“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ธรรม”ในสังคมไทยกำลังเสื่อมหนัก โดยเฉพาะในหมู่ “ผู้มีอำนาจ” จำนวนมิใช่น้อย ที่ไร้ซึ่งคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ประจำใจไปแล้วแทบจะโดยสิ้นเชิง
ชาติไทยจึงมีเรื่องราวมากมาย ของ“ผู้มีอำนาจ”ทั้งใหญ่น้อย ที่ยึดอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้งสกปรก และที่ยึดอำนาจรัฐผ่านการรัฐประหาร ทำการ“คอร์รัปชั่นโกงชาติ”
ทั้งๆ ที่“ผู้นำชาติไทย”ทั้งสองรูปแบบ รู้อยู่แก่ใจว่า คอร์รัปชั่นเป็นการทำลายชาติ “คนคอร์รัปชั่น” จึงเป็นศัตรูของแผ่นดิน ที่ต้องปราบและลงโทษอย่างรุนแรงโดยเร็วที่สุด
ดังนั้น “ผู้นำชาติไทย”จึงมักประกาศกร้าวว่า จะปราบคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทย และถือเป็น“วาระแห่งชาติ”ของรัฐบาลนี้(โว้ย).!!!
ทว่า..ทุกรัฐบาลของ“ท่านผู้นำชาติ” กลับมีเรื่องคอร์รัปชั่นโกงชาติฉาวโฉ่ไม่มากก็น้อยเสมอ
โดยเฉพาะยุครัฐบาลเครือข่าย“เหลี่ยม” การคอร์รัปชั่นระบาดไปทุกหย่อมหญ้า กระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ทำโพลล์อุบาทว์ จุดพลุค่านิยมผิดๆขึ้นในสังคมไทยว่า
“..ใครจะโกงกรูไม่ว่า แต่ขอกรูได้ด้วยก็แล้วกัน..”!
ยุคเครือข่าย“เหลี่ยม”ครองเมือง จึงปรากฏเรื่องโกงชาติมากมาย จนชาวบ้านพูดกันว่า รัฐบาล“เหลี่ยม”โกงตั้งแต่“สากกะเบือ-ยัน-เรือรบ” จนได้รับฉายาเป็น“รัฐบาลโคตรโกง-โกงทั้งโคตร”!!!
ห้วง “เหลี่ยม”และพวกครองเมือง ถือเป็นยุค“วิน-วิน”หรือ“โกงกันได้ทุกระดับประทับใจ”
เรียกว่า..ทั้งนักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจ ฯ ที่ใกล้ชิด “เหลี่ยม” โกงกันสะบั้นหั่นแหลก เฉพาะรัฐบาล“เหลี่ยม”ครองเมืองแค่ 5 ปีเศษ ก็ได้ชื่อว่า โกงชาติมากเป็นประวัติการณ์ เพราะเป็น“ผู้นำชาติ”ที่ถูกยึดทรัพย์ในไทยถึง 4.6 หมื่นล้านบาท และถูกอายัดทรัพย์สินในยุโรปอีกราว 1.2 แสนล้านบาท
ยึดอำนาจรัฐโกงกินในอาณาจักรยังไม่พอ เครือข่าย“เหลี่ยม”ยังเข้ายึดศาสนจักรอีกด้วย โดยใช้อำนาจรัฐตั้งพรรคพวกเป็น“*ผู้นำสงฆ์”ในเถรสมาคมดื้อๆ แถมส่งเสริม“วัดจานบิน”ที่หนุนเครือข่าย“เหลี่ยม” อย่างออกนอกหน้า ให้กอบโกยเงินทองจากการบิดเบือน*ธรรมขององค์พระศาสดา
“พระ-มิใช่-พระ”ใน“วัด-มิใช่-วัด”แห่งนี้ ร่ำรวยเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สินมหาศาล ด้วยการหลอกบรรดาชาวพุทธ ที่ไม่รู้ทันในเล่ห์ร้ายอย่างหน้าด้านๆ ด้วยสูตร*“ทำบุญด้วยเงิน ขึ้นสวรรค์ได้..นะจ๊ะ”
แถมยังได้มหาเศรษฐี“ขายบ้าน”บางคน ช่วยโฆษณาชวนเชื่อว่า “ผมทุ่มเงินทำบุญกับวัดนี้หมดตัว..แต่บุญวัดนี้ช่วยให้ผมได้เงินจากหุ้นมากกว่าเงินทำบุญหลายเท่าตัว”!!! ท่านมหาเศรษฐีฯจึงเรียกร้อง ให้สาวก“จานบิน”ทำบุญแบบทุ่มหมดตัว กับ“อลัชชีชิตังเม-โป้งรวย!” เพราะนอกจากจะรวยแล้วยังได้ขึ้นสวรรค์ ไปเม้าธ์มอยกับ“สตีฟ จ็อบ” แถมได้ตักบาตรกับ“พระพุทธเจ้า”อีกด้วยนะจ๊ะ..ว้าว!
