วานนี้ (29 มิ.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า โดยมี พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวก่อนการประชุมว่า เหลือเวลาอีก 3 เดือน จะสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนก.ย. และงบประมาณใหม่จะเริ่มขึ้นในเดือนต.ค. เป็นต้นไป ดังนั้น 3 เดือนนี้ ต้องเตรียมการทั้งหมด เพื่อมุ่งไปสู่ความยั่งยืนให้ได้ โดยเฉพาะงานที่ต้องบูรณาการร่วมกัน เช่น การค้ามนุษย์ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนสำคัญ ที่เราต้องแก้ไขต่อไป รวมถึงวาระแห่งชาติอื่นด้วย
สำหรับการประชุมครั้งนี้ กระทรวงแรงงาน สรุปถึงภารกิจที่สำคัญในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งการดูแลแรงงานในระบบ และนอกระบบ การเร่งพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมแรงงานไทยรองรับ ไทยแลนด์ 4.0 และ ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล รวมถึงการพัฒนา และเตรียมคนสู่ศตวรรษที่ 21 พร้อมเสนอประเด็นการวางรากฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานนอกระบบ ตามเป้าหมาย PM TARGET พัฒนาสู่ แรงงาน 4.0 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "ภายในปี 2565 คนไทยไม่มีใครจน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"
วันเดียวกันนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดย นายเจน นำชัยศิริ ปธ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เพื่อเสนอปัญหาในภาคปฏิบัติ ตามพ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 60 ที่ผ่านมา ว่าทางกกร.ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการภาคเอกชนทั่วประเทศ ถึงปัญหาในการปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที และมีบทลงโทษที่สูงเกินไป ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ท่องเที่ยวและบริการ และกลุ่มวิถีชุมชนที่จ้างแรงงานต่างด้าว
ดังนั้นทาง กกร.จึงขอเสนอความเห็น เพื่อให้นำไปพิจารณาประกอบแนวทางการปฏิบัติ โดย 1. เปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั่วประเทศอีกครั้ง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ได้เข้าสู่ระบบอีกครั้ง 2. ให้มีผู้แทนภาคเอกชน หรือ กกร. เข้ามีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น เพื่อให้สามารถปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ได้ 3. ควรให้มีการกำหนดกฎหมายอนุบัญญัติเฉพาะในการจ่ายค่าชดเชยแรงงานต่างด้าว ที่มาทำงานกับนายจ้างในประเทศ และ 4. ควรมีการประชาสัมพันธ์ พ.ร.ก.ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายกับผู้ประกอบการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการออก พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว เพื่อบังคับใช้อย่างเร่งด่วนนี้ ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับการเดินงานต่างประเทศของรัฐบาล หรือไม่ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า กำลังพยายามแก้ไขปัญหา เพราะไม่ได้มีเฉพาะสหรัฐอเมริกา แต่ว่ามีเรื่องของสหภาพยุโรป และอื่นๆ ต่างจับจ้องเรื่องนี้อยู่ โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศไทยยังถูกคงระดับการค้ามนุษย์ที่ เทียร์ 2 นั้น เรายังอยู่ในสถานะเดิม ดังนั้น เราจะต้องทุ่มเท ขวนขวายต่อไปว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร ให้เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานของคนที่ประเมิน แต่เรื่องค้ามนุษย์ เป็นเรื่องที่เราเองควรจะต้องใส่ใจ เอาจริงเอาจัง ขณะเดียวกัน การเจรจาทำความเข้าใจ และมาตรการ ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับต่างชาติ เราต้องมีวิธีที่แตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะเรื่องประมง ที่เห็นได้ชัดว่า ทางการได้พยายามเข้มงวดกวดขัน แต่ทำไปทำมา กลายเป็นอุตสาหกรรมประมงได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะมาก
ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวก่อนการประชุมว่า เหลือเวลาอีก 3 เดือน จะสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนก.ย. และงบประมาณใหม่จะเริ่มขึ้นในเดือนต.ค. เป็นต้นไป ดังนั้น 3 เดือนนี้ ต้องเตรียมการทั้งหมด เพื่อมุ่งไปสู่ความยั่งยืนให้ได้ โดยเฉพาะงานที่ต้องบูรณาการร่วมกัน เช่น การค้ามนุษย์ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนสำคัญ ที่เราต้องแก้ไขต่อไป รวมถึงวาระแห่งชาติอื่นด้วย
สำหรับการประชุมครั้งนี้ กระทรวงแรงงาน สรุปถึงภารกิจที่สำคัญในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งการดูแลแรงงานในระบบ และนอกระบบ การเร่งพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมแรงงานไทยรองรับ ไทยแลนด์ 4.0 และ ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล รวมถึงการพัฒนา และเตรียมคนสู่ศตวรรษที่ 21 พร้อมเสนอประเด็นการวางรากฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานนอกระบบ ตามเป้าหมาย PM TARGET พัฒนาสู่ แรงงาน 4.0 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "ภายในปี 2565 คนไทยไม่มีใครจน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"
วันเดียวกันนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดย นายเจน นำชัยศิริ ปธ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เพื่อเสนอปัญหาในภาคปฏิบัติ ตามพ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 60 ที่ผ่านมา ว่าทางกกร.ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการภาคเอกชนทั่วประเทศ ถึงปัญหาในการปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที และมีบทลงโทษที่สูงเกินไป ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ท่องเที่ยวและบริการ และกลุ่มวิถีชุมชนที่จ้างแรงงานต่างด้าว
ดังนั้นทาง กกร.จึงขอเสนอความเห็น เพื่อให้นำไปพิจารณาประกอบแนวทางการปฏิบัติ โดย 1. เปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั่วประเทศอีกครั้ง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ได้เข้าสู่ระบบอีกครั้ง 2. ให้มีผู้แทนภาคเอกชน หรือ กกร. เข้ามีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น เพื่อให้สามารถปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ได้ 3. ควรให้มีการกำหนดกฎหมายอนุบัญญัติเฉพาะในการจ่ายค่าชดเชยแรงงานต่างด้าว ที่มาทำงานกับนายจ้างในประเทศ และ 4. ควรมีการประชาสัมพันธ์ พ.ร.ก.ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายกับผู้ประกอบการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการออก พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว เพื่อบังคับใช้อย่างเร่งด่วนนี้ ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับการเดินงานต่างประเทศของรัฐบาล หรือไม่ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า กำลังพยายามแก้ไขปัญหา เพราะไม่ได้มีเฉพาะสหรัฐอเมริกา แต่ว่ามีเรื่องของสหภาพยุโรป และอื่นๆ ต่างจับจ้องเรื่องนี้อยู่ โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศไทยยังถูกคงระดับการค้ามนุษย์ที่ เทียร์ 2 นั้น เรายังอยู่ในสถานะเดิม ดังนั้น เราจะต้องทุ่มเท ขวนขวายต่อไปว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร ให้เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานของคนที่ประเมิน แต่เรื่องค้ามนุษย์ เป็นเรื่องที่เราเองควรจะต้องใส่ใจ เอาจริงเอาจัง ขณะเดียวกัน การเจรจาทำความเข้าใจ และมาตรการ ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับต่างชาติ เราต้องมีวิธีที่แตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะเรื่องประมง ที่เห็นได้ชัดว่า ทางการได้พยายามเข้มงวดกวดขัน แต่ทำไปทำมา กลายเป็นอุตสาหกรรมประมงได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะมาก
