ไม่ต้องรอถึง 9 ปี 10 ปี

ไม่ต้องมองไกลถึง 9 ปี 10 ปี...แค่เฉพาะ 9 เดือน 10 เดือนข้างหน้านี้ “รัฐบาลชนชั้นนำ” อย่าง คสช.ท่านก็น่าจะหายใจทางเหงือก ขาแกว่ง ก้นเตี้ยอยู่พอสมควร เนื่องจากแนวโน้มที่หมัด-เท้า-เข่า-ศอก-สากกะเบือบิน ฯลฯ น่าจะได้จังหวะลอยละล่องมาจากทุกทิศทุกทาง อันถือเป็นธรรมชาติโดยปกติของบ้านเมืองนั่นแหละทั่น คือถ้าอยากจะสงบ-เรียบ-นิ่งกันจริงๆ ไม่ต้องเจอกับปัญหาใดๆ เลย คงต้องย้ายที่ตั้งประเทศไปอยู่บนอวกาศโน่นแหละ ถึงอาจพอเป็นไปได้มั่ง...

แต่ถ้าหากยังคงมีที่ตั้งอยู่บนโลกใบนี้...แถมเป็นโลกที่อันตรายหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โลกที่เต็มไปด้วยแรงกดดันให้ใครต่อใครต้องเลือกข้าง-เลือกฝ่าย แทบไม่เหลือ “พื้นที่เป็นกลาง” ให้หยัดยืนได้แบบสบายๆ ทั้ง “ปัจจัยภายนอก” และ “ปัจจัยภายใน” ที่มันย่อมต้องไหลมาประสานกันโดยอัตโนมัตินี่เอง ที่จะทำให้ฉากสถานการณ์ในอีก 9 เดือน 10 เดือนข้างหน้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับรัฐบาล คสช.ที่จะนำพาประเทศไทยทั้งประเทศ ข้ามสะพานรักสารสิน หรือสะพานควายก็แล้วแต่ ผ่าน “ระยะผ่าน” ไปได้อย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง หรืออย่างตลอดรอดฝั่ง โดยไม่ต้องถลอกปอกเปิกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

แค่เห็นอาการของ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ที่ชักทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แค่นี้...จะไปงัดเอา “มุกเก่าๆ” ประเภทเชิญไปกินโจ๊ก กินกาแฟ นั่งสามัคคี นอนสามัคคี ปรับทัศนคติกันไปแบบเดิมๆ มันคงลำบากแล้ว!!! แต่จะเปลี่ยนไปเล่นบทเข้ม บุกบ้านโน้น บุกบ้านนี้ โดยไม่ต้องคว้าหมายศาล หมายเรียก ติดมือไว้ด้วยเลย มันก็ออกจะเป็นการทำลายคุณลักษณะของ “เผด็จการใจดี” หรือ “เผด็จการละมุนภัณฑ์” อันถือเป็นปมเด่นในอีกรูปแบบหนึ่งลงไปซะดื้อๆ ด้วยเหตุนี้...มันอาจต้องยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก ไปจนกว่าจะถึงช่วงเลือกตั้งเอาเลยโน่นแหละ...

ส่วนบรรดา “ตัวช่วย” ทั้งหลาย...ประเภท “ผีทักษิณ” เป็นต้น คงต้องยอมรับว่า หลังๆ นี้...มันไม่ค่อย “น่ากลัว” เหมือนเก่า คือถึงยังคิดโผล่หน้า โผล่ตา ออกมาในแต่ละช่วง แต่ละระยะ แต่ผู้คนชักไม่ค่อยรู้สึกขนหัวลุก ขนหัวตั้ง เหมือนอย่างเคย หลายต่อหลายรายเริ่มออกอาการเฉยๆ ไม่ถึงขั้นต้องโดดหนีเข้ามาในวงสายสิญจน์อีกต่อไปแล้ว แถมบางรายทำท่าว่าชักเริ่มรู้สึกตื้นๆ กับบทละครเรื่องธรณีกรรแสง กับหยาดน้ำตานางเอก หรือนางร้าย ก็ตามแต่...