อ้อ..ญาติโยมต้องไม่ลืมควักเงินแสนซื้อ“ฆ้อนทอง” ไปเคาะประตูสวรรค์ด้วยนะจ๊ะ..นะจ๊ะ..
“ผู้นำพระ-มิใช่-พระ”แห่งนี้ สร้างสรรค์วิธีเหนือจินตนาการ ในการเรียกเงินเข้าวัดได้ตลอด ด้วยกิจกรรมอุตริสารพัด เช่นปิดถนน“ธุดงค์เมือง” จนรถติดระเบิดเถิดเทิง แถมปิดเมือง“ตักบาตร”กันด้วย โดยพระเณรที่มาร่วมกิจกรรม จะได้รับเงินติดย่ามกลับวัดสบายใจเฉิบ เป็นร้อย-พัน-หมื่น-แสน-ล้าน มากน้อยตามสมณศักดิ์ที่ต่างกัน
ใครอยากทำบุญแต่ไม่มีเงิน“ย.ห.อย่าห่วง” เพราะ“อลัชชีลวงโลก”กับพวก มี“สหกรณ์เงินบาป”ที่หลอกเงินผู้คนมาได้นับหมื่นล้านบาท ปล่อยให้“พวกซื้อสวรรค์”กู้ทำบุญ และให้พรรคพวก“อลัชชีลวงโลก” นำไปลงทุนในธุรกิจอีกสารพัด ผสานไปกับการ“ฟอกเงิน”สกปรกอย่างสนุกสนาน
แต่แล้ว“สหกรณ์เงินบาป”ก็ถูกเปิดโปงจนล้มครืน “ผู้บริหาร”ที่สนิทกับ“ผู้ครองดินแดนจานบิน”จึงต้องติดคุก เรื่องยังบานปลายไปถึง“แม่ยก-พ่อยก” พลอยติดร่างแหกันระนาว รวมทั้ง“อลัชชีลวงโลก”ก็“ตกนรกทั้งเป็น”ไปกับข้อหาสารพัด
เมื่อน้ำลดตอก็ผุด “อลัชชีลวงโลก”ผู้ยิ่งใหญ่เหนือศาสนจักร และอาณาจักรในยุค“เหลี่ยม”ครองเมือง ยังถูกพบว่าทำผิดกฎหมายด้วยการรุกป่า ปลูกสร้าง“วัด-มิใช่-วัด”ใหญ่มหึมา อยู่ในป่าและบนยอดเขาหลายแห่ง
จนวันนี้ “อลัชชีลวงโลก”ใช้วิชาล่องหน ที่ผู้เชี่ยวชาญวิชาอาคมเชื่อว่า คงกำลังท่องเที่ยวนรกขุมลึกที่สุด เพลินจนลืมกลับโลกมนุษย์ละกระมัง..?
โชคดีเหลือล้นของชาติและพระพุทธศาสนา ที่กลุ่ม“อลัชชีลวงโลก”และเครือข่าย“เหลี่ยม” ผลักดันพรรคพวกผู้ลุ่มหลง“รถเบ็นซ์โบราณ”ให้เป็น“ผู้นำสงฆ์”ไม่สำเร็จ
ผู้คนกังขาว่า ทำไม“เหลี่ยม”และเครือข่าย จึงพยายามยึด“ผู้นำสงฆ์-องค์กรนำสงฆ์-ศาสนจักร”?
