ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ประเด็นท่านนายตำรวจใหญ่ ผบ.ชน. น.1 คุมพื้นที่เมืองหลวงได้เปิดเผยด้วยท่าทางซื่อๆ ว่าทุกวันนี้รับตำแหน่งที่ปรึกษา “ไทยเบฟ” บริษัทเอกชนผู้ผลิตน้ำเมารายใหญ่ เป็นมาตั้งแต่ปี 2558 ได้รับเงินเดือน 50,000 บาท ตามที่ได้รายงานบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช. นั้นถือว่าสุดยอด
เป็นเรื่องกระทบความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของชาวบ้านมาก!
แต่ยังมีประเด็นน่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมารับรองแข็งขันว่าท่าน น. 1 ไม่ผิด สามารถไปรับเงินเดือนตำแหน่งที่ปรึกษาบริษัทน้ำเมาได้ พ.ร.บ. ตำรวจ ไม่ห้าม
เท่ากับว่า ถ้าจะทำอะไรไม่มีกฎหมายเขียนห้ามไว้ ทำไปเถอะ! งั้นนิ?! ยิ่งกว่าเปิดถ้วยไฮโล แล้วเจอ 11 แต้มกินรอบวงซะอีก ชาวบ้านส่วนใหญ่งงเมื่อได้รู้ระเบียบชีวิตราชการตำรวจ
แต่มีเยอะ บางพวกแสยะยิ้มมุมปาก ทำนองว่าพวกข้ารู้นานแล้ว! อพิโธ่! คนอื่นเค้าก็รับค่าที่ปรึกษากันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครซื่อเหลือเชื่อ เอามาบอกชาวบ้านให้รู้เหมือนท่าน น. 1
เอาละซิ! เมื่อเป็นอย่างนี้ สังคม ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ตั้งคำถามว่า “แล้วประเด็นความเหมาะสม ไม่เหมาะสม ไม่มีเรอะ?!” อะไรทำได้ ทำไม่ได้ ต้องให้เขียนเป็นกฎหมายทุกเรื่องเรอะ
เมื่อไม่มีกฎหมายห้ามนายตำรวจก็ทำอะไรเยอะแยะ ที่ไม่เหมาะสม พ.ร.บ. ตำรวจมีข้อห้ามอะไรหรือไม่ ชาวบ้านทั่วไปคงไม่ได้อ่านด้วย ไม่นึกว่าเรื่องพรรค์นี้ต้องมาแยกแยะให้ละเอียด
ฝรั่งเค้าเรียกว่า “appearance of impropriety” หรือ “ดูแล้วไม่เหมาะ ไม่เข้าท่า” นั่นเอง
วิญญูชนคงนึกเอาว่านายตำรวจใหญ่น่าจะรู้ว่าอะไรควร หรือไม่ควร เพราะเป็นข้าราชการ ถ้ามาอีหรอบนี้ ชาวบ้านยิ่งทึกทัก เหมาเอาได้ว่า น่าจะมีหลายคน ข้าราชการตัวเป้งๆ ท่านบิ๊กๆ รับงานที่ปรึกษาบริษัทเอกชน มีจำแนกประเภทหรือไม่ก็ไม่รู้
เมื่อเป็นนิติบุคคล จดทะเบียนประกอบธุรกิจถูกต้อง ก็รับเป็นที่ปรึกษาได้ ถ้าเอามาตรฐาน น.1 เป็นตัววัด จะเป็นที่ปรึกษาหลายแห่งก็น่าจะได้ ถ้ามีศักยภาพ ค่าตัวแพง เครือข่ายกว้างขวาง
ถ้างั้น นายตำรวจสามารถเป็นที่ปรึกษาสถานอาบ อบ นวด สถานบันเทิงเช่นผับ บาร์ ไนท์คลับ สหกรณ์รถตู้ สหกรณ์แท็กซี่ บริษัทขนส่งสินค้า หรือถ้ามีกาสิโนถูกต้องตามกฎหมาย ก็ทำได้ด้วย
กิจการพวกนี้เป็นธุรกิจเอกชนนี่! ร้านทอง ร้านขายปืน โรงสี โรงงาน บริษัทรับจัดหางานสำหรับคนต่างด้าว รถขนดิน ขนทรายก่อสร้าง และธุรกิจ ห้างร้านอีกเยอะแยะ
ถ้าตำรวจหรือข้าราชการหน่วยอื่นๆ ประเภทคนมีสีรับตำแหน่งที่ปรึกษากิจการของเอกชนเพียงแค่กฎหมายไม่ห้าม คงไม่มีขอบเขตในการทำมาหารายได้สำหรับคนมีโอกาสเหนือผู้อื่น
ห้างร้านต่างๆ ก็จะทำอะไรตามใจ เพราะมีเส้น มีผู้ทรงอิทธิพล อำนาจราชการคุ้มครอง
เผด็จการทหารยุคก่อน นายพลคนดังรับเป็นประธานบริษัท กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ กอบโกยเต็มที่ จากนั้นอยู่ในสภาวะต้องห้ามเมื่อประชาธิปไตยเบ่งบาน เมื่อเหี่ยวหด ก็คืนสู่สภาพเดิม
ว่าแต่ท่าน น.1 เถอะ ท่านรับเงินเดือนตั้ง 5 หมื่นบาท ไปให้คำแนะนำช่วงไหนเมื่อเวลาราชการเริ่ม 8.30 น. ถึง 16.30 น. บริษัทเอกชนเริ่มงานเวลาเดียวกัน อาจเลิกช้ากว่าสักครึ่งชั่วโมง
หรือไปหลังจากเลิกงาน มีอาหารเลี้ยงดู ซดซุบหูฉลามแผ่น เปิบเป๋าฮื้อ ปรึกษากันไป คุยกันไป? มีเรื่องอะไรบ้างที่ท่านให้คำปรึกษาที่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ต้องการจะรู้
เป็นคำถามของชาวบ้านที่หาคำตอบได้ไม่ง่ายด้วย!
