ผู้จัดการรายวัน360-"น็อตกราบรถ"ยกมือขอโทษ แถลงเสี่ยงสั่น ไม่เอาผิด "บอย" ชนมินิคูเปอร์แล้วทุกกรณี เผยขอรับผิดไว้ทั้งหมด ไม่เกี่ยวกระแสสังคม พร้อมขอให้ทุกคนอโหสิกรรม บอกรู้สึกแย่มาก ขอโอกาสปรับปรุงตัว ย้ำจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายคู่กรณีเต็มที่ ด้านตำรวจยันคดียอมความไม่ได้ เหตุเป็นอาญาแผ่นดิน ส่วนบอยโพสต์เฟซ " ปัญหาทุกอย่าง มีไว้แก้ สู้ๆ"
“น็อต กราบรถ” แถลงยันไม่ได้แจ้งความคู่กรณีตั้งแต่แรก แค่มาให้ปากคำตร. ยกมือขอโทษตอบเสียงสั่นเครือ ไม่เอาผิดอีกฝ่ายทุกกรณี ขอให้ทุกคนอโหสิกรรมให้ผมด้วย โอดขอรับความผิดไว้ทั้งหมด บอกรู้สึกแย่มาก ขอโอกาสปรับปรุงตัว ยันสำนึกผิดเองไม่เกี่ยวกระแสสังคม และจะขอรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลคู่กรณีเต็มที่ ยอมรับอัดคลิปเสียงแม่คู่กรณีเพราะกลัว หวั่นอีกฝ่ายผิดสัญญา เตรียมไปปฏิบัติธรรม
จากกรณีที่ “น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล” เจ้าของวาทะเด็ด “กราบรถกู” ถูกแชร์คลิปใช้อารมณ์ต่อยนายกิตติศักดิ์ สิงโต หรือบอย คนขี่จักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์สีเหลืองจนจมูกหักในโลกออนไลน์และได้กลายเป็นประเด็นสังคม ถูกบทลงโทษจากต้นสังกัดแกรมมี่ยกเลิกสัญญา และปลดจากทุกรายการ รวมทั้งงานที่ทำกับทางช่องไทยพีบีเอสก็ถูกระงับด้วย เพราะถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวานนี้ (14 พ.ย.) น็อตได้นัดสื่อมวลชนมาแถลงที่ สน.ยาวนาวา โดยไร้เงาทนายความส่วนตัว เพื่อให้ปากคำตำรวจเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าตนไม่ได้แจ้งความคู่กรณีตั้งแต่แรก อีกทั้งยังประกาศไม่เอาผิดอีกฝ่ายทุกกรณี โดยระหว่างสัมภาษณ์ เจ้าตัวก้มหน้ายอมรับผิด เสียงสั่นเครือ และยกมือไหว้ขอโทษตลอดเวลา
“ผมมาให้ปากคำเพิ่มเติม ยืนยันว่าผมไม่เอาผิดอะไรน้องบอย (คู่กรณี) นะครับ ผมไม่เอาอะไรแล้วครับ จริงๆ ผมไม่ได้แจ้งความอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ ไม่ได้แจ้งความครับ ผมก็รู้สึกผิดมากๆ ครับ ตอนนี้มันแย่จริงๆ ครับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็เลยอยากจะมาให้ปากคำเพิ่มเติม ยืนยันครับว่าผมไม่เอาเรื่อง ไม่อะไรกับน้องบอยแล้วครับ คือ จริงๆ ก็ไม่ได้แจ้งความครับ แค่มาให้ปากคำเพิ่มเติม เป็นการมายืนยันกับตำรวจจะไม่เอาผิดทุกกรณี ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บันทึกไว้ แต่ในเรื่องของการดำเนินคดีผมก็ไม่ทราบจริงๆ ครับ”
นอกจากนี้ น็อตยังฝากขอโทษถึงน้อยบอย ครอบครัวน้องบอย และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับน้องบอย รวมถึงสื่อมวลชน ครอบครัว ผู้ใหญ่ทั้งแกรมมี่ ไทยพีบีเอส ผู้ใหญ่ทุกๆ คน โรงเรียนอัสสัมชัญ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาจุฬา ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย และขออโหสิกรรมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น โดยรู้สึกผิดมาก ผมแย่มากแล้วครับ ผมขอปรับปรุงตัวนะครับ ผมขอปรับตัวใหม่ให้ดีขึ้น และถ้ามีโอกาส จะเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่ทุกๆ คนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ต้องมารับผลกระทบ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย น็อตยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะรับผิดชอบน้องบอย ค่ารักษาพยายามน้องบอยอย่างเต็มที่เต็มกำลังเท่าที่จะทำได้ และที่ผ่านมา ได้พยายามติดต่อน้องบอย แม่น้องบอย ไปหาที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้เจอ ส่วนคลิปเสียงแม่น้องบอย ยอมรับว่าได้อัดเสียงไว้จริง เพราะกลัวว่าแม่เขาจะผิดสัญญาหรือเปล่า พร้อมกับกล่าวปฏิเสธที่ออกมาสำนึกผิด เพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว โดยระบุว่า กระแสสังคมไม่เกี่ยวครับ ผมรู้สึกผิดจากตัวผมเอง ผมรู้สึกผิดจากข้างในของผมเอง สิ่งที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด มันเกิดขึ้นจากตัวผมที่มีสติไม่เพียงพอ ผมเลยอยากจะมาขอโทษครับ ผมผิดคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใคร ส่วนหลังจากนี้ ผมอาจจะไปปฏิบัติธรรม
ด้านพ.ต.ท.อดิเรก พันธุ์ใย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ยานนาวา กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ในข้อหาขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และหลังเกิดเหตุหลบหนี ไม่หยุดช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะสอบปากคำนายอัครณัฐในฐานะพยานทางคดี โดยที่ผ่านมา ได้สอบปากคำนายกิตติศักดิ์ไปแล้ว เบื้องต้นนายกิตติศักดิ์ให้การปฏิเสธ โดยระบุว่าถูกรถแท็กซี่ชนก่อนที่รถจักรยานยนต์จะไปเฉี่ยวชนกับรถของนายอัครณัฐ ซึ่งล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการศาลแขวงพระนครใต้เพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายกิตติศักดิ์ ได้แพร่ภาพตนเองสวมสายเข้าที่จมูก ซึ่งกำลังรักษาจากอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย ผ่านเฟซบุ๊ก Boy Kittisak พร้อมระบุข้อความว่า "ปัญหาทุกอย่าง มีไว้แก้ สู้ๆ #คนป่วย" โดยมีชาวเฟซบุ๊กให้กำลังใจเจ้าตัวจำนวนมาก
“น็อต กราบรถ” แถลงยันไม่ได้แจ้งความคู่กรณีตั้งแต่แรก แค่มาให้ปากคำตร. ยกมือขอโทษตอบเสียงสั่นเครือ ไม่เอาผิดอีกฝ่ายทุกกรณี ขอให้ทุกคนอโหสิกรรมให้ผมด้วย โอดขอรับความผิดไว้ทั้งหมด บอกรู้สึกแย่มาก ขอโอกาสปรับปรุงตัว ยันสำนึกผิดเองไม่เกี่ยวกระแสสังคม และจะขอรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลคู่กรณีเต็มที่ ยอมรับอัดคลิปเสียงแม่คู่กรณีเพราะกลัว หวั่นอีกฝ่ายผิดสัญญา เตรียมไปปฏิบัติธรรม
จากกรณีที่ “น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล” เจ้าของวาทะเด็ด “กราบรถกู” ถูกแชร์คลิปใช้อารมณ์ต่อยนายกิตติศักดิ์ สิงโต หรือบอย คนขี่จักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์สีเหลืองจนจมูกหักในโลกออนไลน์และได้กลายเป็นประเด็นสังคม ถูกบทลงโทษจากต้นสังกัดแกรมมี่ยกเลิกสัญญา และปลดจากทุกรายการ รวมทั้งงานที่ทำกับทางช่องไทยพีบีเอสก็ถูกระงับด้วย เพราะถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวานนี้ (14 พ.ย.) น็อตได้นัดสื่อมวลชนมาแถลงที่ สน.ยาวนาวา โดยไร้เงาทนายความส่วนตัว เพื่อให้ปากคำตำรวจเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าตนไม่ได้แจ้งความคู่กรณีตั้งแต่แรก อีกทั้งยังประกาศไม่เอาผิดอีกฝ่ายทุกกรณี โดยระหว่างสัมภาษณ์ เจ้าตัวก้มหน้ายอมรับผิด เสียงสั่นเครือ และยกมือไหว้ขอโทษตลอดเวลา
“ผมมาให้ปากคำเพิ่มเติม ยืนยันว่าผมไม่เอาผิดอะไรน้องบอย (คู่กรณี) นะครับ ผมไม่เอาอะไรแล้วครับ จริงๆ ผมไม่ได้แจ้งความอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ ไม่ได้แจ้งความครับ ผมก็รู้สึกผิดมากๆ ครับ ตอนนี้มันแย่จริงๆ ครับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็เลยอยากจะมาให้ปากคำเพิ่มเติม ยืนยันครับว่าผมไม่เอาเรื่อง ไม่อะไรกับน้องบอยแล้วครับ คือ จริงๆ ก็ไม่ได้แจ้งความครับ แค่มาให้ปากคำเพิ่มเติม เป็นการมายืนยันกับตำรวจจะไม่เอาผิดทุกกรณี ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บันทึกไว้ แต่ในเรื่องของการดำเนินคดีผมก็ไม่ทราบจริงๆ ครับ”
นอกจากนี้ น็อตยังฝากขอโทษถึงน้อยบอย ครอบครัวน้องบอย และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับน้องบอย รวมถึงสื่อมวลชน ครอบครัว ผู้ใหญ่ทั้งแกรมมี่ ไทยพีบีเอส ผู้ใหญ่ทุกๆ คน โรงเรียนอัสสัมชัญ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาจุฬา ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย และขออโหสิกรรมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น โดยรู้สึกผิดมาก ผมแย่มากแล้วครับ ผมขอปรับปรุงตัวนะครับ ผมขอปรับตัวใหม่ให้ดีขึ้น และถ้ามีโอกาส จะเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่ทุกๆ คนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ต้องมารับผลกระทบ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย น็อตยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะรับผิดชอบน้องบอย ค่ารักษาพยายามน้องบอยอย่างเต็มที่เต็มกำลังเท่าที่จะทำได้ และที่ผ่านมา ได้พยายามติดต่อน้องบอย แม่น้องบอย ไปหาที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้เจอ ส่วนคลิปเสียงแม่น้องบอย ยอมรับว่าได้อัดเสียงไว้จริง เพราะกลัวว่าแม่เขาจะผิดสัญญาหรือเปล่า พร้อมกับกล่าวปฏิเสธที่ออกมาสำนึกผิด เพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว โดยระบุว่า กระแสสังคมไม่เกี่ยวครับ ผมรู้สึกผิดจากตัวผมเอง ผมรู้สึกผิดจากข้างในของผมเอง สิ่งที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด มันเกิดขึ้นจากตัวผมที่มีสติไม่เพียงพอ ผมเลยอยากจะมาขอโทษครับ ผมผิดคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใคร ส่วนหลังจากนี้ ผมอาจจะไปปฏิบัติธรรม
ด้านพ.ต.ท.อดิเรก พันธุ์ใย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ยานนาวา กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ในข้อหาขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และหลังเกิดเหตุหลบหนี ไม่หยุดช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะสอบปากคำนายอัครณัฐในฐานะพยานทางคดี โดยที่ผ่านมา ได้สอบปากคำนายกิตติศักดิ์ไปแล้ว เบื้องต้นนายกิตติศักดิ์ให้การปฏิเสธ โดยระบุว่าถูกรถแท็กซี่ชนก่อนที่รถจักรยานยนต์จะไปเฉี่ยวชนกับรถของนายอัครณัฐ ซึ่งล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการศาลแขวงพระนครใต้เพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายกิตติศักดิ์ ได้แพร่ภาพตนเองสวมสายเข้าที่จมูก ซึ่งกำลังรักษาจากอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย ผ่านเฟซบุ๊ก Boy Kittisak พร้อมระบุข้อความว่า "ปัญหาทุกอย่าง มีไว้แก้ สู้ๆ #คนป่วย" โดยมีชาวเฟซบุ๊กให้กำลังใจเจ้าตัวจำนวนมาก