ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อปลายปี 2559 นับเป็นความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการป้องกันโรคไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศเมืองร้อน ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 13 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และการที่วัคซีนดังกล่าวนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. แสดงว่า วัคซีนนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค และมีความปลอดภัยกับประชาชน เมื่อใช้ตามที่กำหนดในเอกสารกำกับ ซึ่งข้อบ่งใช้สำหรับวัคซีนจะใช้ในกลุ่มอายุ 9-45 ปี ต้องฉีด 3 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน ใช้เวลา 1 ปี จึงจะครบชุด ซึ่งจะต้องให้แพทย์สั่ง โดยพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายบุคคล ใช้นอกเหนือจากใบกำกับไม่ได้ และผู้รับบริการ ยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
"ประชาชนต้องรับทราบข้อมูลด้วยว่า วัคซีนชนิดนี้ไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สามารถลดโอกาสเป็นโรคได้ 65 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นวิธีการป้องกันโรค ยังจำเป็นต้องทำการกำจัดยุงลายและลูกน้ำยุงลายอย่างเข้มข้น และหากป่วยมีไข้สูง ต้องเฝ้าสังเกตอาการ และพบแพทย์เพื่อรักษาได้ทันท่วงที แม้ไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่นำวัคซีนชนิดนี้เข้ามาให้บริการ แต่เป็นวัคซีนใหม่ เพิ่งออกสู่ตลาดได้ไม่นาน ราคาจึงยังค่อนข้างสูง การนำมาใช้ในระดับประเทศของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ยังน้อยอยู่ จึงต้องใช้เวลาพิจารณาข้อมูลเชิงสาธารณสุขอย่างรอบด้านอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะราคาวัคซีนที่มีความเหมาะสม หรือราคาที่มีความคุ้มทุนตามหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ตามคำแนะนำและแนวทางขององค์การอนามัยโลกและธนาคารโลก"
"ประชาชนต้องรับทราบข้อมูลด้วยว่า วัคซีนชนิดนี้ไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สามารถลดโอกาสเป็นโรคได้ 65 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นวิธีการป้องกันโรค ยังจำเป็นต้องทำการกำจัดยุงลายและลูกน้ำยุงลายอย่างเข้มข้น และหากป่วยมีไข้สูง ต้องเฝ้าสังเกตอาการ และพบแพทย์เพื่อรักษาได้ทันท่วงที แม้ไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่นำวัคซีนชนิดนี้เข้ามาให้บริการ แต่เป็นวัคซีนใหม่ เพิ่งออกสู่ตลาดได้ไม่นาน ราคาจึงยังค่อนข้างสูง การนำมาใช้ในระดับประเทศของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ยังน้อยอยู่ จึงต้องใช้เวลาพิจารณาข้อมูลเชิงสาธารณสุขอย่างรอบด้านอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะราคาวัคซีนที่มีความเหมาะสม หรือราคาที่มีความคุ้มทุนตามหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ตามคำแนะนำและแนวทางขององค์การอนามัยโลกและธนาคารโลก"
