ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
มนุษย์ย่อมรักตัวกลัวตาย ห่วงใยต่อสุขภาพ อาหารต่างๆ ที่เราบริโภคทุกวันนี้ควรเป็นสิ่งมีประโยชน์ จำเป็นต่อความสมบูรณ์แข็งแรงต่อร่างกาย ไม่เป็นตัวก่อเหตุสำหรับโรคภัยไข้เจ็บ
อาหาร ผลิตภัณฑ์เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์แท้จริงเท่านั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการ ไม่ควรมีสารพิษธรรมชาติหรือสารปนเปื้อน ปลอมปนด้วยฝีมือมนุษย์เพื่อให้ผู้อื่นเสพ หรือบริโภคเพื่อความมั่งคั่งของตัวเองและหุ้นส่วน คนอื่นๆ จะเป็นตายก็ช่างมัน
ช่วงสิ้นปีเก่าย่างเข้าสู่ปีใหม่ผมสมควรเสนอบทความเรื่องดีงาม โลกสวย อ่านแล้วชื่นใจ เริงอารมณ์ หรือประโลมโลก ไม่สร้างความขุ่นเคือง บ่อเกิดความขัดแย้ง หรือปัญหาให้ใคร
แต่ไม่เป็นเช่นนั้น มีเรื่องสำคัญที่อยากให้รัฐบาลของคุณท่านผู้นำสมควรพิจารณาอย่างจริงจังว่าในยุคของคุณท่านนั้น จะใช้อำนาจทางกฎหมายช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบหรือไม่ หรือยังจะปล่อยให้ชาวบ้านเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ ประสบความทุกข์ทรมาน
เป็นเรื่องใหญ่ ท้าทายความกล้าหาญทั้งด้านการเมือง จริยธรรม และศีลธรรม! ถ้าไม่ทำ ทำไม่สำเร็จ จะเป็นด้วยเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ ถือว่าไม่แปลก ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายอยู่แล้ว
แต่ถ้าคุณท่านผู้นำตั้งใจจริง ทำได้สำเร็จเบ็ดเสร็จ จะเป็นคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประชาชนคนไทยร่วม 70 ล้านคน และประชาคมโลกด้วย โลกจะจารึกไว้ว่าคุณท่านผู้นำได้ทำคุณต่อแผ่นดินแท้จริง
นั่นคือ สั่งห้ามผลิต นำเข้า มีไว้เพื่อจำหน่าย หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ พวกสารเคมีเกษตร เช่นปุ๋ยเคมีเกษตร ยาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง ทุกชนิด ใครมีไว้ในครอบครอง ต้องระวางโทษหนักไม่ต้องบอกหรือสั่งสอนก็รู้กันโดยทั่วไปว่าสารเคมีเกษตรตกค้างในพืช ดิน ลำน้ำ ลำธาร ล้วนมีสารพิษเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้บาดเจ็บล้มตายทุกวัน ช้าหรือเร็วเท่านั้น
ปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าสารเคมีเกษตรมากถึงปีละ 1 แสนตัน ไม่มีแนวโน้มลดลง
คนไทยมีปัญหาสุขภาพมากมาย มีผลทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการบริโภคสารพิษของเคมีเกษตรซึ่งตกค้างในอาหาร น้ำดื่ม รวมความแล้ว มีทั้ง อุปโภค บริโภค
ใครก็ตามที่ได้ผลิต ขาย ใช้เคมีเกษตรปราศจากหลักวิชา ทั้งที่รู้ถึงภัยร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ย่อมอนุมานได้ว่าบุคคลนั้นได้ก่อภัยอย่างแสนสาหัส สร้างความทุกข์มหันต์ต่อมนุษยชาติ
การเอาสารเคมีพิษปนเปื้อนใส่ในสินค้าเกษตร ให้มนุษยชาติบริโภคย่อมถูกมองได้ว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง เป็นฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น เพียงไม่ล้มตายทันทีเท่านั้น
