ผลพวงการมาเยี่ยมเยือน “กรมปทุมวัน”แบบไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า ของ"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่แจ้งก่อนเดินทางเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง เพื่อติดตามการปฏิรูปตำรวจ กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกตีความว่า มีนัยยะ มีสัญญาณอะไร นอกเหนือจากการตระเวนดูงานตามกระทรวง ทบวง กรม เฉกเช่นที่ไปหน่วยงานต่างๆ หรือไม่ ?
นับตั้งแต่“บิ๊กตู่”เข้ามาบริหารประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 ปีกว่าๆ ไม่เคยเดินทางเข้ามาภายในรั้ว“กรมปทุมวัน” งานส่วนใหญ่ทั้งนโยบายต่างๆ หรือการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่น้อย ล้วนมอบหมายให้พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ดำเนินการแทนแทบทั้งสิ้น
พอจู่ๆ“นายกฯประยุทธ์”เข้ามาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะในช่วงที่“กรมปทุมวัน”เต็มไปด้วยข่าวลือต่างๆ นานา ทั้งข่าวลือเก้าอี้ ผบ.ตร. ของ"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เริ่มสั่นคลอน ข่าวลือ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร อาจจะไม่ได้คุมงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข่าวลือบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “นายพล”ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) -ผู้บังคับการ(ผบก.) วาระประจำปี 2559 ที่ผ่านพ้นมติคณะ กรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ไปแล้ว จำนวน 321 ตำแหน่ง อาจจะมีการ “แก้โผ”ปรับเปลี่ยนรายชื่อใหม่ รวมไปถึงข่าวลือการแต่งตั้งตำรวจระดับ“นายพัน” ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.)- สารวัตร(สว.) วาระประจำปี 2559 จะลากยาวไปถึงปีหน้า
ทุกย่างก้าวของ"บิ๊กตู่" จึงถูกจับตา ถูกตีความ ถูกคาดเดากันว่า “กรมปทุมวัน”อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง อาจเกิดการผลัดเปลี่ยน“ขั้วอำนาจ”ที่กุมบังเหียนมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อ“ตำรวจ” โดยเฉพาะ “นักวิ่ง”ต้องเปลี่ยนลู่ เปลี่ยนเลน ในการเข้าหาผู้สนับสนุนในการดำรวจตำแหน่งต่างๆ ในการแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ถ้าถอดทุกคำพูด ทุกท่าทีของ"พล.อ.ประยุทธ์" ในวันที่เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ และดูความเคลื่อนไหวของเหล่าตำรวจที่อยู่ในข่ายโดนข่าวลือ เหมือนจะได้คำตอบอยู่ในตัวเองแล้วว่า “ข่าวลือ” แค่"ข่าวลวง" หรือ"ข่าวลือ"คือ"ข่าวจริง" แค่ไหน อย่างไร
เพราะก้าวแรกที่ “บิ๊กตู่”เข้าถ้ำเสือ ตามคำหยอกเย้าเปรียบเปรยจากอดีตแม่ทัพทหารใหญ่มาเยือนทัพสีกากี บอกถึงความพอใจงานของตำรวจ พอใจผลงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นก็เหมือนเป็นเครื่องการันตีว่า “นายกรัฐมนตรี”พอใจ"บิ๊กแป๊ะ" ในฐานะผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วเมื่อ “ผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาล”พอใจผลการทำงาน แล้วจะหาเหตุผลใดในการปลด ในการเด้ง ในการย้าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ้นจากเก้าอี้ “ผบ.ตร.”
เช่นเดียวกับข่าวลือการปรับเปลี่ยน พล.อ.ประวิตร ไม่ให้คุมงาน“ตำรวจ” ที่แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า เปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน เพราะต้องรอการปรับ “ครม.ประยุทธ์ 4”
แต่การควงคู่มาพร้อมกับ นายกฯประยุทธ์ มาเยือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งคำยืนยันจาก“บิ๊กตู่”ที่บอก “ที่ผ่านมาแม้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร ดูแล แต่ก็ไม่เคยทิ้ง ทุกอย่างก็หารือร่วมกัน ทุกอย่างผมอนุมัติทั้งสิ้น” ก็ย้ำสัมพันธ์"น้อง-พี่" อันแน่นแฟ้น
ส่วนข่าวลือการ “แก้โผ”นายพลสีกากี ที่ผ่านมติก.ตร.ไปแล้ว 321 ตำแหน่ง โดยเฉพาะว่ากันว่า จะปรับเปลี่ยนระดับ“ผู้บังคับการ”หรือ “ผบก.” เก้าอี้ที่มีการพูดถึงกันกระหึ่มวงการ คือ อาจสลับตำแหน่งระหว่าง พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รักษาการ ผบก.ป. กับ พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. คำถามก็คือ จะสลับกันทำไม ในเมื่อ ผู้การฯทิน กับผู้การฯเกา ล้วนเป็นในเด็กในคาถา “บิ๊กหมู” พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. ด้วยกันทั้งคู่ และในการแต่งตั้งที่ผ่านมา “บิ๊กหมู”ก็เลือกมาใช้งานด้วยตัวเอง เหตุใดจะต้องเปลี่ยนตัว
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รักษาการ ผบก. สปพ.(191) อาจจะโดนปรับเปลี่ยนไม่ได้นั่งเก้าอี้ ผู้การฯ 191 ลือกันว่ามาจากเหตุ “ผู้ใหญ่”ไม่พอใจ ซึ่งหากผู้ใหญ่ไม่พอใจจริงๆ บทบาท“ผู้การฯโจ๊ก” ก็น่าจะลดลง น่าจะนิ่งเงียบ เก็บเนื้อเก็บตัว แต่ตอนนี้ "ผู้การฯโจ๊ก" กลับมีงานออกทุกวัน มีข่าวไปจับคดีโน้น คดีนี้ หรือไปอำนวยความสะดวกที่นั่น ที่นี่
จะมีเพียงข่าวลือเรื่องการแต่งตั้ง “นายพัน”สีกากี ที่ดูมีแนวโน้มอาจชัดเจนที่สุด เพราะจนถึงตอนนี้เหลืออีกเพียงไม่ถึง 20 วัน จะสิ้นเดือนธ.ค.59 การแต่งตั้งตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว. วาระประจำปี 2559 ไม่น่าจะดำเนินการได้ทัน เพราะการแต่งตั้งระดับ “นายพัน”ต้องรอกระบวนการแต่งตั้ง“นายพล”เสร็จสิ้นเรียบร้อย ถึงจะดำเนินการต่อไปได้
ดังนั้นหากว่ากันตามจังหวะ ตามท่าที และตามแนวโน้มต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ดูเหมือนข่าวลือ ข่าวเมาต์ อาจจะเป็นเพียงข่าวลวง ข่าวหลอก ข่าวปั่นกระแส ในยามที่ “กรมปทุมวัน”ยังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มีใครออกมายืนยัน เรื่องต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร
แต่ก็ใช่ว่า “ข่าวลือ”จะเป็นเพียงแค่ “ข่าวลวง”เท่านั้น ในยุทธจักรสีกากี ก็เหมือนที่รู้ๆ กันอยู่ ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามีเหตุผลพิเศษ มีสัญญาณพิเศษ ส่งลงมา ที่ว่าแน่ๆก็หงายหลังตึงมาแล้ว
นับตั้งแต่“บิ๊กตู่”เข้ามาบริหารประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 ปีกว่าๆ ไม่เคยเดินทางเข้ามาภายในรั้ว“กรมปทุมวัน” งานส่วนใหญ่ทั้งนโยบายต่างๆ หรือการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่น้อย ล้วนมอบหมายให้พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ดำเนินการแทนแทบทั้งสิ้น
พอจู่ๆ“นายกฯประยุทธ์”เข้ามาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะในช่วงที่“กรมปทุมวัน”เต็มไปด้วยข่าวลือต่างๆ นานา ทั้งข่าวลือเก้าอี้ ผบ.ตร. ของ"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เริ่มสั่นคลอน ข่าวลือ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร อาจจะไม่ได้คุมงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข่าวลือบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “นายพล”ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) -ผู้บังคับการ(ผบก.) วาระประจำปี 2559 ที่ผ่านพ้นมติคณะ กรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ไปแล้ว จำนวน 321 ตำแหน่ง อาจจะมีการ “แก้โผ”ปรับเปลี่ยนรายชื่อใหม่ รวมไปถึงข่าวลือการแต่งตั้งตำรวจระดับ“นายพัน” ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.)- สารวัตร(สว.) วาระประจำปี 2559 จะลากยาวไปถึงปีหน้า
ทุกย่างก้าวของ"บิ๊กตู่" จึงถูกจับตา ถูกตีความ ถูกคาดเดากันว่า “กรมปทุมวัน”อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง อาจเกิดการผลัดเปลี่ยน“ขั้วอำนาจ”ที่กุมบังเหียนมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อ“ตำรวจ” โดยเฉพาะ “นักวิ่ง”ต้องเปลี่ยนลู่ เปลี่ยนเลน ในการเข้าหาผู้สนับสนุนในการดำรวจตำแหน่งต่างๆ ในการแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ถ้าถอดทุกคำพูด ทุกท่าทีของ"พล.อ.ประยุทธ์" ในวันที่เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ และดูความเคลื่อนไหวของเหล่าตำรวจที่อยู่ในข่ายโดนข่าวลือ เหมือนจะได้คำตอบอยู่ในตัวเองแล้วว่า “ข่าวลือ” แค่"ข่าวลวง" หรือ"ข่าวลือ"คือ"ข่าวจริง" แค่ไหน อย่างไร
เพราะก้าวแรกที่ “บิ๊กตู่”เข้าถ้ำเสือ ตามคำหยอกเย้าเปรียบเปรยจากอดีตแม่ทัพทหารใหญ่มาเยือนทัพสีกากี บอกถึงความพอใจงานของตำรวจ พอใจผลงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นก็เหมือนเป็นเครื่องการันตีว่า “นายกรัฐมนตรี”พอใจ"บิ๊กแป๊ะ" ในฐานะผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วเมื่อ “ผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาล”พอใจผลการทำงาน แล้วจะหาเหตุผลใดในการปลด ในการเด้ง ในการย้าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ้นจากเก้าอี้ “ผบ.ตร.”