“คำตอบ” คือ กลุ่มนักการเมืองทุนสามานย์ จะใช้“สงฆ์”(ที่ผู้คนหลงให้ความเคารพนับถือ“ผ้าเหลือง”ด้วยหลงเชื่อว่าเป็น“สงฆ์”)ให้เป็น“กองเชียร์”ยามไม่มีการเลือกตั้ง และแปร“สงฆ์กำมะลอ”เป็น“หัวคะแนน”สนับสนุนพวกตน ในยามที่เสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นไงล่ะ..
“กลุ่มนักการเมืองสามานย์”กับบรรดา“สงฆ์กำมะลอ” ยังสมคบกันคอร์รัปชั่นโกงเงินชาติ ด้วยการเอาเงินจากองค์กรรัฐบางแห่ง รวมทั้งจากหน่วยงาน“สำนักพุทธ”ในยุคหนึ่ง ไปบริจาคให้วัดโน้นวัดนี้ ที่มี“สงฆ์กำมะลอ”เป็น“หัวคะแนน”พรรคตน ด้วยข้ออ้างเพื่อบูรณะวัดวาอารามเหล่านั้น
“เงินบริจาคของรัฐ”ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ระหว่าง“นักการเมืองสามานย์”กับ“พระกำมะลอ” ในอัตรา“อั้วครึ่ง-ลื้อครึ่งนะ” หรือ“อั้วหกสิบ-ลื้อแค่สี่สิบนะ” แต่หลายครั้งที่“นักการเมืองสามานย์”โกงเงินส่วนแบ่งของ“พระกำมะลอ”จนเป็นข่าวฉาวโฉ่ว่า
“เอ๊ะ!..ที่ตกลงกันไว้แบ่งคนละครึ่งนี่หว่า..แต่นักการเมืองมาหักดิบไปตั้งหกสิบเปอร์เซ็นต์..”
แต่สุดท้ายเรื่องโกงชาติโกงเงินส่วนแบ่งทำนองนี้ ก็เงียบหายไปกับสายลมเสมอ เพราะขืนกระพือข่าวต่อทั้ง“หัวดำ-หัวโล้น”คงได้ติดคุกทั้งคู่ ด้วยเงินที่โกงนั้น เป็นเงินของรัฐของประชาชนไงล่ะ
จากวันนั้นต่อเนื่องมาจนถึงยุค“บิ๊กตู่”ครองเมือง “สำนักพุทธ”ยังคงมี“เปรต-โกงชาติ” เพราะมีการไปสมคบกับ“พระกำมะลอ”โกงเงินชาติ ด้วยส่วนแบ่งในอัตรา “พระกำมะลอ”เอาเงินไป 25% ส่วน 75% ที่เหลือ“เปรต”ใหญ่น้อยใน“สำนักพุทธ”สวาปามสบายพุง!
ยุค“บิ๊กตู่”อีกเช่นกัน ที่เกิดเรื่อง"พระกำมะลอ”เป็นเจ้าอาวาส ร่วมกับเมียและพวกฆ่า“เณร”ฝังคาวัดเพราะดันไปรู้ความลับการโกงเงินวัดหลายสิบล้านบาท!
นี่ยังไม่รวมเรื่องราว“พระกำมะลอ” หากินกับพุทธพาณิย์ ใบ้หวย กินเหล้าเมายา เสพย์กามากับสีกา ฯลฯ จนโดนชาวบ้านจับได้จับสึกอีกมากมาย!
เพราะการบวชเป็นพระในชาติไทยไม่เข้มงวด อาชญากรหนีคดีมาบวช-ก็บวชได้! ใครนึกอยากบวช-บวชได้! ทำมาหากินไม่ได้-บวชได้! เพราะไม่มีระบบตรวจสอบประวัติผู้บวชอย่างจริงจัง!
