อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เมื่อวันก่อนผมมีโอกาสที่ดีได้สัมภาษณ์เชิงลึกน้องๆ แกนนำเยาวชนโครงการ To be number one ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จากโรงเรียนดังในจังหวัดนนทบุรีสามโรงเรียน และน้องๆ เหล่านี้ได้เล่าให้ผมฟังถึงสถานการณ์ยาเสพติด การมีเพื่อนหรือคนรอบตัววัยเดียวกัน (ทั้งระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย) ใช้ยาโปร หรือยาเม็ดเขียวเหลืองกันมากมาย น้องๆ เหล่านี้ได้ไปชักชวนให้เพื่อนที่ใช้ “ยาโปร” เลิกใช้ และหลายคนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการโน้มน้าวให้เพื่อนที่ติดยาโปรเลิกใช้ยาดังกล่าวได้สำเร็จซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่ผมฟังแล้วน่ากลัวกว่าคือวิธีการใช้หรือการผสมยาโปรที่เด็กๆ ที่ใช้ทำกัน และทำให้ผมต้องคิดหลายรอบมากว่าควรจะเขียนบทความนี้หรือไม่ เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกและมีเยาวชนทำตาม แต่คิดว่าการเขียนบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับสังคมมากกว่า โดยเฉพาะจะช่วยให้สังคมได้ระวังและผู้ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงได้ตระหนักและช่วยกันหาทางแก้ไข
ยาโปรหรือยาเม็ดเขียวเหลือง นั้นแท้จริงเป็นมีการนำมาใช้ผิดเป็นยาเสพติด ตัวยาตัวนี้ชื่อยา Tramadol และเป็นยาแก้ปวด มักบรรจุในแคปซูลสีเขียวเหลืองจึงทำให้เรียกว่า ยาเม็ดเขียวเหลือง การนำมาใช้ผิดดังกล่าวและการแพร่ระบาดนั้นรุนแรงมากดังที่ Facebook Page Drama-addict ได้แชร์ว่า
อันนี้ที่คนแชร์กันเป็นหมื่นแล้ว มีคนถามว่า จริงเหรอ ไอ้ยาตัวนี้เสพแล้วเป็นขนาดนี้เลยเหรอ คำตอบคือ "จริง" ครับ จริงๆแล้วมันเป็นยาแก้ปวดที่ดีมากๆ เลยนะ ใช้ในคนไข้ได้สารพัดมาก ถ้าใช้ตามที่แพทย์แนะนำส่วนมากก็โอเค ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ในกลุ่มที่เอาไปผสมเป็นยาเสพติด แล้วเสพวันนึงมากๆ แบบที่เด็กไทยทุกวันนี้เสพกันงอมแงม ตั้งแต่ ม ต้น (หลังๆมีประถมด้วย) มันจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่น่ากลัวตามมา นั่นคือ serotonin syndrome รายละเอียดตามที่ปรากฏในภาพข้างล่าง แล้วที่น่ากลัวคือไรรู้มั้ยครับ อนาคตเยาวชนของชาติจะเป็นแบบนี้กันหมด ลองนึกภาพตามนะครับ ลูกหลานเราที่ควรจะเป็นอนาคตของชาติ ควรจะเป็นกำลังช่วยกันพัฒนาประเทศชาติในรุ่นต่อๆไป นอนบนเตียงในสภาพแบบนี้เป็นหมื่นเป็นแสนคน หากเรายังไม่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดชนิดนี้ที่ระบาดในหมู่เด็กและเยาวชนได้ |
แต่ที่ทำให้น่ากังวลมากกว่าคือพฤติกรรมการใช้ยา Tramadol ของเยาวชน ที่ไม่ได้ซื้อมาเสพ แต่ประดิษฐ์คิดค้นโดยการผสมสูตรยาโปรด้วยตัวเอง แข่งกันคิดค้นการผสมยาหลายๆ ตัว หรือสารเคมีรอบตัวในชีวิตประจำวันที่มีอันตรายกับเครื่องดื่มต่างๆ เช่น ชาเขียว หรือ น้ำอัดลม ส่วนทางภาคใต้นิยมต้มกับใบกระท่อม
น้องๆ To be number one เล่าให้ฟังว่ายาโปรนี้แพร่หลายทั่วทั้งประเทศไทยในกลุ่มเด็กนักเรียน โดยเอามาผสมกันเอง คิดค้นสูตรให้เมาและเคลิ้มสุขมากที่สุด ยาที่เอามาผสมเครื่องดื่มหรือต้มกับน้ำชาใบกระท่อมจะทำปฏิกิริยากันให้เมาเคลิ้ม และใส่กระติกน้ำแข็งมีหลอดดูดวนแจกกันกินในหมู่เพื่อนฝูง กล่าวได้ว่านักเรียนได้ทดลองประดิษฐ์คิดค้นสูตรยาเสพติดที่ทำให้เมาเคลิ้มได้มากสุด โดยบางครั้งเป็นการแสวงเครื่องตามแต่จะหาได้ และทำให้ยาเกิดปฏิกิริยา (Drug interaction) กันเสริมฤทธิ์กันให้เมามากๆ ซึ่ง Drug interaction นี้อาจจะทำให้ถึงตายได้
