xs
xsm
sm
md
lg

3 องค์กรยุติธรรมยื่นมือช่วย “แม่-น้องบีม” รุมฟ้องอาญา-แพ่งทนายเจ้าเล่ห์อมเงิน 5 ล้าน (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ยธ.สภาทนายความ เนติบัณฑิตยสภา แถลงความคืบหน้าช่วยเหลือ “แม่-น้องบีม สาวขาพิการ” ถูกทนายอาสาอมเงินเยียวยาอุบัติเหตุกว่า 5 ล้านบาท เผยเจ้าเล่ห์เจรจาให้ถอนแจ้งความฐานฉ้อโกงก่อนปิดโทรศัพท์หนี ด้าน 3 หน่วยงานยุติธรรมรุมจวก ตั้งทีมฟ้องเอาผิดทั้งอาญา-แพ่ง เล็งพิจารณาปลดจากทนาย



วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 10.30 น. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยสภาทนายความ และเนติบัณฑิตยสภา แถลงความช่วยเหลือเยียวยากรณีที่ น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี แม่ของ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง อายุ 14 ปี หรือน้องบีม นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาล ที่พิการขาขาดสองข้างจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 ก่อนถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความอาสา โกงเงินที่บริษัทเจ้าของรถพ่วงชดใช้ค่าเสียหายให้ไปกว่า 5 ล้านบาท โดยวันนี้ได้มีการเซ็นแต่งตั้งทนายความจากบัณฑิตยสภา เพื่อฟ้องร้องนายพิสิษฐ์ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยทางกระทรวงยุติธรรมจะให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าธรรมเนียมในการดำเนินคดี อาทิ เงินวางศาล ประมาณ 6 หมื่นบาท หรือร้อยละ 2 ของเงินที่เรียกคืนทั้งหมด 3 ล้านบาท

ด้านนายสมบัติ วงศ์กำแหง ประธานฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา และอุปนายกสภาทนายความ กล่าวยืนยันว่า นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ไม่ได้เป็นทนายความที่ทางสภาจัดให้ แต่เป็นทนายที่อาสาเข้าไปช่วยเหลือตัวผู้เสียหายเอง อีกทั้งยังเคยถูกร้องเรียนเรื่องฝ่าฝืนมรรยาททนายความ และถูกลงโทษพักใช้ใบอนุญาตว่าความเป็นเวลา 2 ปี ล่าสุดพ้นจากการถูกพักใช้ใบว่าความแล้ว โดยสถานะปัจจุบันนายพิสิษฐ์ยังคงมีชื่ออยู่ในทะเบียนทนายความ โดยหลังจากนี้เตรียมจะตั้งคณะกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อตรวจสอบจริยธรรมทนายความกรณีฉ้อโกงเงิน รวมถึงเตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการฝ่ายบริหารสภาทนายความวาระพิเศษเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อพิจารณาคำสั่งปลดนายพิสิษฐ์จากการเป็นทนายความทันที หลังปรากฏประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้นายพิสิษฐ์เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งคุณสมบัติต้องห้ามของการเป็นทนายความจะต้องไม่เป็นบุคคลที่ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย

ด้าน น.ส.พรทิพย์ระบุว่า ที่ผ่านมารู้สึกว่านานมากจนจะไม่สู้แล้ว และบอกลูกตลอดว่าคงไม่ใช่เงินเรา อย่าคิดมากและให้สู้ต่อไป เพราะตัวแม่สุขภาพไม่ดี ก็ไม่รู้จะอยู่อีกนานแค่ไหน แต่จู่ๆ สื่อมวชนก็เข้ามาช่วยเหลือทำให้มีความหวังขึ้นมาและดีใจมาก

ขณะที่ ด.ญ.ภัทรดาระบุว่า ทุกวันนี้ยังมีอาการปวดหลัง คล้ายกระดูกหลังยื่นนูนออกมาซึ่งก็ไม่เคยรักษาจริงจังเพราะไม่มีเงิน ขาก็ต้องใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงจึงจะสามารถยืนได้ หลังเลิกเรียนก็ต้องฝึกกายภาพบำบัดวันละ 1-2 ชั่วโมง ก่อนเตรียมตัวไปขายของต่อ และถ้าได้เงินครบตามจำนวนคืนมาก็คงจะสามารถรักษาสุขภาพตัวเองและคุณแม่ได้ ส่วนตัวมีความฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าว ส่วนทนายพิสิษฐ์ก็อยากให้มาพูดคุยกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น