xs
xsm
sm
md
lg

เล็งเลิกรถตู้ข้าม จว. “อาคม”ชี้ไม่เหมาะโดยสารทางไกล ญาติทยอยรับศพเหยื่อตู้มรณะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - ญาติโศกเศร้าทยอยรับศพเหยื่อเคราะห์ร้ายรถตู้ชนกระบะไฟคลอก ส.นิติเวชวิทยาคาดพิสูจน์เอกลักษณ์ครบ 25 ศพวันนี้ ปภ.ชลบุรีเผยสาเหตุรถขับรถตู้เร่งเพิ่มรอบจนน็อค ก.ยุติธรรมยินดีให้คำปรึกษาข้อ กม. พร้อมออกค่าใช้จ่ายดำเนินคดีให้ก่อน “อาคม” ปึ๊งไอเดียล้อมคอก เล็งใช้รถโดยสารขนาดใหญ่แทนรถตู้ที่ไม่เหมาะโดยสารข้าม จว. ระบุเริ่มลดจำนวนได้หลังหมดอายุปี 62 “ปธ.ชมรมไทยปลอดภัย” ระบุรถตู้ไม่เหมาะใช้โดยสารระยะไกล ที่ฉะเชิงเทราไฟคลอกเบนซ์ดับอีห 4 ราย รวม 5 วันช่วงปีใหม่ทั่วประเทศยอดตอยพุ่ง 367 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (3 ม.ค.) เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยศีลธรรมสมาคม อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมด้วยรถจำนวน 9 คัน ได้ลำเลียงร่างผู้เสียชีวิต จำนวน 25 ราย ที่ถูกไฟคลอกจากอุบัติเหตุรถตู้โดยสาร สายกรุงเทพ-จันทบุรี หมายเลขทะเบียน 15-1352 กรุงเทพมหานคร มีผู้โดยสารเต็มคัน จาก จ.จันทบุรีมุ่งหน้า กทม.ได้พุ่งข้ามเลนชนประสานงากับรถกระบะ ทะเบียน 1 ฒณ 2483 กรุงเทพมหานคร บนถนนสายบ้านบึง-แกลง ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มาที่อาคารสัจธรรม สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล เนื่องจากผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกไฟไหม้คลอก จนไม่สามารถระบุตัวตนได้ ทั้งนี้ มีญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่สถาบันนิติเวชวิทยา พร้อมนำเอกสารหลักฐานมารอรับศพด้วยความโศกเศร้า เพื่อนำกลับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป โดยทางสถาบันนิติเวชวิทยา ได้จัดห้องรองรับญาติผู้เสียชีวิตระหว่างรอผล ซึ่งได้มีผู้เสียชีวิตที่ญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลชุดแรกจำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1.นายกันตินันท์ ไทยตรง อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานธนาคารเกียรตินาคิน 2 นางสาวภัทราวรรณ รื่นเริง อายุ 42 ปี 3.นายพรหมพต กอศิริวลานนท์ อายุ 20 ปี 4.นายสุพิณ หาญเสมอ อายุ 41 ปี 5.ด.ญ.สุนันทา หาญเสมอ อายุ 15 ปี 6.นางสาวเกษศิณี กมลเมธากุล อายุ 18 ปี และ 7.นางสาวดวงชีวัน พันธุ์เพ็ชร์ อายุ 34 ปี

** คาดพิสูจน์เอกลักษณ์ 25 ศพเสร็จวันนี้

พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวถึงการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตว่า แพทย์นิติเวชได้เร่งตรวจเอกลักษณ์บุคคลศพผู้เสียชีวิตทั้ง 25 ราย โดยศพทั้งหมดอยู่ในสภาพไหม้เกรียม ซึ่งจะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และดีเอ็นเอ เปรียบเทียบกับญาติ เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ก่อนจะให้ญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

“เช้านี้จะเริ่มด้วยการตรวจพลิกศพอย่างละเอียด เพื่อหาตำหนิรูปพรรณต่างๆ แล้วจะนำมาเทียบกับเอกสารที่ทางญาติได้ยื่นพร้อมระบุไว้ เช่นรอยสัก รอยแผลเป็น หรือสิ่งที่ญาติสงสัยว่าจะเป็นผู้เสียชีวิตรายนั้น คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน อย่างไรก็ตามทางสถาบันเข้าใจความรู้สึกญาติผู้เสียชีวิตที่ต้องการนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ทางเราจำเป็นจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ซึ่งจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด ทั้งนี้อยากให้ทางญาติที่คาดว่ามีศพจากเหตุการณ์ให้รีบมาติดต่อเพื่อจะได้ช่วยตรวจสอบต่อไป” พล.ต.ต.นพ.พรชัย ระบุ

อีกด้านที่ โรงพยาบาลบางมด ถ.พระราม 2 กทม. นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม พร้อมด้วย นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะเดินทางไปเยี่ยมอาการของ นางปราณี บุญโทน ผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ โดย นายพิชิตได้สอบถามอาการและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้มอบกระเช้าของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ญาติผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย

** เผยคนขับรถตู้เพิ่มรอบจนน๊อค

ที่ จ.ชลบุรี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการ จ.ชลบุรี ได้เข้าร่วมประชุมระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิทธิ์ รมว.คมนาคม เรื่องการป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนนในช่วง 7 วันอันตราย 27 ธ.ค.59 - 4 ม.ค.60 ณ ห้องรักษาเทพ ชั้น 2 ศาลากลาง จ.ชลบุรี โดยมีหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วม เพื่อรายงานสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ ซึ่งมีการรายงานถึงอุบัติเหตุรถตู้โดยสารกรุงเทพฯ-จันทบุรี ชนกับรถกระบะจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ด้วย

โดย นายศิวกร บัวป้อง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชลบุรี กล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียชีวิตทั้ง 25 รายนั้น เนื่องจากรถทั้ง 2 คัน มี พ.ร.บ.และประกันภัยภาคสมัครใจ จะทำให้ญาติผู้เสียชีวิตได้ค่าทำศพรายละ 6 แสนบาทเป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้ ยังได้มีการสืบทราบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุน่าจะมาจากคนขับรถตู้โดยสาร คือ นายสุมน เอี่ยมสมบัติ พักผ่อนไม่เพียงพอจนเป็นสาเหตุของการหลับใน เนื่องจากต้องขับรถรับผู้โดยสารติดต่อกันหลายวัน และในวันเกิดเหตุยังได้ขับรถตู้ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ถึงจันทบุรี เวลา 10.00 น. โดยใช้เวลาในการขับรถรวม 5 ชั่วโมง และได้พักเพียง 1 ชั่วโมง ก่อนจะขับรถคิวต่อไปออกจากจังหวัดจันทบุรี ในเวลา 11.00 น.

“ความเป็นจริงคนขับรถสาธารณควรจะให้มีการพักผ่อนที่มากกว่านี้ แต่เนื่องจากส่วนใหญ่คนขับรถตู้มักจะไม่มีเงินเดือน และมีรายได้เป็นเที่ยว รวมทั้งเปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้โดยสาร ดังนั้น คนขับจึงมักเร่งขับเพื่อทำเที่ยวให้ได้มาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะที่อุปกรณ์การป้องกันในรถก็น่าจะมีมากกว่านี้” นายศิวกร กล่าว 

** ยธ.ยื่นมือช่วยเหลือข้อกฎหมาย

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาข้อกฎหมาย การติดตามสิทธิจากบริษัทประกัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีทั้งแพ่งและคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง และค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์อัตลักษณ์ทางบุคคล โดยขอให้ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตติดต่อได้ที่สำนักงานยุติธรรม จ.ชลบุรี หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ที่เป็นภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ สำนักงานยุติธรรม จ.ชลบุรีได้แจ้งสิทธิและให้คำปรึกษาด้านกฎหมายในเบื้องต้นเฉพาะรายที่ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลใดไปบ้างแล้ว ในที่นี่ให้หมายรวมถึงกรณีอุบัติเหตุอื่นๆ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศก็สามารถขอรับคำแนะนำและความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า แม้มีประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 1 และประเภท 3 หรืออื่นๆ แล้วแต่กรณี และได้สิทธิเงินทดแทนสูงเกินกว่า พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559ก็ตาม กระทรวงยุติธรรมยินดีให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาข้อกฏหมาย การติดตามสิทธิจากบริษัทประกัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีทั้งแพ่งและคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง และค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์อัตลักษณ์ทางบุคคล โดยขอให้ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตติดต่อได้ที่สำนักงานยุติธรรม จ.ชลบุรี หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้หมายรวมถึงกรณีอุบัติเหตุอื่นๆ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ

