ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ศูนย์ข่าวศรีราชา - “นากาตะ” แหล่งสวรรค์บนดินสำหรับผู้ชาย โดนชาวบ้านร้องเรียน ขายบริการกันโจ่งครึ้ม สาวขายบริการมายืนกวักมือเรียกแขกกันกลางถนน แม้ฝ่ายปกครอง และตำรวจจะลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้วไม่พบการค้าประเวณี แต่ใครๆก็รู้
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า บริเวณหลังปั๊มเอสโซ่ ถนนสุขุมวิท ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่า ที่ผ่านมามีการเปิดขายการบริการทางเพศแบบโจ๋งครึ่ม แบบไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่บ้าน เมือง และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว
หลังจากรับการร้องเรียน ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งชาวบ้าน และนักท่อง เที่ยวรู้จักกันที่เรียกติดปากว่า “นาเกลือใต้ หรือ นากาตะ” ซึ่งพบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ปลูกติดกันหลายคูหา และมีซอยแยก 2 ซอย เมื่อรถยนต์วิ่งเข้าไปในซอยจะมีหญิงสาว หรือสาวประเภท 2 มายืนดักหน้ารถให้รถหยุด ก่อนหญิงสาวเหล่านั้นจะเดินมาที่บริเวณกระจกรถ แล้วเข้ามาชักชวนไปร่วมหลับนอน
โดยในคลิปดังกล่าวมีหญิงสาวรูปร่างอวบคล้ายเป็นแม่เล้าเข้ามาเจรจาพูดคุยตกลงราคาค่าตัว โดยคิดค่าบริการครั้งละ 1,100 ต่อ 1 ครั้ง ต่อ 1 ชม. โดยชี้ให้ไปร่วมหลับนอนในโรงแรมที่อยู่ในละแวกดังกล่าว นอกจากนั้น ได้ถามคนที่มาติดต่อว่าเปิดถึงกี่โมง หญิงคนดังกล่าวก็แจ้งว่าถึงเช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณดังกล่าวนักเที่ยวทั่วไปทั้งในพื้นที่ และต่างจังหวัดจะรู้จักกันดี ว่ามีการเปิดให้บริการในลักษณะการค้าประเวณี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ และยืนยันว่า ไม่มีการค้าประเวณีที่บริเวณดังกล่าว ตามที่มีการเผยแพร่ออกไป
.....อย่าเพิ่งตกใจหรือประหลาดใจที่คอลัมน์นี้นำข้อมูลจากศูนย์ข่าวศรีราชา จ.ชลบุรี มาลงซ้ำอีกครั้ง เหตุผลเพื่อยืนยันว่า ข้อมูลที่เคยนำเสนอเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนคือของจริง และผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ขบวนการค้ามนุษย์ หรือค้ากามแห่งบางละมุง ยังคง “ดื้อแพ่ง” รวมทั้งบรรดาผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องที่ ตำรวจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง และแน่นอนว่าหากไม่เอ่ยถึงทหาร ก็คงกระไรอยู่
