xs
xsm
sm
md
lg

อุบัติเหตุทางทหาร

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>ยิงขีปนาวุธถล่มเมืองเดอีร์ เอซซอร์ ด้านตะวันออกของซีเรีย</b>
ไหนๆ ก็มาไกลถึงเยเมน ตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมา...วันนี้เลยคงต้องขออนุญาตบินต่อไปที่ซีเรียอีกซักหน่อย ด้วยเหตุเพราะเครื่องบินรบสหรัฐฯ ที่ไม่ได้มีสิทธิมีอำนาจอธิปไตยเหนือน่านฟ้าซีเรียแม้แต่น้อย เค้าดันไปสอยเครื่องบินโจมตี Su-22 ของกองทัพรัฐบาลซีเรีย ขณะกำลังคิดจะเล่นงานพวกผู้ก่อการร้ายไอเอสในประเทศตัวเองเอาดื้อๆ เล่นเอาพันธมิตรรัฐบาลซีเรียอย่างรัสเซียถึงกับหนวดกระดิก รวมทั้งกองทัพอิหร่านที่ถูกผู้ก่อการร้ายไอเอสบุกเข้าไปก่อการร้ายในประเทศตัวเองเมื่อไม่กี่วันมานี้ ตัดสินใจล้างแค้น เอาคืน ด้วยการประเคนขีปนาวุธพิสัยกลาง ถล่มรังผู้ก่อการร้ายในเมือง “เดอีร์ เอซซอร์” (Deir-ezZor) ด้านตะวันออกของซีเรียเป็นชุดๆ ฉากเหตุการณ์ครั้งนี้เลยทำให้เกิดคำถามถึง “การยกระดับสงคราม” ในซีเรีย ว่าจะไปไกลถึงจุดไหนต่อจุดไหน...

คือถ้าดูจากความเป็นไปได้ของสิ่งที่เรียกว่า “อุบัติเหตุทางทหาร” อันอาจกลายเป็นตัวจุดชนวนสงครามให้ลุกลามบานปลายจากสงครามเล็กกลายเป็นสงครามใหญ่ สงครามกลางเมืองกลายเป็นสงครามนานาชาติ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ฉากเหตุการณ์ในซีเรียนั้น ค่อนข้าง “อ่อนไหว” เอามากๆ ที่จะก่อให้เกิดอุบัติการณ์ดังกล่าวได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อการตีความ การให้คำนิยาม ถึงคำว่า “ผู้ก่อการร้าย” ของแต่ละฝ่าย ยังหาจุดลงตัวกันไม่เจอ ขณะที่กองทัพซีเรียหรือแม้แต่กองกำลังพันธมิตรอย่างรัสเซีย มองว่าผู้ก่อการร้ายที่ตัวเองกำลังต้องการเผด็จศึกคือพวก “ไอเอส” “ไอซิส” หรือ “ดาเอช” กองทัพอเมริกันและพันธมิตรที่อ้างว่าต้องการยกพหลพลโยธาไปปราบพวกผู้ก่อการร้ายเช่นกัน กลับเห็นว่าผู้ก่อการร้ายที่มีหน้าตาเหมือนกับพวก “ไอเอส” “ไอซิส” หรือ “ดาเอช” แบบเป๊ะๆๆ นั้น เป็น “ผู้ก่อการดี” หรือเป็นพวก “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” (Syria Democratic Forces-SDF) ที่ตัวเองต้องให้การคุ้มครอง ปกป้อง เพื่อเอาไว้โค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดี “บาชาร์ อัล-อัสซาด” ของซีเรีย เพื่อที่จะสถาปนาประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นมาในซีเรีย แบบเดียวกับที่คิดจะสถาปนาประชาธิปไตยขึ้นมาในลิเบีย จนทุกสิ่งทุกอย่างเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก จนตราบเท่าทุกวันนี้...
<b>ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย</b>
ความร่วมมือของกองทัพซีเรีย รัสเซีย และอิหร่าน เพื่อบดขยี้ผู้ก่อการร้ายกลุ่มสุดท้ายในซีเรีย โดยหวังว่าจะยุติสงครามกลางเมืองซึ่งดำเนินต่อเนื่องมานานถึง 6 ปี ผู้คนล้มตายไปหวิดๆ ใกล้ๆ หลักล้าน จนใกล้ถึงจุดที่สามารถสร้างบรรยากาศสันติภาพขึ้นมาได้ในบางระดับ หรือใกล้ถึงจุดบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ มันจึงไปต่อได้ลำบากเอามากๆ ด้วยเหตุเพราะ “ผู้ก่อการร้าย” ของซีเรีย รัสเซีย และอิหร่าน กลับกลายเป็น “ผู้ก่อการดี” ของกองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรไปซะดื้อๆ การปกป้อง คุ้มครองกลุ่มคนเหล่านี้ จึงกลายเป็นตัวก่อให้เกิด “อุบัติทางทหาร” ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่แต่เฉพาะกรณีเครื่องบินกองทัพซีเรียโดนสอยไปเมื่อวันสองวันนี้ แต่ยังลุกลามไปถึงฉากการสู้รบบริเวณพรมแดนซีเรีย-ตุรกี ซีเรีย-อิสราเอล ชนิดอาจเป็นตัวดึงดูดให้ “ปวงกษัตริย์ทั่วพิภพ” ต้องถูกฉุดกระชากลากถูให้มาร่วมทำสงคราม ณ ตำบล “อารมาเกดโดน” กันจนได้...