** รมว.คค.เล็งเลิกรถตู้โดยสารข้ามจังหวัด

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ในการเดินทางของประชาชนในปี 2560 พบว่า ประชาชนเดินทางมากกว่าปี 2559 โดยเฉพาะการใช้รถขนส่งสาธารณะ รวมถึงปริมาณการใช้รถยนต์ก็สูงขึ้นเช่นกัน อีกทั้งการใช้มอเตอร์เวย์และทางด่วนการทางพิเศษด้วย ทั้งนี้วันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณการขาเข้า กทม.เพิ่มขึ้น ดังนั้นได้กำชับเรื่องการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ทยอยเดินทางกลับทุกเส้นทาง โดยจะต้องระบายรถให้เคลื่อนตัวได้ ทั้งเส้นทางภาคอีสาน ภาคเหนือและภาคใต้ มีการเพิ่มช่องทางพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกได้ ซึ่งก็ได้ผล โดยมีเจ้าหน้าตำรวจทางหลวงและแขวงการทางดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นสาเหตุอันดับ1 มาจากการเมาสุรา แต่ขณะนี้หมดช่วงการเฉลิมฉลองและเป็นช่วงการเดินทางกลับ อันดับ 2 คือเรื่องความเร็ว โดยเฉพาะเส้นทางตรง และอันดับ 3 อุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การควบคุมดูแลรถตู้โดยสาร เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะมีผู้โดยสารเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นายอาคม กล่าวว่า ต้องดูหลายส่วนประกอบกัน ทั้งตัวรถ และอุปกรณ์ส่วนพ่วงต่างๆต้องได้มาตรฐาน รวมถึงสภาพถนน แต่ที่ผ่านมาก่อนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ทางกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้มีการปรับปรุงพื้นผิวการจราจรไม่ให้มีหลุมและบ่อ แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดซ้ำจุด เพราะส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมผู้ขับรถที่มีหลายสาเหตุ เช่น เมาสุรา อาการเมื่อยล้า และหลับใน การควบคุมรถสาธารณะสามารถควบคุมได้แต่รถส่วนบุคคลต้องควบคุมตนเอง เพราะตามกฎหมายแรงงานให้คนขับรถทำงาน 8 ชั่วโมง แต่กรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารที่ จ.ชลบุรีต้องไปดูรอบการทำงานของผู้ขับ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด จนรถเบรคไม่อยู่ และความเหนื่อยล้า ส่วนสาเหตุที่เกิดไฟไหม้ตัวรถจะเป็นเพราะรถตู้โดยสารมีติดแก๊สหรือไม่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เบื้องต้นพบว่า รถตู้โดยสารคันดังกล่าวเข้าตรวจสอบสภาพรถเมื่อเดือน ก.ย. 59 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผ่านการตรวขสอบและเบื้องต้นก็พบว่า รถตู้คันดังกล่าวถังแก๊สไม่ได้มีปัญหา จึงมองว่าอาจจะเกิดจากระบบหัวจ่ายน้ำมัน แต่ทั้งนี้จะต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

“ที่ต่างประเทศรถตู้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขนส่งคน แต่ใช้เพื่อขนส่งสิ่งของ ดังนั้นเมื่อมีการนำมาประยุกต์ โดยเฉพาะระบบสองระบบ ก็จะต้องเน้นย้ำในเรื่องระบบความปลอดภัย ทั้งตัวรถและอุปกรณ์ส่วนพ่วง ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ขับขี่ รถตู้โดยในข้อบังคับของกรมขนส่งทางบกระบุไว้อย่างชัดเจนว่าขับรถ 4 ชั่วโมงต้องพัก 1 ชั่วโมง รวมไปถึงขณะนี้ได้มีการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการนำรถตู้ติดจีพีเอส เพื่อให้สามารถตรวจสอบและควบคุมที่ศูนย์ควบคุมได้ รวมไปถึงภายในปี 62 จะผลักดันให้มีการใช้รถตู้โดยสารขนส่งข้ามจังหวัดลดลง เพราะรถตู้โดยสารส่วนใหญ่จะหมดอายุการใช้งาน และจะผลักดันให้ใช้รถโดยสารที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อความปลอดภัย พร้อมกับจะต้องให้ผู้ขับรถโดยสารเข้ารับการอบรมทุก 6 เดือนจากกรมการขนส่งทางบกเพื่อเตือนความจำเรื่องกฎหมายการจราจรและสร้างจิตสำนึกด้วย” นายอาคม กล่าว

