MGR Online - กลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับความเสียหายจากเหตุทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น รวมตัวร้องดีเอสไอชี้แจงข้อเท็จจริงคดี “พระธัมมชโย-ศุภชัย” ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร หลังอัยการเลื่อนสั่งคดีออกเป็น 30 พ.ย.นี้ ถามจับพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ไหม
วันนี้ (16 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธรรมนูญ อัตโชติ ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก้าวหน้า พร้อมผู้เสียหายประมาณ 70 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เดินทางเข้ายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อช่วยเร่งรัดสอบสวนคดีหลัง สำนักงานอัยการสูงสุด ได้เลื่อนสั่งคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับพวกรวม 5 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด (คดีพิเศษที่ 27/2559) เนื่องจากรอผลการสอบสวนเพิ่มเติม เป็นวันที่ 30 พ.ย.59
นายธรรมนูญกล่าวว่า สืบเนื่องจากการสั่งเลื่อนวันนัดสั่งคดีพิเศษที่ 27/2559 ของพนักงานอัยการ โดยแจ้งว่าพนักงานสอบสวนยังสอบสวนเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จและยังมีการร้องขอความเป็นธรรมของทางฝ่ายผู้ต้องหาต่ออัยการสูงสุด ซึ่งสมาชิกผู้เสียหายในคดีที่อัยการสั่งเลื่อนนัดเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งจึงทำให้ไม่ค่อยมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาอัยการก็ได้เคยมีคำสั่งให้ถอนคดีของผู้ต้องหารายสำคัญนี้มาแล้วทั้งๆ ที่ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายอื่นอย่างต่อเนื่อง
นายธรรมนูญกล่าวอีกว่า ในวันนี้สมาชิกผู้เสียหายจึงเดินทางมาเพื่อขอทราบปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลและข้อเท็จจริงดังกล่าวในขั้นตอนการสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 27/2559 ที่อัยการได้สั่งสอบเพิ่มเติม รวมทั้งการร้องเรียนของทางฝ่ายผู้ต้องหาขอให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งจริงแล้วฝ่ายผู้ต้องหาที่ร้องเรียนรายนี้ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใดและเชื่อว่าอาจเป็นการประวิงเวลาออกไปโดยไม่สมเหตุสมผลจึงอยากขอความชี้แจงข้อสงสัยที่กล่าวมาด้วย
ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์เปิดเผยว่า ตนในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน คดีพิเศษที่ 27/2559 ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานและส่งให้อัยการเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 59 ที่ผ่านมา โดย อัยการได้มีการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม 4 -5 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งได้เร่งรัดและดำเนินการอย่างรอบคอบ จนกระทั่งส่งฟ้องอัยการคดีพิเศษแล้ว ต่อจากนี้เป็นการพิจารณาสั่งฟ้องคดีของทาง อัยการ ในช่วงปลายเดือน พ.ย. 59 ที่จะถึงนี้
“เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายผู้ต้องหาเดินทางร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แต่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกลับไปใช้สิทธิร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทางดีเอสไอก็ได้ดำเนินการชี้แจงกับหน่วยงานทั้งหมดว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน โดยการใช้สิทธินั้นไม่สามารถทำได้เนื่องจากยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนเป็นการประวิงเวลา ซึ่งอำนาจการสั่งฟ้องคดีเป็นทาง อัยการ ซึ่งทางดีเอสไอทำหน้าที่ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ขอให้รอการพิจารณาของอัยการในวันที่ 30 พ.ย.อีกครั้ง” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว
เมื่อตัวเเทนผู้เสียหายถามว่า ดีเอสไอจะสามารถจับกุมพระธัมมชโยมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้หรือไม่ ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวว่า ดีเอสไอได้ดำเนินการขอหมายค้นบุกจับกุมพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกาย แต่มีบุคคลมาขัดขวาง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็ส่งดำเนินคดีไปแล้วหลายราย ส่วนจะการมีหลบหนีหรือไม่นั้น ได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบทุกช่องทางแล้ว แต่หากหลบหนีทางอื่นก็มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอทำหน้าที่มาโดยตลอดและหมายจับอายุความ 15 ปี ระหว่างนี้มั่นใจว่าจะสามารถจับกุมพระธัมมชโยได้