ทุกส่วนล้วนบกพร่อง ปล่อยปละละเลย ไม่แยแสสิ่งที่ประชาชนและสื่อต่างๆ ได้ช่วยกันสะท้อนถึงปัญหา...จริงอยู่การค้าประเวณีอาจมีเรื่องปากเรื่องท้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่อย่าลืมว่านี่คือการทำผิดกฏหมาย ซ้ำยังมี “เหลือบ”แมงดา พ่อเล้าแม่เล้าเข้าแอบแฝง เกิดปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีรายทุนบางกลุ่มกระทำผิดเทศบัญญัติดัดแปลงตึกแถวธรรมดาจาก 2 ชั้นเป็น 4 ชั้นเพื่อรองรับลูกค้าที่มาใช้บริการทางเพศ
รวมความแล้ว “นาเกลือใต้” หรือที่นักเที่ยวเรียกกันว่า “นากาตะ” มันก็คือแดนโลกีย์ เป็นศูนย์รวมของซ่องโสเภณีที่แฝงมาในรูปแบบบาร์เบียร์ หรือคาราโอเกะ ตึกแถว ปัจจุบันปรับเปลี่ยนรูปแบบปิดไฟหน้าร้านแต่ภายในเหมือนเก่าทุกประการ มีสาวๆ จำนวนมากให้เลือกได้ตามความชอบ ส่วนเด็กๆ ตัวอ่อนมีทั้งสมัครใจ ไม่สมัครใจ ถูกตกเขียว ถูกมอมให้เป็นทาสยาเสพติด
หลายสัปดาห์ก่อนได้เปิดโปงพฤติการณ์ไปอย่างละเอียด...ซ่องบางละมุงแห่งนี้ มีนายควร หรือ ป๋าควร เป็นคนดูแลและประสานผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย หลังนำเสนอข่าวไปแล้วมีนายตำรวจใหญ่ของ สภ.บางละมุง เรียกนายควร ไปพบ และขอให้รวบรวมเงินจากซ่องคาราโอเกะต่างๆ เพื่อนำไปเคลียร์กับกลุ่มนักข่าว
8 ซ่องเป็นอย่างน้อย ที่จำใจควักเงินที่มาจากการค้าน้ำกามและยาเสพติดให้นายควร ไปรายละ 2 หมื่นบาท เพื่อปิดปากแต่ปัญหาของ สภ.บางละมุง ยังไม่หมดไป เมื่อเกิดเรื่องพนักงานสอบสวนเรียกเงิน 5 แสนบาทจากผู้ต้องหายาเสพติดรายหนึ่ง กลายเป็นคลิปข่าวอื้อฉาวไปทั่วประเทศ แต่ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมที่นั่นได้ เพราะบรรดา “บิ๊ก”ตำรวจในทุกระดับชั้นยังอยู่ดีมีสุข พร้อมๆ กับการประกาศตัวให้ ผู้ประกอบการสีดำ - สีเทา มั่นอกมั่นใจกันทำนองว่า...ไม่มีใครทำอะไรกูได้ เพราะนายกูเป็นใหญ่ !!??
นายเขาเป็นใคร เมื่อรู้แล้วก็ต้องยอมรับในชะตากรรมเพราะเจ้านายเขาใหญ่จริงๆ...ปัญหาซ่อง ยาเสพติดและอื่นๆ จึงถูกซุกไว้ ไม่มีการปราบปราม กวดขันเพราะซ่องกับยาคือที่มาของรายได้ชั้นดี เป็นหม้อข้าวสำคัญที่ไม่มีใครอยากทุบทิ้ง
เพื่อให้เกิดความตื่นตัว วันนี้มีข้อมูลเชิงลึกลงไปถึงเส้นทาง “ส่วย”ที่มีใครเกี่ยวข้องด้วย และใครทำหน้าที่เป็น “หน้าเสื่อ” คอยเดินเก็บสตางค์ส่งบรรดาเจ้านายทั้งหลาย...ขอเริ่มจากตำรวจท้องที่แม่บ้านประจำโรงพักคือ นายควร หรือ ป๋าควร ส่งตรงกับ “บิ๊กตำรวจ”คนหนึ่งในพื้นที่...ระดับรองลงมามีนายเบิ้ม เป็นคนส่งให้ ส่วนรองฯอีกคนเก็บเอง เพราะไม่ไว้ใจใคร...พวกวงนอก หรือนอกหน่วย...ระดับจังหวัด จ๊ะเอ๋ เป็นคนรับผิดชอบ...เบิ้ม บริการระดับภาค..ดาบน้อย ส่งให้ กอง ป. ดาบไก่ ท่องเที่ยว ดาบอมร หน่วยปราบค้ามนุษย์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าทุกหน่วยงานล้วนมีผลประโยชน์ การปราบปรามหรือบังคับใช้กฎหมายจึงไม่ได้ผล