** “นิกร” ระบุรถตู้ไม่เหมาะโดยสารระยะไกล

นายนิกร จำนง ประธานชมรมไทยปลอดภัย และอดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าสลดใจ และเสียใจอย่างมาก สาเหตุน่าจะเกิดจากการใช้ความเร็วของรถในช่วงที่สภาพการจราจรไม่ติดขัด ขับรถเร็ว และพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมทั้งไม่มีการตั้งด่านตรวจจับความเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีแต่การตั้งเต้นท์ แต่ไม่มีด่านตรวจจับความเร็วเลยในปีนี้ จึงเกิดความสูญเสียขึ้น โดยมีสาเหตุร่วมคือ ความอ่อนล้าของการขับรถต่อเนื่อง ทำเกิดการสูญเสียดังกล่าว ประกอบกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้ดำเนินการมาตรการตามที่ กมธ.เสนอไปอย่างเคร่งครัด จริงจัง ในช่วง 7 วันอันตราย โดยคิดว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรง เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ของแผ่นดินทั่วประเทศ ดังนั้นรถตู้นั้นไม่เหมาะการกับการเป็นโดยสารสาธารณะระยะไกล เนื่องจากตัวรถที่ไม่ปลอดภัย ซึ่ง กมธ .เคยเสนอข่าวแล้วเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.59 คือ การแย่งอากาศหายใจทำให้คนขับเกิดความง่วง ประตูเข้า-ออกทางเดียว การใช้เชื้อเพลิง ที่ส่วนใหญ่จะใช้ก๊าซ หรือเบนซิน ซึ่งตนได้เสนอแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาไว้แล้ว คือ ให้มีมาตรการตรวจสอบรถตู้โดยสารเกี่ยวกับอุปกรณ์เรื่องความปลอดภัย เช่น การกำหนดให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS เพื่อควบคุมความเร็วของรถตู้โดยสาร, ปรับปรุงให้มีทางออกฉุกเฉินที่ชัดเจน, มีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยติดรถ เช่น ค้อน และเครื่องมือดับเพลิง, ติดเข็มขัดนิรภัย และที่สำคัญคือการตรวจสอบบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และติดคู่มือความปลอดภัยไว้ในรถ เพื่อผู้โดยสารจะได้รับทราบในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน

** เบนซ์ซิ่งตกร่องถนนไฟท่วมที่ฉะเชิงเทรา

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.19 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.บุญเลิศ มุกดาสนิท รองสารวัตรสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธร (สภ.) พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ พุ่งตกร่องกลางถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี บริเวณหลัก กม.ที่ 101 จนเกิดไฟลุกไหม้ และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตติดคาซากรถ 3 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลอีก 1 ราย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยที่เกิดเหตุอยู่บริเวณก่อนถึงวัดโพธิ์ใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม และยังพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่นS280 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กน 352 กรุงเทพมหานคร ตกอยู่ในร่องกลางถนน สภาพถูกเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงที่บริเวณด้านหน้ารถ และเบาะข้างคนขับ โดยมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุที่ทราบชื่อเบื้องต้นแล้ว 2 ราย คือ นายอมรฤทธิ์ ถาวรสถิตย์ อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นคนขับ และนางสรินญพร รัชตะชัยอนันต์ อายุ 65 ปี ส่วนอีกรายยังไม่ทราบชื่อ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยพนมสารคาม ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพนมสารคาม และเสียชีวิตระหว่างถูกนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลพุทธโสธร (รพ.เมืองฉะเชิงเทรา) จนเป็นเหตุให้อุบัติเหตุในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย

** ปีใหม่ 5 วันยอดตายพุ่ง 367 ราย

พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ประจำปี 2560 เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 ม.ค.60 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" พบว่ามียอดเกิดอุบัติเหตุ 445 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 87 ราย ผู้บาดเจ็บ 465 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกำหนด โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (25 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี (25 ราย)

สำหรับสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน (29 ธ.ค.59 - 2 ม.ค.60) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,157 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 367 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,342 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 7 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (129 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี (31 ราย)

ทั้งนี้ จากข้อมูลปริมาณรถของศูนย์ปฏิบัติการคมนาคม พบว่าในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.59 - 2 ม.ค.60 มีปริมาณรถบนท้องถนนทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพฯ จำนวน 4,527,540 คัน เมื่อเทียบกับช่วงปกติมีปริมาณรถ 3,477,216 คัน เพิ่มขึ้น จำนวน 1,050,324 คัน คิดเป็น 30.21% จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น