ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มีข่าวชิ้นเล็กๆแต่สะเทือนใจกันไปทั้งประเทศกรณีตำรวจ สภ.โกตาบารู จ.ยะลา จับ 2 สามีภรรยาพิการและเรียกค่าปรับถึง 1 หมื่นบาท ก่อนลดราคาเหลือ 3 พันบาท กระทั่งเรื่องไปเข้าหู ผกก.จึงนำเงินมาคืน แล้วสั่งย้าย 4 ตำรวจคนที่ก่อเรื่อง...ก่อนวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ ขออนุญาตนำรายละเอียดมาเสนอต่อท่านผู้อ่านอีกครั้งดังต่อไปนี้....
จากกรณีที่ได้มีการแชร์กันในโลกโซเชียลถึงเหตุการณ์ของสองสามีภรรยาผู้พิการ โดยสามีพิการตาบอด ส่วนภรรยาพิการไม่มีแขน และขา ได้นำผลิตภัณฑ์สินค้าสบู่ และครีมโลชั่น เร่ขายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ยะลา ปัตตานี และ จ.นราธิวาส โดยให้คนรู้จักช่วยขับรถตระเวนขายของ แต่ในระหว่างที่เดินทางขับรถมาขายในพื้นที่ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โกตาบารู ที่ตั้งด่านเรียกตรวจ และจับปรับในความผิดลักลอบนำสินค้าหนีภาษีมาเร่ขาย ซึ่งเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายการจำหน่ายสินค้า โดยภายหลังได้มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวลงในโซเชียล และชาวเน็ตต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถึงความไม่เหมาะสม แม้แต่ผู้พิการก็ยังเรียกเก็บเงิน
โดยมีข้อความจากเฟซบุ๊กที่แชร์ว่า “#Aslammualaikum.. มีสองสามีภรรยา ชื่อมะดอ กับปะดอ มาขายสบู่นำเข้าจากมาเลย์ เขาเป็นคนสุไหงปาดี จ.นราธิวาส ไม่กลับบ้าน 3 เดือนแล้ว สามีเป็นคนตาบอด ส่วนภรรยาพิการมือ ขาไม่มี เขาขายที่ไหนเขาก็ขอความช่วยเหลือให้คนแถวนั้นขับรถให้แล้วไปต่อๆ มีคนจะบริจาคเงินเขาไม่รับ ขอให้ซื้อสบู่ของที่เขาขายก็พอ # ช่วยอุดหนุนเขาด้วยนะค่ะ ในวันที่ 18/5/2560 เขาไปขายแถวโกตาบารู รามัน โดยมีตำรวจดักตรวจรถเขา แล้วให้ใบสั่งที่เขา เขาบอกว่าเขาจ่ายค่าภาษีแล้ว แต่ตำรวจต้องการเงินค่าปรับ 10,000 บาท แต่เขาขอร้องอย่าเอาค่าปรับเขาเลย ในที่สุดเขาขอ 3,000 เลยต้องเสียค่าปรับที่นั่นเลย 3,000 บาท ใบเสร็จตำรวจให้แล้ว ตำรวจเอาคืน เขาบอกว่าตำรวจใจดำมาก คนพิการก็อยากกินเงิน เขาบอกวันนั้นไม่มีเงินเลย ยังดีที่เหลือเงินกลับบ้าน 1,000 บาท มาเอาเงินค่าปรับเขาทำไม เขา 2 คนขอความช่วยเหลือเรา ช่วยถ่ายลงเฟซหน่อย เขาฝากบอกว่าอย่าจับเขาเลย เขาจะทำมาหากินสุจริต เขาน่าสงสารมาก #ฝากแชร์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆๆๆ ค่ะ”
ส่วนพ.ต.อ.ปัญญา คารวานันทร์ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ในฐานะผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจตามนโยบาย และคำสั่งการดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงเวลาดังกล่าว เปิดเผยว่า หลังได้ทราบข่าวเรื่องปะดอ กับมะดอ โดนเสียค่าปรับ จึงได้รีบมาเยี่ยมปะดอ กับมะดอ ถึงที่บ้าน ตนเห็นครั้งแรกรู้สึกสงสาร และอายมากที่มีลูกน้องเอาค่าปรับได้ลงคอ ไม่ใช่เราจะเอาเงินเขา แต่เรานี่และที่ต้องให้เขาเพิ่ม เขาพิการอุตส่าห์ทำงานสุจริต ไม่ได้ขอทานใคร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย ตนจึงได้ให้ค่าปรับคืน พร้อมสิ่งของให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ปะดอ กับมะดอ และมาขอโทษแทนลูกน้องด้วย ผู้กำกับจะรับผิดชอบทุกอย่างให้สมควร วันนั้นไม่อยู่เวรที่โรงพักด้วย เพิ่งได้ทราบเรื่องที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ส่วนเงินก็คืนเป็นเงิน 3,000 บาท มะดอ บอกว่า กว่าจะได้มาไม่ใช่ง่ายๆ ทำงานมาหลายวันและกลัวโดนปรับครั้งที่ 2 อีก
“ ผมไปขอโทษด้วยความจริงใจ ยอมรับลูกน้องทำผิด ส่วนลูกน้องได้ส่งไปช่วยราชการที่ภูธรจังหวัดยะลาแล้ว ไม่ให้อยู่ สภ. หรือสัมผัสกับประชาชน ผมรับไม่ได้ต่อการกระทำของลูกน้อง ส่วนปะดอ กับมะดอ จิตใจสูงกว่า บอกผมว่าไม่เอาเรื่องลูกน้อง “สงสารเขา” ผมได้ฟังน้ำตาแทบไหล ซึ้งใจในจิตใจของทั้ง 2 คน วันนี้หลังจากขอโทษปะดอ กับมะดอ แล้ว ได้อุดหนุนสินค้าที่ปะดอ กับมะดอ เอามาจำหน่าย เป็นผงซักฟอก จำนวน 4 กล่อง ปลากระป๋องที่มีอยู่4 กระป๋อง สอบถามราคาแล้ว ผงซักฟอกซื้อมา 130 บาท เอามาขาย 150 บาท ปลากระป๋องซื้อมา 30 กว่าบาท เอามาขาย 42 บาท เลยอุดหนุน รวมราคา 768 บาท ยื่นเงินให้ใบละพัน มะดอ จะทอนให้ เลยถือโอกาสให้ทั้ง 1,000 บาท และยังบอกอีกว่า หากผ่านมาขายในพื้นที่โกตาบารู ให้แวะมาขายให้ ผกก.สภ.โกตาบารู ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อทุกครั้งที่มาขาย เพื่ออุดหนุนคนสู้ชีวิต แม้ว่าจะทราบว่าปะดอ กับมะดอ รับว่าเป็นสินค้าหนีภาษี ขอเป็นลูกค้าของปะดอ กับมะดอ ตลอดไป”
ขณะเดียวกัน ทาง พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้ตำรวจทั้ง 4 นาย ย้ายไปประจำที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลาแล้ว และให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกำชับห้ามมีการเรียกเงินจากประชาชนโดยเด็ดขาด หากพบมีความผิดจริงจะต้องเอาผิดทางวินัยต่อไป
นั่นคือรายละเอียดต่างๆ อ่านแล้วน้ำหูน้ำตาจะไหล แต่ที่จำเป็นต้องหยิบขึ้นมาพูดถึงอีกเพราะยังเห็นความไม่ชอบมาพากลมากมาย ทั้งการทำผิดกฎหมายของปะดอ กับมะดอ 2 สามีภรรยา ซึ่งแน่นอนว่านำสินค้าหนีภาษีมาจำหน่าย ส่วน 4 ตำรวจตัวแสบ ต้องมีความผิดเช่นกันฐานทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ใช่สั่งย้ายเพื่อลดกระแสหรือกลบข่าวเพื่อเลิกแล้วต่อกัน
ขอกลั้นใจเขียนถึง 2 สามีภรรยาก่อน ซึ่งสังคมทราบกันดีว่าฝ่ายภรรยาพิการแต่กำเนิดมีร่างกายแค่ครึ่งตัว แขนและมือทั้งสองข้างก็พิการเช่นกัน ส่วนสามีตาบอดอวัยวะอย่างอื่นครบถ้วน
