"กรมธนารักษ์" เดินหน้าพัฒนาโครงการซีเนียร์คอมเพล็กซ์รวม 400,000 ยูนิตใน 4 จังหวัด เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย ประเดิม 2 โครงการแรกบนที่ราชพัสดุ จ. นครนายก และ จ.เชียงราย กำหนดสัญญาเช่าให้เซ้งยาว 30 ปี ส่วนค่าเช่าต่อเดือนถูกมากแค่ 1 บาท/ตารางวา บวกค่าธรรมเนียม 2 เท่าของค่าเช่า เผยเบื้องต้นมีผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนสนในเข้าร่วมลงทุนแล้ว
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าแผนการสร้างคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุจำนวน 400,000 ยูนิต ว่า ระยะแรกกรมธนารักษ์จะจัดหาที่ดินราชพัสดุใน 4 จังหวัดคือเชียงราย, เชียงใหม่, นครนายก, และชลบุรี เพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่พักอาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ เช่น การให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ผู้สูงอายุที่พักอาศัยภายในโครงการฯ
สำหรับเงื่อนไขการเช่าคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ นั้น รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า จะเป็นการให้เช่าระยะยาว 30 ปี โดยผู้เช่าต้องมีการจ่ายค่าเซ้งจำนวนหนึ่ง ส่วนค่าเช่ารายเดือนนั้นจะอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก คือ ตารางวาละ 1 บาท บวกค่าธรรมเนียมการเช่าในอัตรา 2 เท่าของค่าเช่า ทั้งนี้ อัตราค่าเช่าดังกล่าวจะยกเว้นแปลงที่ดิน ในเขตเมืองและมีทำลที่ตั้งที่ดี เช่น แปลงที่ราชพัสดุ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ติดริมแม่น้ำปิง ซึ่งกรมธนารักษ์จะคิดค่าเช่าในอัตรที่เหมาะสมกับทำเลที่ตั้ง
ส่วนการเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนเข้าพัฒนาโครงการฯ นายวโรทัย กล่าวว่า กรมธนารักษ์จะเริ่มต้นดำเนินการ ที่จังหวัดนครนายกและจังหวัดเชียงรายก่อน เนื่องจากในขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลบางปะกอก ได้ให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมการพัฒนาโครงการคอมเพล็กซ์ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ขณะที่แหล่งเงินลงทุนแบบผ่อนปรนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ นั้น จะมาจากธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) ในวงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาทในกรณีปล่อยกู้โครงการแบบ Pre-finance และวงเงิน 3,000 ล้านบาทสำหรับกรณีปล่อยกู้โครงการแบบ Post-finance
"การสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุถือเป็นหนึ่งในมาตรการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมากถึง 10 ล้านคน แม้ในอนาคตกระทรวงการคลังจะมีจำนวนโครงการที่พักอาศัยเพื่อรองรับผู้สูงอายุมากกว่า 400,000 ยูนิต แต่ก็ยังมีไม่เพียงพอต่อการรองรับจำนวนผู้สูงอายุที่จะมีในอนาคตได้ทั้งหมด" รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว
นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลังยังมีมาตรการสินเชื่อผู้ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป (Reverse Mortgage) และมาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นายจ้างสามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รวมทั้งยังมีมาตรการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ที่กำหนดให้ลูกจ้างและนายจ้างส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างให้มีเงินออมเก็บไว้ใช้เมื่อถึงวัยเกษียณด้วย
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.59 มีมติให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) ในพื้นที่ราชพัสดุ โดยกำหนดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมในอัตราเดียวกันกับโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยคิดอัตราค่าเช่าเดือนละ 1 บาทต่อตารางวา และมีค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าเท่ากับ 2 เท่าของค่าเช่า 1 ปี ยกเว้นพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีศักยภาพเชิงพาณิชย์สูง ให้กำหนดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ผู้เช่าจะได้รับสิทธิในการเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยทางราชการอาจต่ออายุสัญญาเช่าออกไปอีกเป็นระยะเวลา 30 ปี
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าแผนการสร้างคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุจำนวน 400,000 ยูนิต ว่า ระยะแรกกรมธนารักษ์จะจัดหาที่ดินราชพัสดุใน 4 จังหวัดคือเชียงราย, เชียงใหม่, นครนายก, และชลบุรี เพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่พักอาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ เช่น การให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ผู้สูงอายุที่พักอาศัยภายในโครงการฯ
สำหรับเงื่อนไขการเช่าคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ นั้น รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า จะเป็นการให้เช่าระยะยาว 30 ปี โดยผู้เช่าต้องมีการจ่ายค่าเซ้งจำนวนหนึ่ง ส่วนค่าเช่ารายเดือนนั้นจะอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก คือ ตารางวาละ 1 บาท บวกค่าธรรมเนียมการเช่าในอัตรา 2 เท่าของค่าเช่า ทั้งนี้ อัตราค่าเช่าดังกล่าวจะยกเว้นแปลงที่ดิน ในเขตเมืองและมีทำลที่ตั้งที่ดี เช่น แปลงที่ราชพัสดุ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ติดริมแม่น้ำปิง ซึ่งกรมธนารักษ์จะคิดค่าเช่าในอัตรที่เหมาะสมกับทำเลที่ตั้ง
ส่วนการเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนเข้าพัฒนาโครงการฯ นายวโรทัย กล่าวว่า กรมธนารักษ์จะเริ่มต้นดำเนินการ ที่จังหวัดนครนายกและจังหวัดเชียงรายก่อน เนื่องจากในขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลบางปะกอก ได้ให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมการพัฒนาโครงการคอมเพล็กซ์ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ขณะที่แหล่งเงินลงทุนแบบผ่อนปรนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ นั้น จะมาจากธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) ในวงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาทในกรณีปล่อยกู้โครงการแบบ Pre-finance และวงเงิน 3,000 ล้านบาทสำหรับกรณีปล่อยกู้โครงการแบบ Post-finance
"การสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุถือเป็นหนึ่งในมาตรการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมากถึง 10 ล้านคน แม้ในอนาคตกระทรวงการคลังจะมีจำนวนโครงการที่พักอาศัยเพื่อรองรับผู้สูงอายุมากกว่า 400,000 ยูนิต แต่ก็ยังมีไม่เพียงพอต่อการรองรับจำนวนผู้สูงอายุที่จะมีในอนาคตได้ทั้งหมด" รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว
นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลังยังมีมาตรการสินเชื่อผู้ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป (Reverse Mortgage) และมาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นายจ้างสามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รวมทั้งยังมีมาตรการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ที่กำหนดให้ลูกจ้างและนายจ้างส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างให้มีเงินออมเก็บไว้ใช้เมื่อถึงวัยเกษียณด้วย
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.59 มีมติให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) ในพื้นที่ราชพัสดุ โดยกำหนดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมในอัตราเดียวกันกับโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยคิดอัตราค่าเช่าเดือนละ 1 บาทต่อตารางวา และมีค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าเท่ากับ 2 เท่าของค่าเช่า 1 ปี ยกเว้นพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีศักยภาพเชิงพาณิชย์สูง ให้กำหนดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ผู้เช่าจะได้รับสิทธิในการเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยทางราชการอาจต่ออายุสัญญาเช่าออกไปอีกเป็นระยะเวลา 30 ปี