“พระกำมะลอ”ปลอมตัวเป็นพระ ใช้“ผ้าเหลืองขุดทอง”ด้วยการหลอกชาวบ้านและโกงเงินชาติ ทำเรื่องชั่วช้าสามานย์ด้วยการบิดเบือนพระธรรมที่แท้จริง เพื่อกอบโกยเงินทองและทรัพย์สิน ถึงขนาดมีซูเปอร์คาร์นั่งฉุยฉาย มีเครื่องบินส่วนตัวบินโฉบไปมา มีคฤหาสน์ทำเป็น“วัด-มิใช่-วัด”อยู่หลายประเทศ จนทำให้วงการพระสงฆ์ที่แท้จริงเสียหาย ทำให้ญาติโยมไม่ รู้“สงฆ์แท้-สงฆ์เทียม” จนกราบไหว้พระสงฆ์ไม่สนิทใจ ฯลฯ
แน่นอน..พุทธศาสนามิได้เสื่อมลง แต่ “อลัชชี”และ“พระกำมะลอ” ได้ทำให้วงการสงฆ์เสื่อมทรามลงอย่างน่าใจหาย!
นี่ขนาดวงการสงฆ์ ที่ชาวพุทธมอบใจถวายศรัทธาให้ตลอด ด้วยเชื่อว่าเป็นวงการที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 227 ข้อ ยังเกิดการปลอมปน“พระแท้-พระเทียม”มากขนาดนี้ แล้วสังคมไทยยุคบริโภคนิยม ยึด “เงินเป็นพระเจ้า” เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจให้ละโมบไม่รู้จักพอได้ง่ายๆ จะเสื่อมถอยดิ่งเหวในอัตราเร่งสูงขนาดไหน?
หาก “ท่านผู้นำบิ๊กตู่”ที่มีอำนาจพิเศษมาตรา 44 ไม่รีบเร่งลงมือปฏิรูปชาติในมิติสำคัญๆ โดยเฉพาะ “ปฏิรูปวงการพระสงฆ์” เพื่อสร้างเสริมวัตรปฏิบัติอันดีงามของพระสงฆ์ บนเส้นทางแห่งธรรมขององค์พระศาสดา เพื่อสร้างคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ ให้หยั่งรากลึกลงใน “หัวใจคนไทยทั้งชาติ”โดยด่วนล่ะก็..
ชาติไทยในอนาคตคงบรรลัย ด้วยน้ำมือของ “ผู้มีอำนาจ” ที่เป็นคนชั่ว ซึ่งฝังตัวอยู่ในมิติต่างๆของชาติอย่างแน่นอน..จริงไหม?
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ธรรม”ในสังคมไทยกำลังเสื่อมหนัก โดยเฉพาะในหมู่ “ผู้มีอำนาจ” จำนวนมิใช่น้อย ที่ไร้ซึ่งคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ประจำใจไปแล้วแทบจะโดยสิ้นเชิง
ชาติไทยจึงมีเรื่องราวมากมาย ของ“ผู้มีอำนาจ”ทั้งใหญ่น้อย ที่ยึดอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้งสกปรก และที่ยึดอำนาจรัฐผ่านการรัฐประหาร ทำการ“คอร์รัปชั่นโกงชาติ”
ทั้งๆ ที่“ผู้นำชาติไทย”ทั้งสองรูปแบบ รู้อยู่แก่ใจว่า คอร์รัปชั่นเป็นการทำลายชาติ “คนคอร์รัปชั่น” จึงเป็นศัตรูของแผ่นดิน ที่ต้องปราบและลงโทษอย่างรุนแรงโดยเร็วที่สุด
ดังนั้น “ผู้นำชาติไทย”จึงมักประกาศกร้าวว่า จะปราบคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทย และถือเป็น“วาระแห่งชาติ”ของรัฐบาลนี้(โว้ย).!!!
ทว่า..ทุกรัฐบาลของ“ท่านผู้นำชาติ” กลับมีเรื่องคอร์รัปชั่นโกงชาติฉาวโฉ่ไม่มากก็น้อยเสมอ
โดยเฉพาะยุครัฐบาลเครือข่าย“เหลี่ยม” การคอร์รัปชั่นระบาดไปทุกหย่อมหญ้า กระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ทำโพลล์อุบาทว์ จุดพลุค่านิยมผิดๆขึ้นในสังคมไทยว่า
“..ใครจะโกงกรูไม่ว่า แต่ขอกรูได้ด้วยก็แล้วกัน..”!
ยุคเครือข่าย“เหลี่ยม”ครองเมือง จึงปรากฏเรื่องโกงชาติมากมาย จนชาวบ้านพูดกันว่า รัฐบาล“เหลี่ยม”โกงตั้งแต่“สากกะเบือ-ยัน-เรือรบ” จนได้รับฉายาเป็น“รัฐบาลโคตรโกง-โกงทั้งโคตร”!!!
