เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เมื่อวันอังคาร (20 ธ.ค.) ออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชนที่ตลาดคริสต์มาสในเบอร์ลิน คร่าชีวิต 12 ศพ ขณะที่ตำรวจเยอรมนีปล่อยตัวผู้ลี้ภัยชาวปากีสถานที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว หลังไม่พบหลักฐานความเกี่ยวข้องใดๆ
สำนักข่าวอามัก ที่เกี่ยวข้องกับพวกไอเอส ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านทางออนไลน์ว่า “ทหารของรัฐอิสลามปฏิบัติการในเบอร์ลิน ตอบสนองต่อคำร้องขอให้ลงมือโจมตีเล็งเป้าหมายพลเรือนของพวกประเทศพันธมิตรนานาชาติ”
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่ระบุตัวตนของมือโจมตีแต่อย่างใด
คำแถลงของพวกไอเอสมีออกมาในขณะที่ผู้ลี้ภัยชาวปากีสถานรายหนึ่งซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยขับรถพุ่งชนผู้คนในตลาดคริสต์มาส ได้รับการปล่อยตัวในวันอังคาร (20 ธ.ค.) เหตุเพราะปราศจากหลักฐาน ส่งผลให้คณะสืบสวนต้องไล่ล่ามือโจมตีตัวจริงกันต่อไป
“ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกควบคุมตัวในความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมีตลาดคริสต์มาสเบอร์ลินเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2016 ได้รับการปล่อยตัวในช่วงค่ำวันนี้ ตามคำสั่งของอัยการกลาง” สำนักงานอัยการระบุในถ้อยแถลง “จากผลตรวจทางนิติเวชศาสตร์ ไม่พบหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในห้องโดยสารของรถบรรทุกระหว่างเกิดอาชญากรรม”
สื่อมวลชนเยอรมนีรายงานว่า ชายชาวปากีสถานรายนี้ถูกจับกุมหลังจากผู้เห็นเหตุการณ์พบเห็นผู้ต้องสงสัยกระโดดลงจากห้องโดยสารของรถบรรทุกและติดตามบุคคลรายดังกล่าวเป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตร ก่อนแจ้งตำรวจเกี่ยวกับจุดที่อยู่ของเขา
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีข้อสงสัยมากขึ้นตลอดทั้งวันว่าผู้ต้องสงสัยที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวของตำรวจ แท้จริงแล้วเป็นคนก่อเหตุหรือไม่ กระพือความกังวลว่ามือสังหารตัวจริงอาจยังคงหลบหนีอยู่
ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปล่อยตัวผู้ต้องสงสัย โทมัส เดอ ไมซ์ซิเออร์ รัฐมนตรีมหาดไทยเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ZDF ว่า “นี่คือข้อเท็จจริงว่าทำไมเราถึงไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าคนร้ายยังคงลอยนวลอยู่”
เขาบอกว่าไม่สงสัยเลยที่เหตุการณ์ในเบอร์ลินเป็นการโจมตี แต่แรงจูงใจยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีมหาดไทยเยอรมนียอมรับไม่ทราบว่ามีชาวต่างชาติมากน้อยแค่ไหนที่เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตามไม่มีเด็กอยู่ในบัญชีผู้เสียชีวิต
รถบรรทุกเป็นของบริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งของโปแลนด์ และคนขับที่แท้จริงถูกพบว่าโดนยิงเป็นศพอยู่ภายในรถ ทั้งนี้จากข้อมูลของญาติเผยว่าคนขับชาวโปแลนด์ ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงของเยอรมนี ก่อนหน้านั้นหลายชั่วโมงและพูดคุยทางโทรศัพท์กับภรรยาตอนเวลาประมาณ 15.00 น.
กระนั้นพอเธอโทรศัพท์หาเขาอีกครั้งในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา กลับไม่มีคนรับสาย “ตอนเวลา 15.45 น. คุณสามารถเห็นความเคลื่อนไหวได้บนระบบจีพีเอส รถเคลื่อนไปข้างหน้าและถอยหลัง ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังหัดขับรถ” อาเรียล ซูรอสกี ผู้บริหารบริษัทและลูกพี่ลูกน้องของเขาเล่าให้ฟัง “ผมรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เข้าร่วมกับประชาชนผู้โศกเศร้าหลายร้อยคนในช่วงค่ำวันอังคาร (20 ธ.ค.) ประกอบพิธีรำลึกถึงเหยื่อ ณ โบสถ์แห่งหนึ่งใกล้จุดที่เกิดเหตุโจมตี ขณะที่โฆษกเผยว่าเธอได้พูดคุยกับผู้นำ 7 ชาติในยุโรป เช่นเดียวกับบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทั้งหมดเสนอมอบแรงสนับสนุนแก่เยอรมนี
เหตุการณ์ในวันจันทร์ (19 ธ.ค.) ย้อนให้นึกถึงเหตุคนร้ายขับรถบรรทุกไล่ขยี้ฝูงชนในวันชาติฝรั่งเศส ที่เมืองนีซ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนอกเหนือจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 48 คน ในนั้น 24 คนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในช่วงค่ำวันอังคาร (20)
ในขณะที่ฝุ่นควันของเหตุโจมตียังไม่จางหาย ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นอีกในเยอรมนี ด้วยเจ้าหน้าที่ต้องอพยพผู้คนออกจากสถานีรถไฟหลักของเมืองโคโลญสั้นๆ หลังได้รับโทรศัพท์ขู่ว่ามีระเบิด แต่ต่อมาพบว่าเป็นเพียงแค่คำขู่ลวง