สถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง สังคม สภาวะแวดล้อมโดยทั่วไปในบ้านเมืองปัจจุบันนี้ ถ้าใครยังมองโลกสวย ชอบฟังแต่ข่าวดี รอบตัวดูมีสีสันสดสวย เชื่อมั่นในตัวผู้นำชาติพ้นภัย ก้มหน้าก้มตาทำมาหากิน ไม่ใส่ใจเรื่องบ้านเมือง ใครจะแย่งอำนาจกันก็ช่างมันละก้อ...
ระวังเถอะ! ถ้าไม่มีรากฐานชีวิตมั่นคง มีรายได้สูง มีทรัพย์สินเงินทองมากพอ กำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะเผชิญกับวิกฤตทุกข์ภัยด้านชีวิตความเป็นอยู่อีกรอบ อาจจะร้ายแรงกว่าเดิม โอกาสฟื้นตัวจะยาก ถ้าประเมินจากโครงสร้างโดยรวมของประเทศ ณ ปัจจุบัน
วันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 20 ปีของวิกฤตต้มยำกุ้ง ประเทศไทยกล้าไปสู้ค่าเงินบาทจนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศร่อยหรอเหลือติดก้นคลังเพียง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนต้องตากหน้าไปขอกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ ชาติอื่นๆ ควักกระเป๋าช่วยเหลือ
วิกฤตต้มยำกุ้งระบาดไปสู่หลายประเทศในเอเชีย รัสเซียและชาติอื่นๆ ที่มีโครงสร้างและสถานภาพเปราะบาง ประเทศไทยถูกบีบให้เลหลังขายทรัพย์สินราคาถูก คนไทยรับรู้บทเรียนเจ็บปวดในสภาวะสังคม “คนเคยรวย” “เปิดท้ายขายของ” ธุรกิจต่างๆ เจ๊งระนาว
ความหายนะเป็นที่รับรู้กัน “คนเคยรวย” บางกลุ่มยังเป็นคนเคยรวยเหมือนเดิม ไม่สามารถฟื้นตัวได้ก็มี เมื่อไม่มีทรัพย์สินขาย ไร้โอกาสทำงานสร้างรายได้สูง ความรุ่งเรืองของไวน์บาร์ ร้านอาหารราคาแพง รถยนต์หรู ความคึกคักแปรเปลี่ยนไปตามยุคนิยมใหม่
มีคนถามนักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน การธนาคาร นักอุตสาหกรรม กูรู กูรู้ทั้งหลายว่าจากสภาวะปัจจุบันของประเทศไทยจะมีโอกาสเกิด “วิกฤตต้มยำกุ้งรอบใหม่” ได้หรือไม่
คำตอบส่วนใหญ่บอกว่า “โอกาสเป็นไปได้น้อย” “ยาก” แต่ไม่มีใครประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ไม่มีทาง” “เป็นไปไม่ได้” เพราะประเทศไทยระวังมาก ได้รับบทเรียนแล้ว ทั้งยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากกว่า 1 แสน 7 หมื่นล้าน สูงกว่าในปี 2540 หลายเท่า!
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ? อ๋อ! พวกมองโลกในแง่ดีว่าวิกฤตต้มยำกุ้งไม่มีทางเกิดขึ้นคงเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่อยู่ในความเสี่ยงว่าจะเกิดฟองสบู่แตก แม้มีปัญหาเรื่องความต้องการอยู่บ้าง แถมยังยอมรับด้วยว่าธนาคารไม่อยากให้กู้เพราะกลัวเสี่ยงหนี้เสีย
ก่อนเกิดวิกฤตลดค่าเงินบาทในปี 2540 จะมีสักกี่คนเชื่อว่าบ้านเมืองต้องเผชิญสภาพการณ์ร้ายแรงเช่นนั้น ยิ่งได้ฟังท่านผู้เฒ่าจิ๋วนายกฯ รับประกันว่าจะไม่มีการลดค่าเงินบาทอย่างเด็ดขาด คนก็เชื่อ ที่ไหนได้ ฟองน้ำลายยังไม่ทันแห้ง บริษัทแข่งกันเจ๊งทั่วหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ ผู้รู้ยุคนั้น ยังอยู่กันครบหน้า และเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดอีกรอบ!