ห้วง “เหลี่ยม”และพวกครองเมือง ถือเป็นยุค“วิน-วิน”หรือ“โกงกันได้ทุกระดับประทับใจ”
เรียกว่า..ทั้งนักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจ ฯ ที่ใกล้ชิด “เหลี่ยม” โกงกันสะบั้นหั่นแหลก เฉพาะรัฐบาล“เหลี่ยม”ครองเมืองแค่ 5 ปีเศษ ก็ได้ชื่อว่า โกงชาติมากเป็นประวัติการณ์ เพราะเป็น“ผู้นำชาติ”ที่ถูกยึดทรัพย์ในไทยถึง 4.6 หมื่นล้านบาท และถูกอายัดทรัพย์สินในยุโรปอีกราว 1.2 แสนล้านบาท
ยึดอำนาจรัฐโกงกินในอาณาจักรยังไม่พอ เครือข่าย“เหลี่ยม”ยังเข้ายึดศาสนจักรอีกด้วย โดยใช้อำนาจรัฐตั้งพรรคพวกเป็น“*ผู้นำสงฆ์”ในเถรสมาคมดื้อๆ แถมส่งเสริม“วัดจานบิน”ที่หนุนเครือข่าย“เหลี่ยม” อย่างออกนอกหน้า ให้กอบโกยเงินทองจากการบิดเบือน*ธรรมขององค์พระศาสดา
“พระ-มิใช่-พระ”ใน“วัด-มิใช่-วัด”แห่งนี้ ร่ำรวยเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สินมหาศาล ด้วยการหลอกบรรดาชาวพุทธ ที่ไม่รู้ทันในเล่ห์ร้ายอย่างหน้าด้านๆ ด้วยสูตร*“ทำบุญด้วยเงิน ขึ้นสวรรค์ได้..นะจ๊ะ”
แถมยังได้มหาเศรษฐี“ขายบ้าน”บางคน ช่วยโฆษณาชวนเชื่อว่า “ผมทุ่มเงินทำบุญกับวัดนี้หมดตัว..แต่บุญวัดนี้ช่วยให้ผมได้เงินจากหุ้นมากกว่าเงินทำบุญหลายเท่าตัว”!!! ท่านมหาเศรษฐีฯจึงเรียกร้อง ให้สาวก“จานบิน”ทำบุญแบบทุ่มหมดตัว กับ“อลัชชีชิตังเม-โป้งรวย!” เพราะนอกจากจะรวยแล้วยังได้ขึ้นสวรรค์ ไปเม้าธ์มอยกับ“สตีฟ จ็อบ” แถมได้ตักบาตรกับ“พระพุทธเจ้า”อีกด้วยนะจ๊ะ..ว้าว!
อ้อ..ญาติโยมต้องไม่ลืมควักเงินแสนซื้อ“ฆ้อนทอง” ไปเคาะประตูสวรรค์ด้วยนะจ๊ะ..นะจ๊ะ..