ถ้าท่านไม่ได้เป็น น.1 บริษัทไทยเบฟ จะต้องการคำปรึกษาหรือไม่? เมื่อพ้นจากตำแหน่ง น. 1 ไปนั่งเก้าอี้ใหญ่กว่า เงินเดือนที่ปรึกษาจะตามไปเข้ากระเป๋า และจำนวนเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อมั้ย
เอาเถอะ เมื่อโฆษกบอกว่าไม่ผิด ก็ต้องถามว่าจะเข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายอื่นๆ บ้าง หรือไม่ เช่นกฎหมาย ป.ป.ช. ด้านผลประโยชน์ทับซ้อน ข้อห้ามรับของกำนัลมูลค่าเกิน 3,000 บาท
อันนี้เป็นความเสี่ยง ใครรับเงินอะไรมา มากน้อยเท่าไหร่ เตรียมนิทานไว้เล่าก็แล้วกัน!
ยิ่งอ้างว่ากฎหมายตำรวจไม่ห้าม แล้วไม่มีกฎหมายอื่นๆ อีกแล้วหรือไง?
ด้วยเหตุนี้ วันก่อนท่าน น.1 จึงอ้อมแอ้มเรื่องนี้ พอกระแสข่าวดัง ก็เลี่ยง
ที่จะพูดเรื่องนี้อีก ดูท่าว่าจะเป็นปัญหาสาหัส
มีเสียงเรียกร้องดังขึ้นทุกวันให้ท่านเลือก ว่าจะเป็น น. 1 หรือเลิกเป็นที่ปรึกษาไทยเบฟ! ที่น่าห่วงคือ ป.ป.ช. อาจสนใจมาดูว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ถ้ามีคนจ้องเลื่อยขาเก้าอี้ด้วย ก็จะแย่กว่าเดิม ความขยันที่ผ่านมาอาจถูกกลบด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ของบาดใจคน
น. 1 คนนี้ท่านเป็นคนซื่อ ยังบอกอีกว่าต้องพกเงิน 3 ล้านบาททุกวันเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายสารพัด เช่นงบให้ลูกน้องทำงาน ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เงินสำรองจ่าย รับรองเจ้านาย เป็นต้น
ชาวบ้านตาลุก หลายคนเกิดมาทั้งชาติ หาเงินจนตายมากขนาดนี้ไม่ได้
ตำรวจด้วยกันตาเหลือก น. 1 ท่านร่ำรวย ครอบครัวมีเงินเกือบ 100 ล้านบาท!
ท่านเพียงไม่ได้บอกว่าเงินมาจากไหน 3 ล้านบาทใช้ได้กี่วัน เมื่อจำนวนพร่องหรือหมดแล้วใครเอามาเติมให้ ถ้ามาจากกระเป๋าตัวเอง ต้องเบิกมั้ย ต่อให้รวยแค่ไหนก็ต้องลำบาก
น.1 คนก่อนๆ ท่านไม่ทำแบบนี้มั้ง สไตล์ความใจป้ำ รักลูกน้อง ไม่เหมือนกัน
ว่าไปแล้ว เรื่องนี้จะมีผลกระทบ ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องหรือไม่ ให้คุณท่านผู้นำออกประกาศระเบียบให้ชัดเจนว่าเรื่องละเอียดอ่อน หมิ่นเหม่น่าหวาดเสียวเกี่ยวโยงผลประโยชน์แบบนี้เป็นกิจกรรมต้องห้าม หรือให้ข้าราชการตำรวจทำได้ เพื่อเสริมรายได้
ถ้าทำได้ ข้าราชการหน่วยอื่นๆ ต้องขอเอาอย่างบ้างแน่นอน นายพล ทหาร ตำรวจ อาจขอเป็นที่ปรึกษาพ่อค้าอาวุธ ส่งทีมไปคุมสถานบันเทิง และแหล่งเงินทองภาคเอกชนเพื่อเสริมรายได้
บ้านเมืองคงไม่มีอะไรเหลือ อะไรที่ว่าดี ระบบเศรษฐกิจ 4.0 คงไปไม่รอด!
ที่อาจเป็นไปได้ ผู้นำสำนักชิตังเมขาดำอาจอยากจ้าง นายพล แม่ทัพ เป็นที่ปรึกษา เอาเงินเดือนไปเลย เดือนละล้านบาท! แบบนี้ใครจะกล้าว่าอย่างไร โก้จะตายเป็นประธานที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดดัง มีสาวกซอมบี้ไร้จิตวิญญาณมากกว่า 4 ล้านคนทั่วโลก!
ถ้าคิดได้ อาจสายเหินไป มีคนเริ่มเชื่อแล้วว่าตัวชิตังเมเผ่นไปเมืองนอกนานแล้ว!