เราต้องมีมุมมองใหม่ว่าเป็นอาชญากรรมเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ในความร่ำรวยจากการผลิตและขายสินค้าปนเปื้อนสารพิษเคมีเกษตร โดยรู้ว่าได้ ใช้สารพิษซึ่งมีโทษต่อสุขภาพ ร่างกายมนุษย์ หรือสัตว์ที่มนุษย์บริโภค และย่อมเล็งเห็นผลนั้นได้
ที่ผ่านมา เราได้ละเลยในการยอมให้ใช้เคมีเกษตรในการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เจ้าหน้าที่ของรัฐมีท่าทีเกรงใจ เต็มใจ เอื้ออำนวยอวยประโยชน์ให้พ่อค้าผู้ผลิต ผู้จำหน่าย
เราถึงได้ตระหนักถึงภัยของสารเร่งการเติบโตของสัตว์ สารเร่งเนื้อแดง ว่าเป็นบ่อเกิดสารพัดโรค เด็กทั้งชายและสตรีเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์รวดเร็ว มีโรคภัยเร็วเกินวัย
มะเร็งและอาการเจ็บป่วยชนิดอื่นๆ เป็นผลตามมา นี่ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐ การสิ้นเปลืองเงิน ความทุกข์ทรมาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยรวม
ระหว่างผลกระทบจากคำสั่งห้ามใช้ปุ๋ยเคมี และเคมีกำจัดศัตรูพืช กับการที่ให้คนไทยเสี่ยงภัยด้านสุขภาพ ตาย อมโรค รัฐบาลจะเลือกเกรงใจพ่อค้าเช่นนั้นหรือ โดยเห็นชีวิตของประชาชนไร้ความหมาย
เคมีเกษตรฝังในดิน ปนเปในน้ำ ทุกวันนี้ ยังไม่มากหรือ?
ประเทศมีการเกษตรเป็นมรดกแผ่นดินมานานหลายร้อยปี มีที่ดินอุดมสมบูรณ์ ทุกวันนี้กลายเป็นแหล่งสารพิษตกค้าง ยากต่อการกำจัด เราต้องทนกับสภาพเช่นนี้อีกนานเท่าไหร่
จิตสำนึกใช้ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวบทกฎหมายบังคับใช้!!
รู้ทั้งรู้ว่าการเลิกใช้เคมีเกษตร ทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ขายได้ราคาดีกว่า ชาวบ้านไม่ต้องเสี่ยงตาย เด็กๆ มีโอกาสได้สุขภาพดี รวมความแล้วดีกว่าสารพัด
แต่ไม่มีมาตรการส่งเสริมจริงจัง ใช้ความกล้าหาญสั่งห้ามใช้เคมีเกษตรเฉียบพลัน ต้องถามว่าผลกระทบด้านการค้า กับสุขภาพของประชาชน รัฐบาลคุณท่านจะเลือกอะไร!
จริงหรือไม่ว่ามีคนของรัฐบาลได้ประโยชน์จากผลโดยและทางอ้อม?
รัฐบาลพร่ำอ้างถึงศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง แต่ภาคปฏิบัติยังไม่ เป็นผลชัดเจน ดังนั้นชาวบ้านมีสิทธิคิดได้ว่าที่แท้ นั่นเป็นเพียงถ้อยคำหวานหวังผลเลิศเท่านั้น!
คุณท่านใช้มาตรา 44 กำจัดปัญหาหลายประการ เพียงแค่เลิกใช้เคมีเกษตรทำไมยากเย็น หรือมีใครในกลุ่มคนรัฐบาลได้ประโยชน์จากการไม่สั่งห้าม เช่นนั้นหรือ
ขอคุณท่านยกเลิกการใช้เคมีเกษตรทั่วประเทศให้เป็นของขวัญปีใหม่ได้มั้ย
ถามง่าย ตอบยาก! แต่ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ในยุคของท่าน มีอำนาจพิเศษด้วย ใครจะทำ?! ชาวนา เกษตรกร ข้าราชการเป็นเหยื่อของเงินและพลังอิทธิพลของพ่อค้าเสมอ
ท่านเองก็รู้ว่าจะไว้ใจนักการเมืองไม่ได้ ท่านจึงต้องจำทนอยู่เป็นนายกฯ ต่อไปอีก ใช่หรือไม่?!
