกล่าว พวกเขาได้รับการบอกเล่าจากทำเนียบขาวว่า ข่าวฉาวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ใน "เนชันแนล เอ็นไควเรอร์" จะหายวับไปทันที ถ้าพวกเขาโทรไปขอโทษที่เคยวิจารณ์ทรัมป์
สัปดาห์ที่แล้ว ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ทรัมป์ไม่เคยส่งเสริมหรือสนับสนุนการใช้ความรุนแรงไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม
แต่เมื่อวันอาทิตย์ ซีเอ็นเอ็นตอบโต้วีดีโอที่ทรัมป์ทวิตว่า เป็นวันอันน่าเศร้า เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงกับผู้สื่อข่าว เห็นได้ชัดว่า แซนเดอร์สโกหกที่บอกว่า ประธานาธิบดีไม่เคยทำแบบนั้น
แถลงการณ์ของซีเอ็นเอ็นยังร่ายยาวถึงปัญหาที่รอทรัมป์อยู่ ทั้งการเดินทางไปต่างประเทศในสัปดาห์นี้ ที่อาจรวมถึงการพบกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย , กฎหมายสุขอนามัยที่ยังค้างเติ่ง , ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
“แทนที่จะโฟกัสเรื่องเหล่านั้น ทรัมป์กลับทำตัวเหมือนเด็กไม่สมกับตำแหน่ง” ซีเอ็นเอ็นเรียกร้องให้ทรัมป์ตั้งใจทำงานตามตำแหน่งหน้าที่
เช่นเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภาทั้งจากรีพับลิกันด้วยกันและเดโมแครต ที่ต่างอ้อนวอนให้ทรัมป์โฟกัสกับการบริหารประเทศ แทนการระเบิดอารมณ์ในโลกโซเชียล
วุฒิสมาชิก บิลล์ แคสสิดี้ จากรีพับลิกัน ยอมรับว่า ทวิตของทรัมป์เบี่ยงเบนความสนใจไปจากงาน ซึ่งรวมถึงกฎหมายสุขอนามัยที่ยังคาราคาซังอยู่
จอห์น เคซิก ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอจากรีพับลิกันเช่นกัน แสดงความหวังทิ้งท้ายว่า ครอบครัวของทรัมป์ควรเตือนสติเขาว่า ความหยาบคายไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย