**เชื่อว่าเวลานี้สังคมส่วนใหญ่กำลังอยู่ในอารมณ์เบื่อหน่ายรำคาญกับท่าทีของรัฐที่จนบัดนี้ยังไม่เข้าไปจับกุม ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยอ้างว่าเกรงจะเกิดการปะทะรุนแรง เนื่องจากได้เห็นความเคลื่อนไหวของมวลชนที่มีทั้งพระและฆราวาสอยู่ภายในวัดตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการสนธิกำลังกันหลายฝ่าย ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นหน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าของคดี ฝ่ายทหาร รวมไปถึงฝ่ายอัยการ ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองทางสงฆ์ (บ้างเล็กน้อย) และยังแสดงให้เห็นอีกว่ามีการเตรียมอุปกรณ์เครื่องกลหนักสำหรับการทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อเปิดทางเข้าไป โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหมายค้นจากศาลในมือถึง 4 ใบ สามารถค้นต่อเนื่องได้ตั้งแต่วันที่ 13-16 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ขึงขังถึงขนาดมีการอ้างคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าให้จับกุมธัมมชโย มาให้ได้
สำทับด้วยการเคลื่อนไหวที่มีการประชุมร่วมกันหลายครั้งระหว่างตำรวจ ที่นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ สภอ.คลองหลวง มาหลายครั้ง ทั้งกลางวันกลางคืนมาหลายรอบ และอีกทางหนึ่งก็มีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับวัดพระธรรมกายและผู้ที่เกี่ยวข้องอีกรวมแล้วเกือบสองร้อยคดี มีการออกหมายจับ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ทำให้สังคมเชื่อว่าคราวนี้น่าจะ "เอาแน่" อย่างน้อยก็น่าจะดำเนินการภายในเส้นตายวันสุดท้าย คือวันที่ 16 ธันวาคม ตามหมายค้นที่มีอยู่
แต่อนิจจา ทุกอย่างแค่คิดไปเอง เพราะเมื่อผ่านพ้นวันที่ 16 ธันวาคมไปแล้วก็ไม่มีะไรเกิดขึ้น อย่ามากก็ได้เห็นผู้กำกับ สภอ.คลองหลวงปทุมธานี นำหมายไปปิดที่บริเวณปากทางเข้าวัดธรรมกาย แจังให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ส่งมอบตัวธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และนายอองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย มาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามที่แจ้งข้อหาไว้ ภายใน 7 วัน นั่นก็หมายความว่า "ต้องรอ"ไปอีก 7 วัน ถึงจะมีรายการเคลื่อนไหวจับกุมกันอีก ใช่หรือใม่
อย่างไรก็ดี นาทีนี้เชื่อว่าสังคมคงรู้สึกเซ็ง เบื่อหน่ายกับท่าทีรีรอ ไม่กล้าจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดตามกฎหมาย ทั้งที่มีหมายจับที่ออกโดยศาล ด้วยเหตุผลที่มักจะอ้างว่าเป็นเรื่อง "ละเอียดอ่อน" เกรงจะเกิดเหตุบานปลาย มีความรุนแรง เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการระดมมวลชน มีการตั้งเครื่องกีดขวางเข้ามาอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก
แน่นอนว่ากรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างที่มีการอ้างจริง แต่คำถามก็คือ ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจะปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม ต่อรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นการท้าทายกฎหมายโดยคนกลุ่มหนึ่งและแก๊งหนึ่ง ไม่ต่างจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่เหนืออำนาจรัฐ ไม่ต่างจากการเป็น "นครรัฐอิสระ" ไม่ยอมรับกฎหมายไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่กล้าดำเนินการตามกฎหมายกับคนกลุ่มนี้
**แม้ว่าในที่สุดแล้วคงจะมีการจับกุมคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นธัมมชโย หรือใครก็ตามในเครือข่ายของเขาในอนาคตข้างหน้า อาจจะเป็นอีก 10 ปีข้างหน้า หรืออีก 14 ปี 9 เดือนข้างหน้า ก่อนที่คดีหมดอายุความตามที่ทางอัยการได้แถลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้จับกุมตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความ 15 ปีก็ตาม เอาเป็นว่าเอาที่สบายใจแล้วกัน เพราะมันไม่มีความหมายแล้ว !!