โดย โสภณ องค์การณ์
มนุษย์ย่อมรักตัวกลัวตาย ห่วงใยต่อสุขภาพ อาหารต่างๆ ที่เราบริโภคทุกวันนี้ควรเป็นสิ่งมีประโยชน์ จำเป็นต่อความสมบูรณ์แข็งแรงต่อร่างกาย ไม่เป็นตัวก่อเหตุสำหรับโรคภัยไข้เจ็บ
อาหาร ผลิตภัณฑ์เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์แท้จริงเท่านั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการ ไม่ควรมีสารพิษธรรมชาติหรือสารปนเปื้อน ปลอมปนด้วยฝีมือมนุษย์เพื่อให้ผู้อื่นเสพ หรือบริโภคเพื่อความมั่งคั่งของตัวเองและหุ้นส่วน คนอื่นๆ จะเป็นตายก็ช่างมัน
ช่วงสิ้นปีเก่าย่างเข้าสู่ปีใหม่ผมสมควรเสนอบทความเรื่องดีงาม โลกสวย อ่านแล้วชื่นใจ เริงอารมณ์ หรือประโลมโลก ไม่สร้างความขุ่นเคือง บ่อเกิดความขัดแย้ง หรือปัญหาให้ใคร
แต่ไม่เป็นเช่นนั้น มีเรื่องสำคัญที่อยากให้รัฐบาลของคุณท่านผู้นำสมควรพิจารณาอย่างจริงจังว่าในยุคของคุณท่านนั้น จะใช้อำนาจทางกฎหมายช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบหรือไม่ หรือยังจะปล่อยให้ชาวบ้านเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ ประสบความทุกข์ทรมาน
เป็นเรื่องใหญ่ ท้าทายความกล้าหาญทั้งด้านการเมือง จริยธรรม และศีลธรรม! ถ้าไม่ทำ ทำไม่สำเร็จ จะเป็นด้วยเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ ถือว่าไม่แปลก ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายอยู่แล้ว
แต่ถ้าคุณท่านผู้นำตั้งใจจริง ทำได้สำเร็จเบ็ดเสร็จ จะเป็นคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประชาชนคนไทยร่วม 70 ล้านคน และประชาคมโลกด้วย โลกจะจารึกไว้ว่าคุณท่านผู้นำได้ทำคุณต่อแผ่นดินแท้จริง
นั่นคือ สั่งห้ามผลิต นำเข้า มีไว้เพื่อจำหน่าย หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ พวกสารเคมีเกษตร เช่นปุ๋ยเคมีเกษตร ยาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง ทุกชนิด ใครมีไว้ในครอบครอง ต้องระวางโทษหนักไม่ต้องบอกหรือสั่งสอนก็รู้กันโดยทั่วไปว่าสารเคมีเกษตรตกค้างในพืช ดิน ลำน้ำ ลำธาร ล้วนมีสารพิษเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้บาดเจ็บล้มตายทุกวัน ช้าหรือเร็วเท่านั้น
ปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าสารเคมีเกษตรมากถึงปีละ 1 แสนตัน ไม่มีแนวโน้มลดลง
คนไทยมีปัญหาสุขภาพมากมาย มีผลทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการบริโภคสารพิษของเคมีเกษตรซึ่งตกค้างในอาหาร น้ำดื่ม รวมความแล้ว มีทั้ง อุปโภค บริโภค
ใครก็ตามที่ได้ผลิต ขาย ใช้เคมีเกษตรปราศจากหลักวิชา ทั้งที่รู้ถึงภัยร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ย่อมอนุมานได้ว่าบุคคลนั้นได้ก่อภัยอย่างแสนสาหัส สร้างความทุกข์มหันต์ต่อมนุษยชาติ
การเอาสารเคมีพิษปนเปื้อนใส่ในสินค้าเกษตร ให้มนุษยชาติบริโภคย่อมถูกมองได้ว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง เป็นฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น เพียงไม่ล้มตายทันทีเท่านั้น