คนทั่วไปในยุคนี้ ต่างจากสภาวะที่อยู่ก่อนปี 2540 ซึ่งภาคชนบทไม่มีหนี้สินพอกพูนจนไร้สภาพดังเช่นทุกวันนี้ ยุคปัจจุบันเหลียวไปทางไหน คนไทยเป็นหนี้กันถ้วนหน้า หนี้ครัวเรือนเคยต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีในช่วงนั้น มาบัดนี้เกือบถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ยุคนั้นคนชนบทไม่มีเงินมาก แต่มีกินตามสภาพ ไม่มีหนี้มาก อุ้มคนตกงานจากภาคอุตสาหกรรมให้พักฟื้นฟูจิตใจก่อนสู้กับชีวิตอีกรอบได้ เดี๋ยวนี้ถ้าเกิดวิกฤตแบบเดิม ภาคอุตสาหกรรมเลิกจ้าง ภาคชนบทจะอุ้มไม่ได้เหมือนเดิมเพราะมีหนี้มากเหมือนกัน
ทุกวันนี้เหลียวมองไปทางไหน เห็นแต่สภาพของเศรษฐกิจรากหญ้ากำลังรากเลือด ตายซากก็มาก ห้างร้านใหญ่น้อยทยอยปิดตัวก่อนจะหายนะเพราะหนี้สินมากกว่านี้ ดูแล้วไร้ทางออก สถาบันการเงินแทบงดการให้กู้เงิน ธนาคารเกือบหมดเป็นของต่างชาติ
ทุกวันนี้ยังเน้นภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ทอดทิ้งภาคเกษตรกรรม มรดกของแผ่นดิน คำว่าศาสตร์พระราชาเป็นเพียงคำคุยลมๆ แล้งๆ เลิกพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มีแต่โครงการใหญ่โต ไทยแลนด์ 4.0 ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รถไฟความเร็วสูง
มีโครงการกู้หนี้รวมกว่า 1 ล้านล้านบาท แต่ไม่มีใครพูดสักแอะว่าจะหารายได้จากไหนมาใช้คืนหนี้มโหฬารขนาดนั้น ไม่มีใครกล้ารับผิดชอบถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอีกรอบ จะไม่ต่างจากอาร์เจนตินา หรือกรีซ ที่ต้องขายทรัพย์สินใช้หนี้ เราจะทำซ้ำเหมือนปี 2540
ทุกวันนี้เงินบาทก็แข็ง ธนาคารแห่งประเทศไทยขาดทุนทางบัญชีไปกว่า 7.2 แสนล้านบาทแล้ว อ้างว่าส่วนหนึ่งไปอุ้มพ่อค้าส่งออกเพื่อชาติ มีใครบอกให้ประชาชนทราบ? มีหนี้สินครัวเรือน หนี้สินประเทศมากขนาดนี้ แต่ช่องทางหารายได้จะเอามาจากไหน ใครรู้?
ประชาชนมีหนี้สินพอกพูน อำนาจการซื้อถดถอย คนว่างงานมาก คนทำงานรายได้ไม่เพิ่มในอัตราที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แถมยังมีความเสี่ยงที่จะโดนเลิกจ้างเพราะภาวะเศรษฐกิจซบเซา ยิ่งมีนโยบายขี้เท่อๆ หลุดออกมาหลายครั้ง ก็ยิ่งดูน่าห่วง
เศรษฐกิจของโลกและของประเทศขณะนี้ไม่เหมาะที่จะให้มือสมัครเล่นเข้ามาลองผิดลองถูก หรือนี่เป็นแผนสร้างหนี้สินให้บ้านเมืองเดี้ยงสิ้นสภาพ ต้องพึ่งพาให้กลุ่มทุนใหญ่เป็นพระเอกรับซื้อทรัพย์สินแผ่นดิน เป็นเจ้าของประเทศโดยสมบูรณ์อย่างที่สงสัยกัน
การส่งออกขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งยังซบเซา ทุกประเทศมีหนี้สินเหมือนพวกชาติป่วยหนักในยุโรป แต่ประเทศไทยมุ่งแต่กู้ กู้ กู้ นึกว่าได้เงินมาฟรี มีต้นไม้ออกดอกผลเป็นเงิน หรือพิมพ์ธนบัตรได้เองไม่ต้องมีทองคำ หรือทรัพย์สินเป็นฐานหนุนเช่นนั้นหรือ
หลังจากบริหารบ้านเมืองมานานกว่า 3 ปี ผลงานทุกด้านเฉียดสอบตกเกือบทุกรายการ มี 2-3 รายการสอบตกอีกด้วย แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนอุ่นใจ ไว้ใจได้อย่างไรว่าการเร่งหาโครงการมาแล้วกู้เงินมาทำนั้นจะไม่นำพาบ้านเมืองเข้าสู่จุดเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤต
ไร้ประสบการณ์บริหารบ้านเมือง แต่เข้ามาพยายามทำงานนานกว่า 3 ปี โพลยังโชว์ตัวเลขผลงานไม่น่าประทับใจ ชาวบ้านร้องเตือนก็ไม่ฟัง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เกิดวิกฤตรอบใหม่ชาวบ้านขอให้อยู่รับผิดชอบความหายนะด้วย เห็นว่าจะอยู่ต่ออีกยาวมิใช่เรอะ?!