เช่นเดียวกับข่าวลือการปรับเปลี่ยน พล.อ.ประวิตร ไม่ให้คุมงาน“ตำรวจ” ที่แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า เปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน เพราะต้องรอการปรับ “ครม.ประยุทธ์ 4”
แต่การควงคู่มาพร้อมกับ นายกฯประยุทธ์ มาเยือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งคำยืนยันจาก“บิ๊กตู่”ที่บอก “ที่ผ่านมาแม้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร ดูแล แต่ก็ไม่เคยทิ้ง ทุกอย่างก็หารือร่วมกัน ทุกอย่างผมอนุมัติทั้งสิ้น” ก็ย้ำสัมพันธ์"น้อง-พี่" อันแน่นแฟ้น
ส่วนข่าวลือการ “แก้โผ”นายพลสีกากี ที่ผ่านมติก.ตร.ไปแล้ว 321 ตำแหน่ง โดยเฉพาะว่ากันว่า จะปรับเปลี่ยนระดับ“ผู้บังคับการ”หรือ “ผบก.” เก้าอี้ที่มีการพูดถึงกันกระหึ่มวงการ คือ อาจสลับตำแหน่งระหว่าง พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รักษาการ ผบก.ป. กับ พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. คำถามก็คือ จะสลับกันทำไม ในเมื่อ ผู้การฯทิน กับผู้การฯเกา ล้วนเป็นในเด็กในคาถา “บิ๊กหมู” พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. ด้วยกันทั้งคู่ และในการแต่งตั้งที่ผ่านมา “บิ๊กหมู”ก็เลือกมาใช้งานด้วยตัวเอง เหตุใดจะต้องเปลี่ยนตัว
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รักษาการ ผบก. สปพ.(191) อาจจะโดนปรับเปลี่ยนไม่ได้นั่งเก้าอี้ ผู้การฯ 191 ลือกันว่ามาจากเหตุ “ผู้ใหญ่”ไม่พอใจ ซึ่งหากผู้ใหญ่ไม่พอใจจริงๆ บทบาท“ผู้การฯโจ๊ก” ก็น่าจะลดลง น่าจะนิ่งเงียบ เก็บเนื้อเก็บตัว แต่ตอนนี้ "ผู้การฯโจ๊ก" กลับมีงานออกทุกวัน มีข่าวไปจับคดีโน้น คดีนี้ หรือไปอำนวยความสะดวกที่นั่น ที่นี่
จะมีเพียงข่าวลือเรื่องการแต่งตั้ง “นายพัน”สีกากี ที่ดูมีแนวโน้มอาจชัดเจนที่สุด เพราะจนถึงตอนนี้เหลืออีกเพียงไม่ถึง 20 วัน จะสิ้นเดือนธ.ค.59 การแต่งตั้งตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว. วาระประจำปี 2559 ไม่น่าจะดำเนินการได้ทัน เพราะการแต่งตั้งระดับ “นายพัน”ต้องรอกระบวนการแต่งตั้ง“นายพล”เสร็จสิ้นเรียบร้อย ถึงจะดำเนินการต่อไปได้
ดังนั้นหากว่ากันตามจังหวะ ตามท่าที และตามแนวโน้มต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ดูเหมือนข่าวลือ ข่าวเมาต์ อาจจะเป็นเพียงข่าวลวง ข่าวหลอก ข่าวปั่นกระแส ในยามที่ “กรมปทุมวัน”ยังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มีใครออกมายืนยัน เรื่องต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร
แต่ก็ใช่ว่า “ข่าวลือ”จะเป็นเพียงแค่ “ข่าวลวง”เท่านั้น ในยุทธจักรสีกากี ก็เหมือนที่รู้ๆ กันอยู่ ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามีเหตุผลพิเศษ มีสัญญาณพิเศษ ส่งลงมา ที่ว่าแน่ๆก็หงายหลังตึงมาแล้ว