ส่วนปัญหายาเสพติด เป็นที่รู้กันทั่วว่าที่นี่นิยมใช้ระบบศาลเตี้ย เงินมา-กูปล่อย หรือเงินมาลดความผิด...ว่ากันว่าใต้ถุนโรงพักแห่งหนึ่ง จะมีอดีตแก๊งตีนโรงตีนศาลที่ผันตัวมาเป็น “ตีนตำรวจ” ตั้งตัวเป็น “โรโบค๊อป” ผู้ต้องหายาเสพติดรายใดเมื่อถูกจับมาจะต้องผ่านด่านนี้เป็นอันดับแรก ทำหน้าที่โดยไอ้เต้ กับไอ้เปิ้ล 2 โรโบค๊อป แห่งบางละมุง
หลังจากเจรจาตกลงเรื่องเงินๆทองๆกันได้ เมื่อญาติพี่น้องหรือสมัครพรรคพวกเอาเงินมามอบให้ก็จะชักไว้ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือทั้งหมดส่งขาใหญ่ประจำโรงพัก...ว่ากันว่าคดียาเสพติด ณ ที่แห่งนี้ ขอให้มีเงินซะอย่างถ้าพลาดถูกจับเข้าไปสามารถเดินออกมาได้แทบทุกคนที่มีปัญญาจ่าย
อีกปัญหาหนึ่งที่น่ารังเกียจ-ขยะแขยงคือ ขบวนการขูดเลือดขูดเนื้อกับผู้ต้องหา...มีเรื่องหนาหูมากว่าหลายโรงพักในเขตชลบุรี จะมีขบวนการนายหน้าประกันหากผู้ต้องหาคนใดไม่มีหลักทรัพย์ หรือกระทั่งมีก็ตามแต่จะถูกบังคับให้ใช้บริการมือตีนตำรวจพวกนี้
สมมุติว่า วงเงินประกัน 8 หมื่นบาท จะเขียนใบเสร็จออกให้ 1 แสนบาท ส่วนต่าง 2 หมื่นตำรวจบางคนที่มีอำนาจหน้าที่กับแก๊งนายหน้าจะแบ่งกันไป เอากันหน้าด้านๆ แบบนี้จนแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดในยุคที่ผู้นำประเทศประกาศจะจัดการกับการทุจริต จะจัดการกับความไม่ถูกต้องต่างๆ
ปัญหาสาหัสสากรรจ์ขนาดนี้ คงต้องเขาคนเดียวแล้วที่จะขจัดปัดเป่า...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กราบท่านงามๆ ขอแรงขยับสักนิดเถิด...ทุกปัญหา (ตำรวจ) มีแต่ “ลิงหลอกเจ้า”ไม่เคยมีใครจัดการอย่างจริงจังเพราะมัน “ลูบหน้าปะจมูก” หรือทำนอง “หยิกเล็กเจ็บเนื้อ”
สังคมที่อุดมด้วยพรรคพวก มากมายด้วยพี่น้องจนกลายเป็นระบบอุปถัมภ์แบบสุดโต่งในวงการสีกากีนั้นกำลังสร้างปัญหาให้กับสังคม นอกจากรัฐบาลจะปฏิรูปให้กลับมามั่งคั่ง ยั่งยืน ไม่ได้แล้วยังเหลวแหลก-บัดซบอย่างที่คาดไม่ถึง...ขอให้ดูกรณีตัวอย่างเรื่องราวของ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ อีเปรี้ยว เอาไว้
เส้นทางชีวิตจากเด็กบ้านแตก-ใจแตก วนเวียนอยู่กับความโสโครก ขายเรือนร่างจนถึงเกี่ยวพันกับยาเสพติด... เบื้องหลังอาชญากรรมตัวเอ้คือใคร ลองใช้สติปัญญาพินิจพิเคราะห์เถิด...จะเป็นใครได้ ถ้าไม่ใช่ตำรวจ !! ??
