ผู้จัดการรายวัน360-"สมคิด"เผยเตรียมเสนอ "บิ๊กตู่" วันนี้ ออกคำสั่งม.44 ปลดล็อคปัญหารถไฟไทย-จีน เพื่อให้การก่อสร้างเดินหน้าต่อไปได้ ด้าน "อาคม" ชง ครม. อนุมัติลงทุนช่วงกรุงเทพฯ-โคราชทันที พร้อมย้ำปีนี้ต้องเปิดประมูลไฮสปีด กรุงเทพฯ-ระยอง มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านให้ได้ ส่วนรถไฟทางคู่อีก 9 เส้นทางกว่า 4 แสนล้านบาทจ่อชงเข้า ครม. ภายในเดือนก.ย. เพื่ออัดเม็ดเงินอีกล็อตใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญด้านต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม ว่า ในวันนี้ (13 มิ.ย.) จะมีการเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาที่ทำให้โครงการรถไฟไทย-จีนล่าช้า เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมจะเป็นผู้เสนอรายละเอียด
นายอาคมกล่าวว่า จะขอใช้มาตรา 44 แก้ปัญหารถไฟไทย-จีน ซึ่งนอกจากปัญหาเรื่องวิศวกรและสถาปนิกของจีนผู้ออกแบบโครงการ ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานสภาวิชาชีพของไทยตามกฎหมายแล้ว โครงการรถไฟไทย-จีนยังมีข้อติดขัดในหลายด้าน ซึ่งต้องพิจารณาในคราวเดียว เพื่อให้ครบถ้วนก่อนขอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจพิเศษ
ส่วนการดำเนินโครงการยังเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติเพื่อดำเนินการในช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ภายในเดือนมิ.ย. ซึ่งตามขั้นตอนก่อนเข้า ครม. จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนด้วย
นอกจากนี้ นายสมคิด ยังระบุให้เร่งรัดโครงการเชื่อมการเดินทาง 3 สนามบิน คือ อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ตามมติคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วยรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเส้นทางกรุงเทพ-ระยอง ระยะทาง 194 กม. วงเงินลงทุน 152,712 ล้านบาท จะเป็นโครงการแรกที่จะต้องมีการประมูลจัดซื้อจัดจ้างภายในปีนี้
ส่วนที่ญี่ปุ่นเสนอให้ขยายเส้นทางไฮสปีดจากระยอง-กรุงเทพฯ ไปถึงอยุธยา ไม่ได้หมายถึงจะเปลี่ยนแปลงไฮสปีดกรุงเทพ-ระยอง ทุกอย่างยังเป็นไปตามการศึกษาลงทุนPPPแต่มองกันว่า อาจจะนำไปผนวกกับบางโครงการเพื่อให้คุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งญี่ปุ่นสนใจเชื่อมไปอยุธยา เพื่อเชื่อม EEC ได้ เพราะที่อยุธยา ทางญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนอุตสาหกรรมโรงงานไว้มาก ส่วนไฮสปีดกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่นนั้น เป็นโครงการที่ญี่ปุ่นสนใจอยู่แล้ว ซึ่งแนวทางในการลงทุน คือ ต้องชัดเจนเรื่องความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจ
"ผลตอบแทนเส้นทาง ต้องวัดที่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) เพราะจะมีการพัฒนาพื้นที่ตามจังหวัดที่เส้นทางผ่านด้วย จะวัดที่ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ซึ่งดูเฉพาะจำนวนผู้โดยสารไม่ได้ แต่ทางญี่ปุ่นต้องการความมั่นใจที่สุดก่อน การลงทุนและโครงการจะไม่มีการซ้ำซ้อนกัน"
ส่วนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงินประมาณ 81,136.20 ล้านบาท ขณะนี้กำลังพิจารณา ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รายงานว่า รถไฟทางคู่ 5 เส้นทางที่มีการปรับปรุงทีโออาร์ใหม่ จะประมูลและได้ตัวผู้ร่วมประมูล ภายในก.ค.-ส.ค-ก.ย.นี้
นายอาคมกล่าวอีกว่า ภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ จะทยอยเสนอครม.ขออนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทางวงเงินรวม 433,995.4 ล้านบาท ได้แก่ 2 เส้นทาง คือ บ้านไผ่- มุกดาหาร-นครพนม และเส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และส่วนต่อขยาย อีก 7 เส้นทาง เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่วนรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน ทางคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ได้ให้ทำการทดสอบความสนใจนักลงทุน (Market Sounding) และข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งเตรียมเสนอไปทางสคร. และกรรมการ PPPแล้ว
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผอ.สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า หลักการไฮสปีด หากวิ่งยาวยิ่งคุ้ม ซึ่งจากระยอง-กรุงเทพฯ ระยะทาง 194 กม. กรุงเทพฯ-อยุธยาประมาณ 60-70 กม. เท่ากับกว่า 250 กม. ถือว่าดีในการลงทุน แต่ในเรื่องการประมูล ต้องรอศึกษาก่อน