เราต้องมีมุมมองใหม่ว่าเป็นอาชญากรรมเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ในความร่ำรวยจากการผลิตและขายสินค้าปนเปื้อนสารพิษเคมีเกษตร โดยรู้ว่าได้ ใช้สารพิษซึ่งมีโทษต่อสุขภาพ ร่างกายมนุษย์ หรือสัตว์ที่มนุษย์บริโภค และย่อมเล็งเห็นผลนั้นได้
ที่ผ่านมา เราได้ละเลยในการยอมให้ใช้เคมีเกษตรในการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เจ้าหน้าที่ของรัฐมีท่าทีเกรงใจ เต็มใจ เอื้ออำนวยอวยประโยชน์ให้พ่อค้าผู้ผลิต ผู้จำหน่าย
เราถึงได้ตระหนักถึงภัยของสารเร่งการเติบโตของสัตว์ สารเร่งเนื้อแดง ว่าเป็นบ่อเกิดสารพัดโรค เด็กทั้งชายและสตรีเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์รวดเร็ว มีโรคภัยเร็วเกินวัย
มะเร็งและอาการเจ็บป่วยชนิดอื่นๆ เป็นผลตามมา นี่ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐ การสิ้นเปลืองเงิน ความทุกข์ทรมาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยรวม
ระหว่างผลกระทบจากคำสั่งห้ามใช้ปุ๋ยเคมี และเคมีกำจัดศัตรูพืช กับการที่ให้คนไทยเสี่ยงภัยด้านสุขภาพ ตาย อมโรค รัฐบาลจะเลือกเกรงใจพ่อค้าเช่นนั้นหรือ โดยเห็นชีวิตของประชาชนไร้ความหมาย
เคมีเกษตรฝังในดิน ปนเปในน้ำ ทุกวันนี้ ยังไม่มากหรือ?
ประเทศมีการเกษตรเป็นมรดกแผ่นดินมานานหลายร้อยปี มีที่ดินอุดมสมบูรณ์ ทุกวันนี้กลายเป็นแหล่งสารพิษตกค้าง ยากต่อการกำจัด เราต้องทนกับสภาพเช่นนี้อีกนานเท่าไหร่
จิตสำนึกใช้ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวบทกฎหมายบังคับใช้!!
รู้ทั้งรู้ว่าการเลิกใช้เคมีเกษตร ทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ขายได้ราคาดีกว่า ชาวบ้านไม่ต้องเสี่ยงตาย เด็กๆ มีโอกาสได้สุขภาพดี รวมความแล้วดีกว่าสารพัด
แต่ไม่มีมาตรการส่งเสริมจริงจัง ใช้ความกล้าหาญสั่งห้ามใช้เคมีเกษตรเฉียบพลัน ต้องถามว่าผลกระทบด้านการค้า กับสุขภาพของประชาชน รัฐบาลคุณท่านจะเลือกอะไร!
จริงหรือไม่ว่ามีคนของรัฐบาลได้ประโยชน์จากผลโดยและทางอ้อม?
รัฐบาลพร่ำอ้างถึงศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง แต่ภาคปฏิบัติยังไม่ เป็นผลชัดเจน ดังนั้นชาวบ้านมีสิทธิคิดได้ว่าที่แท้ นั่นเป็นเพียงถ้อยคำหวานหวังผลเลิศเท่านั้น!
คุณท่านใช้มาตรา 44 กำจัดปัญหาหลายประการ เพียงแค่เลิกใช้เคมีเกษตรทำไมยากเย็น หรือมีใครในกลุ่มคนรัฐบาลได้ประโยชน์จากการไม่สั่งห้าม เช่นนั้นหรือ
ขอคุณท่านยกเลิกการใช้เคมีเกษตรทั่วประเทศให้เป็นของขวัญปีใหม่ได้มั้ย
ถามง่าย ตอบยาก! แต่ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ในยุคของท่าน มีอำนาจพิเศษด้วย ใครจะทำ?! ชาวนา เกษตรกร ข้าราชการเป็นเหยื่อของเงินและพลังอิทธิพลของพ่อค้าเสมอ
ท่านเองก็รู้ว่าจะไว้ใจนักการเมืองไม่ได้ ท่านจึงต้องจำทนอยู่เป็นนายกฯ ต่อไปอีก ใช่หรือไม่?!