ผมได้โทรปรึกษา อาจารย์โรงเรียนแพทย์ทางด้านประสาทอายุรศาสตร์ อาจารย์ได้บอกว่าเรื่องนี้มีมานานแต่เพิ่งมาแพร่หลายระบาดหนักมากตอนนี้ และการแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เพราะยารักษาโรคที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ แทบทั้งหมด เอามาผสมหรือกินให้ high หรือเมาเคลิ้มได้แทบทั้งนั้น และการที่จะห้ามขาย และนำไปขึ้นทะเบียนเป็นยาควบคุมว่าต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์ก็อาจจะส่งผลเสียต่อสังคมในด้านอื่น ยกตัวอย่างเช่น Pseudoephedrine นำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าได้ แต่จริงๆ แล้วเป็นยาแก้แพ้ ลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ขณะนี้ก็ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาควบคุมขายตามเคาน์เตอร์ร้านยา (Over the counter : OTC) ไม่ได้ ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น ข้อนี้ทำให้ประชาชนลำบาก เพราะหากไปโรงพยาบาลของรัฐก็รอสี่ห้าชั่วโมง ถ้าจะไปโรงพยาบาลเอกชนก็อาจจะเสียหลายพันบาท หากจะจดทะเบียนยาทุกตัวที่อาจจะนำไปใช้เป็นยาเสพติดได้ ทำให้ high ได้ เมาเคลิ้มได้ ก็คงแทบจะไม่มียาเหลือให้ประชาชนได้ซื้อหรือรักษาตัวเองได้เลย ทั้งนี้ Tramadol เองเป็นยาแก้ปวดที่ดีมาก ไม่กัดกระเพาะอาหาร มีผลกระทบต่อไตน้อย ใช้แพร่หลายในการบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อม
ขณะที่ผลร้ายแรงของยา Tramadol เมื่อนำมาใช้เป็นยาเสพติด จะส่งผลต่อสมอง ทำให้สมองเสียหายได้ถ้าใช้ไปนานๆ นอกจากนี้ยังอาจจะทำให้เกิดความคิดอยากจะฆ่าตัวตายได้เช่นกัน เพราะนำเอาสารสุขในสมองมาใช้จนหมดไป
กระนั้นก็ตามยา Tramadol เองก็เป็นยาควบคุมแล้ว แต่กลับหาซื้อได้ง่ายดาย ราคาไม่แพง สะท้อนให้เห็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยอย่างรุนแรง เมื่อสอบถามทำให้ทราบว่ามีแพทย์บางคนมีส่วนในกระบวนการและเภสัชกรหรือร้านขายยาเองก็มีส่วนช่วยขาย Tramadol ไปเป็นยาเสพติด การประกาศเป็นยาควบคุมจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่อย่างใด เพราะประเทศไทยมีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย
ทั้งนี้ การที่ยาโปรได้รับความนิยมแพร่หลายมากในหมู่วัยรุ่น สาเหตุที่ยาโปรเป็นยาเสพติดยอดนิยมน่าจะเป็นเพราะ
หนึ่ง มันหาได้ง่าย แสวงเครื่อง ได้ เอายาอะไรมาใส่ดัดแปลงได้ทั้งหมด
สอง ราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับการจะเสพยาบ้าต้องมีเงินมาก เพราะยาบ้าเม็ดหนึ่งซื้อได้ในราคาถูกก็สามร้อยกว่าบาทแล้ว เด็กนักเรียนไม่มีเงินพอจะซื้อได้ เลยทำให้ยาบ้าไม่มาระบาดในกลุ่มนักเรียน แต่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน
สาม ตรวจฉี่ไม่พบอะไร ไม่มี screening test ที่ดีพอ เพราะมีสูตรไม่แน่นอน
สี่ กฎหมายล้าสมัย ตามสถานการณ์ยาเสพติดไม่ทันเพียงพอ มียาเสพติดใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับก็จับกุมไม่ได้ เลยทำให้เป็นการเสพยาเสพติดที่ปลอดภัย ไม่ผิดกฎหมายแต่ประการใด
ห้า นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ประหนึ่งเป็นเภสัชกรหรือนักเคมีที่ต้องคิดสูตรยาโปรโดยผสมกับเครื่องอื่นและยา นอกจากนี้ยังมีการแข่งและแบ่งปันสูตรที่ทำให้เมาเคลิ้มมาก หลายคนอาจจะเถียงว่านี่ไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์แต่มันสอดคล้องกับธรรมชาติของวัยรุ่นที่ต้องการทดลองอะไรใหม่ๆ มากเป็นอย่างยิ่ง
การแก้ปัญหาน่าจะเป็นการให้ความรู้แก่เยาวชนให้ตระหนักถึงอันตรายของการใช้ยาโปรเป็นยาเสพติด เรื่องนี้กลายเป็นว่าน้องๆ To be number one กลับเริ่มต้นก่อนใครด้วยการสนทนาโน้มน้าวให้เพื่อนๆ ที่กำลังเสพยาโปร เห็นอันตรายของการเสพ แต่ผมยังไม่เห็นหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการอะไรชัดเจนนัก เภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข หรือแม้แต่ สสส ก็ยังไม่ได้ดำเนินการตามหลักของ Behavioral medicine ในเรื่องนี้ ที่ต้องแก้ไขที่ความเชื่อ แก้ไขที่พฤติกรรม ต้องหาคนที่เก่งๆ เข้าใจวิธีการสื่อสารกับวัยรุ่นมาช่วยกัน Create วิธีการและช่องทางในการสื่อสารกับวัยรุ่น ให้เห็นภัยร้ายแรง ขณะเดียวกันก็ต้องมีช่องทางอื่นๆ ที่ทำให้วัยรุ่นได้มีโอกาสสร้างสรรค์มากๆ ในทางที่ถูกต้อง มากกว่าที่จะมาเป็นนักประดิษฐ์คิดค้นสูตรยาเสพติด ยาโปร ที่จะทำให้เมาเคลิ้มได้มากกว่ากัน คงต้องหาทางออกให้วัยรุ่นได้สร้างสรรค์ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ ในทางที่ดีให้มากขึ้น
เรื่องนี้น่าจะเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องรีบช่วยกันแก้ไข แต่ต้องแก้ไขให้ตรงจุดครับผม