ทั้งคู่สู้ชีวิตไม่ยอมขอทาน ไม่ยอมทำตัวเป็นภาระของสังคมซึ่งเป็นเรื่องน่าชื่นชมแต่การทำผิดกฎหมายก็คือผิดดังนั้นขั้นตอนที่ถูกต้องเมื่อตำรวจจับจะนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสู่กระบวนการเปรียบเทียบปรับ หรืออื่นๆโดยมีขั้นตอนของศุลกากรมาเกี่ยวข้องด้วยแต่ปรากฏว่าไม่ยอมทำกันเพราะเป็นการ “ปรับผี” จับเพื่อรีดไถ
มีคำถามว่า ผกก.สภ.โกตาบารู เอาเงิน 3 พันบาทที่ 4 ตำรวจรีดไถคนพิการไปจากใคร ตำรวจ ก.-ข-ค-ง และเพราะเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีกับตำรวจดังกล่าว จะอ้างว่าเจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่อง หรือไม่อยากให้เป็นคดีเพราะจะต้องจับปะดอ -มะดอ ด้วยแบบนี้ท่านต้องระวังจะผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นได้
ความจริงแล้วข้อหานำของหนีภาษีมาจำหน่ายคงมีโทษไม่ร้ายแรงอะไรมากกว่าปรับแต่สำหรับ 4 ตำรวจแล้วมีอยู่ 2 สถานคือไล่ออก และติดคุก
คดีนี้ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จัดการให้เด็ดขาดอย่าปล่อยเป็นเยี่ยงอย่างเนื่องจากนำความเสื่อมเสียมาสู่สังคมตำรวจอย่างที่สุด เพราะเหยื่อที่ถูกจับนั้นก็เห็นอยู่โท่นโท่ว่าเขาพิการดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ แต่ตำรวจระยำพวกนี้ไม่ยอมละเว้นซึ่งไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรจึงหยาบช้าไร้ความเมตตาทำได้แท้แต่คนพิการเหลือเพียงครึ่งตัว
กลายเป็นเรื่องกลืนไม่เข้า คลายไม่ออก
ดาบแรกขอแนะนำให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนไล่ลงไปตั้งแต่ ผบก.จว. ผกก.สภ.โกตาบารู ที่รู้เห็นว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้วกระทั่งเอาเงินทองไปคืนกัน แต่ไม่ยอมดำเนินคดีกับตำรวจใต้บังคับบัญชา
ดาบสองคือไล่ออก 4 ตำรวจ พร้อมดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ส่วนปะดอ-มะดอ ต้องถูกดำเนินคดีด้วย เพียงแต่ให้ใช้หลักรัฐศาสตร์และมนุษยธรรมให้กับเขา ที่สำคัญกระทรวงยุติธรรม หรือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ถ้าจะประกอบอาชีพต่อไป ควรทำอย่างไร ขายสินค้าไทยดีไหม จะได้ไม่ถูกดำเนินคดี หรือถ้ายังต้องการขายสินค้าจากมาเลเซียจะต้องมีขั้นตอนที่ถูกต้องอย่างไร
ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันจำเป็นต้องเคารพและใช้อย่างเสมอภาค ยิ่งคนเป็นตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฏหมายอย่างตรงไปตรงมาสมควรอย่างยิ่งที่จะยึดหลักนิติศาสตร์เข้าไว้ส่วนรัฐศาสตร์นั้นแม้จำเป็นอยู่บ้างแต่ยังมีความละเอียดอ่อน หากท่านคิดว่าได้ผลคงไม่มีเหตุการณ์อัปยศนี้เกิดขึ้น
น่าอับอายขายขี้หน้า ลองอ่านรายละเอียดกันดีๆ จะเห็นว่าท่าน ผกก.โกตาบารู ที่ทำท่าจะเป็นพระเอกนั้นเอาเข้าจริงมีแต่ ดราม่า ผิดซ้ำผิดซากตั้งแต่ต้นจนจบ !!??