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการสนธิกำลังกันหลายฝ่าย ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นหน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าของคดี ฝ่ายทหาร รวมไปถึงฝ่ายอัยการ ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองทางสงฆ์ (บ้างเล็กน้อย) และยังแสดงให้เห็นอีกว่ามีการเตรียมอุปกรณ์เครื่องกลหนักสำหรับการทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อเปิดทางเข้าไป โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหมายค้นจากศาลในมือถึง 4 ใบ สามารถค้นต่อเนื่องได้ตั้งแต่วันที่ 13-16 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ขึงขังถึงขนาดมีการอ้างคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าให้จับกุมธัมมชโย มาให้ได้
สำทับด้วยการเคลื่อนไหวที่มีการประชุมร่วมกันหลายครั้งระหว่างตำรวจ ที่นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ สภอ.คลองหลวง มาหลายครั้ง ทั้งกลางวันกลางคืนมาหลายรอบ และอีกทางหนึ่งก็มีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับวัดพระธรรมกายและผู้ที่เกี่ยวข้องอีกรวมแล้วเกือบสองร้อยคดี มีการออกหมายจับ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ทำให้สังคมเชื่อว่าคราวนี้น่าจะ "เอาแน่" อย่างน้อยก็น่าจะดำเนินการภายในเส้นตายวันสุดท้าย คือวันที่ 16 ธันวาคม ตามหมายค้นที่มีอยู่
แต่อนิจจา ทุกอย่างแค่คิดไปเอง เพราะเมื่อผ่านพ้นวันที่ 16 ธันวาคมไปแล้วก็ไม่มีะไรเกิดขึ้น อย่ามากก็ได้เห็นผู้กำกับ สภอ.คลองหลวงปทุมธานี นำหมายไปปิดที่บริเวณปากทางเข้าวัดธรรมกาย แจังให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ส่งมอบตัวธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และนายอองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย มาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามที่แจ้งข้อหาไว้ ภายใน 7 วัน นั่นก็หมายความว่า "ต้องรอ"ไปอีก 7 วัน ถึงจะมีรายการเคลื่อนไหวจับกุมกันอีก ใช่หรือใม่
อย่างไรก็ดี นาทีนี้เชื่อว่าสังคมคงรู้สึกเซ็ง เบื่อหน่ายกับท่าทีรีรอ ไม่กล้าจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดตามกฎหมาย ทั้งที่มีหมายจับที่ออกโดยศาล ด้วยเหตุผลที่มักจะอ้างว่าเป็นเรื่อง "ละเอียดอ่อน" เกรงจะเกิดเหตุบานปลาย มีความรุนแรง เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการระดมมวลชน มีการตั้งเครื่องกีดขวางเข้ามาอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก
แน่นอนว่ากรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างที่มีการอ้างจริง แต่คำถามก็คือ ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจะปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม ต่อรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นการท้าทายกฎหมายโดยคนกลุ่มหนึ่งและแก๊งหนึ่ง ไม่ต่างจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่เหนืออำนาจรัฐ ไม่ต่างจากการเป็น "นครรัฐอิสระ" ไม่ยอมรับกฎหมายไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่กล้าดำเนินการตามกฎหมายกับคนกลุ่มนี้
**แม้ว่าในที่สุดแล้วคงจะมีการจับกุมคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นธัมมชโย หรือใครก็ตามในเครือข่ายของเขาในอนาคตข้างหน้า อาจจะเป็นอีก 10 ปีข้างหน้า หรืออีก 14 ปี 9 เดือนข้างหน้า ก่อนที่คดีหมดอายุความตามที่ทางอัยการได้แถลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้จับกุมตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความ 15 ปีก็ตาม เอาเป็นว่าเอาที่สบายใจแล้วกัน เพราะมันไม่มีความหมายแล้ว !!