“ผู้นำพระ-มิใช่-พระ”แห่งนี้ สร้างสรรค์วิธีเหนือจินตนาการ ในการเรียกเงินเข้าวัดได้ตลอด ด้วยกิจกรรมอุตริสารพัด เช่นปิดถนน“ธุดงค์เมือง” จนรถติดระเบิดเถิดเทิง แถมปิดเมือง“ตักบาตร”กันด้วย โดยพระเณรที่มาร่วมกิจกรรม จะได้รับเงินติดย่ามกลับวัดสบายใจเฉิบ เป็นร้อย-พัน-หมื่น-แสน-ล้าน มากน้อยตามสมณศักดิ์ที่ต่างกัน
ใครอยากทำบุญแต่ไม่มีเงิน“ย.ห.อย่าห่วง” เพราะ“อลัชชีลวงโลก”กับพวก มี“สหกรณ์เงินบาป”ที่หลอกเงินผู้คนมาได้นับหมื่นล้านบาท ปล่อยให้“พวกซื้อสวรรค์”กู้ทำบุญ และให้พรรคพวก“อลัชชีลวงโลก” นำไปลงทุนในธุรกิจอีกสารพัด ผสานไปกับการ“ฟอกเงิน”สกปรกอย่างสนุกสนาน
แต่แล้ว“สหกรณ์เงินบาป”ก็ถูกเปิดโปงจนล้มครืน “ผู้บริหาร”ที่สนิทกับ“ผู้ครองดินแดนจานบิน”จึงต้องติดคุก เรื่องยังบานปลายไปถึง“แม่ยก-พ่อยก” พลอยติดร่างแหกันระนาว รวมทั้ง“อลัชชีลวงโลก”ก็“ตกนรกทั้งเป็น”ไปกับข้อหาสารพัด
เมื่อน้ำลดตอก็ผุด “อลัชชีลวงโลก”ผู้ยิ่งใหญ่เหนือศาสนจักร และอาณาจักรในยุค“เหลี่ยม”ครองเมือง ยังถูกพบว่าทำผิดกฎหมายด้วยการรุกป่า ปลูกสร้าง“วัด-มิใช่-วัด”ใหญ่มหึมา อยู่ในป่าและบนยอดเขาหลายแห่ง
จนวันนี้ “อลัชชีลวงโลก”ใช้วิชาล่องหน ที่ผู้เชี่ยวชาญวิชาอาคมเชื่อว่า คงกำลังท่องเที่ยวนรกขุมลึกที่สุด เพลินจนลืมกลับโลกมนุษย์ละกระมัง..?
โชคดีเหลือล้นของชาติและพระพุทธศาสนา ที่กลุ่ม“อลัชชีลวงโลก”และเครือข่าย“เหลี่ยม” ผลักดันพรรคพวกผู้ลุ่มหลง“รถเบ็นซ์โบราณ”ให้เป็น“ผู้นำสงฆ์”ไม่สำเร็จ
ผู้คนกังขาว่า ทำไม“เหลี่ยม”และเครือข่าย จึงพยายามยึด“ผู้นำสงฆ์-องค์กรนำสงฆ์-ศาสนจักร”?
“คำตอบ” คือ กลุ่มนักการเมืองทุนสามานย์ จะใช้“สงฆ์”(ที่ผู้คนหลงให้ความเคารพนับถือ“ผ้าเหลือง”ด้วยหลงเชื่อว่าเป็น“สงฆ์”)ให้เป็น“กองเชียร์”ยามไม่มีการเลือกตั้ง และแปร“สงฆ์กำมะลอ”เป็น“หัวคะแนน”สนับสนุนพวกตน ในยามที่เสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นไงล่ะ..
“กลุ่มนักการเมืองสามานย์”กับบรรดา“สงฆ์กำมะลอ” ยังสมคบกันคอร์รัปชั่นโกงเงินชาติ ด้วยการเอาเงินจากองค์กรรัฐบางแห่ง รวมทั้งจากหน่วยงาน“สำนักพุทธ”ในยุคหนึ่ง ไปบริจาคให้วัดโน้นวัดนี้ ที่มี“สงฆ์กำมะลอ”เป็น“หัวคะแนน”พรรคตน ด้วยข้ออ้างเพื่อบูรณะวัดวาอารามเหล่านั้น
“เงินบริจาคของรัฐ”ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ระหว่าง“นักการเมืองสามานย์”กับ“พระกำมะลอ” ในอัตรา“อั้วครึ่ง-ลื้อครึ่งนะ” หรือ“อั้วหกสิบ-ลื้อแค่สี่สิบนะ” แต่หลายครั้งที่“นักการเมืองสามานย์”โกงเงินส่วนแบ่งของ“พระกำมะลอ”จนเป็นข่าวฉาวโฉ่ว่า
“เอ๊ะ!..ที่ตกลงกันไว้แบ่งคนละครึ่งนี่หว่า..แต่นักการเมืองมาหักดิบไปตั้งหกสิบเปอร์เซ็นต์..”