ด้วยเหตุนี้...มันคงน่าจะเหลืออยู่มุกเดียวเท่านั้น ที่พอช่วยดลบันดาลให้การก้าวข้ามสะพานมันเป็นไปได้แบบนิ่มๆ ขึ้นมามั่ง นั่นคือ...คงต้องหันมาเพิ่มบทให้ “พระเอก” แต่คงไม่เกี่ยวกับ “บทพูด” (ซึ่งน่าจะมีอยู่เยอะแล้ว) แต่ต้องหนักไปทาง “บททำ” นั่นแหละเป็นที่ตั้ง ส่วนจะเป็นการทำอะไรบ้างนั้น...อันนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับทีมงานครีเอทีฟ ซึ่งก็น่าจะมีอยู่มิใช่น้อย และก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการริเริ่มสร้างสรรค์มาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น...คงไม่สามารถรวบหัว รวบหาง สถาปนาความเป็นรัฎฐาธิปัตย์ ไปพร้อมๆ กับการ “ทำการบ้าน” มาแล้วอย่างดี จนสามารถปักหลัก ปักฐาน ยืนหยัดอยู่ได้กว่า 3 ปี โดยไม่ถึงกับเสียรูป เสียทรง เสียรังวัด ดังเช่นที่ “บิ๊กบัง” เคยประสบมาก่อน...

ช่วงระยะ 9 เดือน 10 เดือนข้างหน้านี้...จึงอาจถือเป็นช่วง “คลาสสิก” ที่คงต้องคอยจับตาเอาไว้ให้ดี คือเป็นช่วงที่จะไปเอามาตรฐานระดับ “ลำไย ไหทองคำ” มาเป็นเครื่องวัดมิได้โดยเด็ดขาด เรียกว่า...ไม่ใช่แค่เด้งไป-เด้งมา เพื่อเรียกยอดวิว ยอดไลค์ แบบหยาบๆ ง่ายๆ เท่านั้น แต่มันคงต้องละเอียดและประณีตเอาจริงๆ โดยเฉพาะถ้าหากต้องการที่จะเห็น “คนดี” ขึ้นมามีบทบาท และป้องกัน “คนไม่ดี” ไม่ให้ขึ้นมามีอำนาจ ต่อไปในภายภาคหน้าอีก 9 ปี หรือ 10 ปีก็แล้วแต่ โดยไม่จำเป็นต้องไปคิดมาก หรือคิดเล็ก คิดน้อย ว่า “คนดี” ที่ว่านั้นจะเป็นชนชั้นไหนต่อชนชั้นไหน...

เพราะอย่างว่านั่นแหละทั่น...โลกยุคนี้ มันอาจต้องเรียกว่าโลกยุค “โพสต์ ประชาธิปไตย” ไปแล้วก็ว่าได้ คือไม่ใช่โลกที่จะไปร้องเรียกเพรียกหาแค่ “ประชาธิปไตย” ล้วนๆ เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ใครที่ยังวนไป-วนมาอยู่กับเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ย่อมเป็นอะไรที่ “เชยซ์ซ์ซ์” สุดๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ มีแต่จะต้องร้องเรียกเพรียกหา “ความดี” หรือ “ธรรมะ” ควบคู่ไปด้วยอย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด เพราะไม่ว่าชนชั้นนำ หรือชั้นไหนๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่ารัฐบาลเผด็จการ ประชาธิปไตย หรือกึ่งประชาธิปไตยถ้าลองปราศจากเสียซึ่ง “ความดี” หรือ “ธรรมะ” ซะอย่างแล้ว รับรองว่า...ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีโอกาสอยู่ยาวได้ถึง 9 ปี 10 ปี อยู่แล้วแน่ๆ!!!