แม้ว่าสองอภิมหาอำนาจอย่างอเมริกาและรัสเซีย จะพยายามสะกดกลั้นเอาไว้เพียงใดก็แล้วแต่ แต่ถ้าดูจากอัตราความถี่และระดับความรุนแรงของ “อุบัติทางทหาร” ที่ว่า คงต้องยอมรับว่า...ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่แต่ละฝ่ายจะง้างหมัดไว้ได้โดยตลอดภาพของกองกำลังภาคพื้นดินรัสเซีย ที่ถูกส่งเข้าไปปฏิบัติการในซีเรียมาก่อนหน้านี้เป็นเดือนๆ ขณะที่กองกำลังภาคพื้นดินของอเมริกันเริ่มโผล่ให้เห็นในพรมแดนซีเรียด้านที่ติดกับตุรกี บวกกับการตัดสินใจยิงขีปนาวุธโจมตีนอกดินแดนเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีของกองทัพอิหร่าน ไปจนถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอลที่ล้ำเข้ามาในน่านฟ้าซีเรีย ด้วยเหตุผล ข้ออ้าง ว่าเพื่อที่จะเล่นงานการลำเลียงอาวุธของอิหร่านไปให้กับพวกฮิซบอลเลาะห์ ฯลฯ ฉากเหตุการณ์เหล่านี้แทบไม่ต่างอะไรไปจากคำบรรยายที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิล บท “วิวรณ์ 16:14” ในแต่ละวรรค แต่ละประโยค อันได้ระบุเอาไว้ว่า... “เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติสทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้งไป เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก และข้าพเจ้าได้เห็นผีโสโครก 3 ตน รูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค ออกจากปากสัตว์ร้ายนั้น และออกจากปากของคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ด้วยว่าผีเหล่านั้นเป็นผีร้ายกระทำหมายสำคัญ มันออกไปหากษัตริย์ทั้งปวงทั่วพิภพ เพื่อให้บรรดากษัตริย์เหล่านั้นมาร่วมทำสงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด และมันทั้งสามได้ชุมนุมพวกกษัตริย์ไว้ที่ตำบลหนึ่ง ซึ่งภาษาฮิบรูเรียกว่า...อารมาเกดโดน” หรือสรุปง่ายๆ ว่า คงมีแต่ “พระผู้เป็นเจ้า” เท่านั้น ที่จะเป็นผู้ให้คำตอบได้แบบชัดๆ จะจะ...
กำลังโหลดความคิดเห็น