แต่สุดท้ายเรื่องโกงชาติโกงเงินส่วนแบ่งทำนองนี้ ก็เงียบหายไปกับสายลมเสมอ เพราะขืนกระพือข่าวต่อทั้ง“หัวดำ-หัวโล้น”คงได้ติดคุกทั้งคู่ ด้วยเงินที่โกงนั้น เป็นเงินของรัฐของประชาชนไงล่ะ
จากวันนั้นต่อเนื่องมาจนถึงยุค“บิ๊กตู่”ครองเมือง “สำนักพุทธ”ยังคงมี“เปรต-โกงชาติ” เพราะมีการไปสมคบกับ“พระกำมะลอ”โกงเงินชาติ ด้วยส่วนแบ่งในอัตรา “พระกำมะลอ”เอาเงินไป 25% ส่วน 75% ที่เหลือ“เปรต”ใหญ่น้อยใน“สำนักพุทธ”สวาปามสบายพุง!
ยุค“บิ๊กตู่”อีกเช่นกัน ที่เกิดเรื่อง"พระกำมะลอ”เป็นเจ้าอาวาส ร่วมกับเมียและพวกฆ่า“เณร”ฝังคาวัดเพราะดันไปรู้ความลับการโกงเงินวัดหลายสิบล้านบาท!
นี่ยังไม่รวมเรื่องราว“พระกำมะลอ” หากินกับพุทธพาณิย์ ใบ้หวย กินเหล้าเมายา เสพย์กามากับสีกา ฯลฯ จนโดนชาวบ้านจับได้จับสึกอีกมากมาย!
เพราะการบวชเป็นพระในชาติไทยไม่เข้มงวด อาชญากรหนีคดีมาบวช-ก็บวชได้! ใครนึกอยากบวช-บวชได้! ทำมาหากินไม่ได้-บวชได้! เพราะไม่มีระบบตรวจสอบประวัติผู้บวชอย่างจริงจัง!
“พระกำมะลอ”ปลอมตัวเป็นพระ ใช้“ผ้าเหลืองขุดทอง”ด้วยการหลอกชาวบ้านและโกงเงินชาติ ทำเรื่องชั่วช้าสามานย์ด้วยการบิดเบือนพระธรรมที่แท้จริง เพื่อกอบโกยเงินทองและทรัพย์สิน ถึงขนาดมีซูเปอร์คาร์นั่งฉุยฉาย มีเครื่องบินส่วนตัวบินโฉบไปมา มีคฤหาสน์ทำเป็น“วัด-มิใช่-วัด”อยู่หลายประเทศ จนทำให้วงการพระสงฆ์ที่แท้จริงเสียหาย ทำให้ญาติโยมไม่ รู้“สงฆ์แท้-สงฆ์เทียม” จนกราบไหว้พระสงฆ์ไม่สนิทใจ ฯลฯ
แน่นอน..พุทธศาสนามิได้เสื่อมลง แต่ “อลัชชี”และ“พระกำมะลอ” ได้ทำให้วงการสงฆ์เสื่อมทรามลงอย่างน่าใจหาย!
นี่ขนาดวงการสงฆ์ ที่ชาวพุทธมอบใจถวายศรัทธาให้ตลอด ด้วยเชื่อว่าเป็นวงการที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 227 ข้อ ยังเกิดการปลอมปน“พระแท้-พระเทียม”มากขนาดนี้ แล้วสังคมไทยยุคบริโภคนิยม ยึด “เงินเป็นพระเจ้า” เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจให้ละโมบไม่รู้จักพอได้ง่ายๆ จะเสื่อมถอยดิ่งเหวในอัตราเร่งสูงขนาดไหน?
หาก “ท่านผู้นำบิ๊กตู่”ที่มีอำนาจพิเศษมาตรา 44 ไม่รีบเร่งลงมือปฏิรูปชาติในมิติสำคัญๆ โดยเฉพาะ “ปฏิรูปวงการพระสงฆ์” เพื่อสร้างเสริมวัตรปฏิบัติอันดีงามของพระสงฆ์ บนเส้นทางแห่งธรรมขององค์พระศาสดา เพื่อสร้างคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ ให้หยั่งรากลึกลงใน “หัวใจคนไทยทั้งชาติ”โดยด่วนล่ะก็..
ชาติไทยในอนาคตคงบรรลัย ด้วยน้ำมือของ “ผู้มีอำนาจ” ที่เป็นคนชั่ว ซึ่งฝังตัวอยู่ในมิติต่างๆของชาติอย่างแน่นอน..จริงไหม?