ผู้จัดการรายวัน360-ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ หลังพบหลักฐานเพิ่ม แก๊งสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น โกงอีก 1.3 หมื่นล้านบาท ในโครงการบ้านเอื้ออาทร ระบุมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปมีเอี่ยวด้วย ด้านทนาย "พระธัมมชโย" วิ่งโร่ขอความเป็นธรรมอัยการสูงสุด อ้างถูกยัดคดีฟอกเงิน รับของโจร ไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 111.00 น. วานนี้ (14 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีอาญา นายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก เกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พร้อมร้องขอให้มีการสอบสวนดำเนินคดีอาญา สัญญาเงินกู้ จำนวน 28 บริษัท มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 13,000 ล้านบาท ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งยังมีผู้ต้องหาลอยนวลอยู่เป็นจำนวนมาก
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ชุดเดิม ที่ทำสำนวนคดีเอื้องแก้ว ธนาคารออมสิน สาขาคำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร โดยละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เจตนาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมหลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งโกงเงินธนาคารออมสิน สร้างความเสียหายมากกว่า 170 ล้านบาท จนพนักงานสอบสวนชุดใหม่ต้องเข้ามารื้อคดี และสามารถแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้งขบวนการได้มากกว่า 10 ราย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์ 3 ประเด็น คือ 1.ให้ดำเนินคดีกับนายศุภชัย และพวก หลังหลอกให้ประชาชนมากู้เงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปซื้อบ้านเอื้ออาทรในต่างจังหวัด ซึ่งเข้าข่ายทุจริต รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้อง 2.ให้ตรวจสอบสัญญาเงินกู้ที่ออกให้บริษัท 28 แห่ง บางบริษัทอ้างกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าถูกปลอมสัญญา ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินคดี ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นข้ออ้างของบริษัท และเป็นการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ จึงอยากให้ดีเอสไอตรวจสอบและดำเนินคดีกับบริษัทที่มีชื่อเกี่ยวข้องอย่างเท่าเทียมกัน
3.ขอให้อธิบดีดีเอสไอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดแรก ที่ตรวจสอบคดีของนางเอื้องแก้ว สำเภาทอง ผู้จัดการธนาคารออมสิน ที่ร่วมกับพวกหลอกลวงชาวบ้านให้กู้เงินธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทำให้ธนาคารเสียหายมากกว่า 170 ล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนชุดแรกกลับดำเนินคดีเฉพาะนางเอื้องแก้วเพียงคนเดียว
"เมื่อมีการรื้อคดีขึ้นใหม่ กลับมีผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหากว่า 10 ราย จึงเชื่อว่าอาจมีการวิ่งเต้นเกิดขึ้น และให้ตรวจสอบพนักงานสอบสวนชุดแรกว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่" นายอัจฉริยะกล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบข้าราชการพลเรือนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกับบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งแล้ว เพราะมีกฎหมายรองรับ ส่วนการจะพักราชการหรือไม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 2 รายถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เนื่องจากมีเส้นทางการเงินจากการขายที่ดินของสหกรณ์ฯ ไปปรากฏในบัญชีของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 รายดังกล่าว จำนวน 20-40 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง
วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ นายสมชาย มีบางยาง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีการดำเนินคดีกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่เชื่อมโยงกับพระธัมมชโย ต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 เป็นผู้รับเรื่อง
นายสมชายกล่าวว่า คดีที่พระธัมมชโยถูกพนักงานสอบสวนดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรเป็นคดีพิเศษที่ 27/2559 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ถือเป็นคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องการร้องขอให้อัยการให้ความเป็นธรรม และสั่งให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 111.00 น. วานนี้ (14 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีอาญา นายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก เกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พร้อมร้องขอให้มีการสอบสวนดำเนินคดีอาญา สัญญาเงินกู้ จำนวน 28 บริษัท มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 13,000 ล้านบาท ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งยังมีผู้ต้องหาลอยนวลอยู่เป็นจำนวนมาก
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ชุดเดิม ที่ทำสำนวนคดีเอื้องแก้ว ธนาคารออมสิน สาขาคำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร โดยละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เจตนาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมหลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งโกงเงินธนาคารออมสิน สร้างความเสียหายมากกว่า 170 ล้านบาท จนพนักงานสอบสวนชุดใหม่ต้องเข้ามารื้อคดี และสามารถแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้งขบวนการได้มากกว่า 10 ราย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์ 3 ประเด็น คือ 1.ให้ดำเนินคดีกับนายศุภชัย และพวก หลังหลอกให้ประชาชนมากู้เงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปซื้อบ้านเอื้ออาทรในต่างจังหวัด ซึ่งเข้าข่ายทุจริต รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้อง 2.ให้ตรวจสอบสัญญาเงินกู้ที่ออกให้บริษัท 28 แห่ง บางบริษัทอ้างกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าถูกปลอมสัญญา ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินคดี ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นข้ออ้างของบริษัท และเป็นการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ จึงอยากให้ดีเอสไอตรวจสอบและดำเนินคดีกับบริษัทที่มีชื่อเกี่ยวข้องอย่างเท่าเทียมกัน
3.ขอให้อธิบดีดีเอสไอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดแรก ที่ตรวจสอบคดีของนางเอื้องแก้ว สำเภาทอง ผู้จัดการธนาคารออมสิน ที่ร่วมกับพวกหลอกลวงชาวบ้านให้กู้เงินธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทำให้ธนาคารเสียหายมากกว่า 170 ล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนชุดแรกกลับดำเนินคดีเฉพาะนางเอื้องแก้วเพียงคนเดียว
"เมื่อมีการรื้อคดีขึ้นใหม่ กลับมีผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหากว่า 10 ราย จึงเชื่อว่าอาจมีการวิ่งเต้นเกิดขึ้น และให้ตรวจสอบพนักงานสอบสวนชุดแรกว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่" นายอัจฉริยะกล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบข้าราชการพลเรือนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกับบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งแล้ว เพราะมีกฎหมายรองรับ ส่วนการจะพักราชการหรือไม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 2 รายถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เนื่องจากมีเส้นทางการเงินจากการขายที่ดินของสหกรณ์ฯ ไปปรากฏในบัญชีของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 รายดังกล่าว จำนวน 20-40 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง
วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ นายสมชาย มีบางยาง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีการดำเนินคดีกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่เชื่อมโยงกับพระธัมมชโย ต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 เป็นผู้รับเรื่อง
นายสมชายกล่าวว่า คดีที่พระธัมมชโยถูกพนักงานสอบสวนดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรเป็นคดีพิเศษที่ 27/2559 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ถือเป็นคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องการร้องขอให้อัยการให้ความเป็นธรรม และสั่งให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา