อาจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมแปลกประหลาดใจมากที่คนอเมริกันเลือก Donald Trump เป็นประธานาธิบดีอเมริกันต่อจาก Barack Obama ส่วนตัว Trump เองเป็นมหาเศรษฐี พูดจาบ้านๆ โผงเผง นักเลงโต มีทัศนคติอนุรักษ์นิยมอย่างรุนแรง และเหยียดผิว เหยียดเพศอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีประวัติไม่ยอมเสียภาษีอีกด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่คนอเมริกันรังเกียจอย่างมาก ผมฟัง Donald Trump พูดทีไรทำไมต้องไปนึกถึงคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ไปเสียทุกครั้ง รู้สึกว่าสองคนนี้มีบุคลิกภาพ การพูดจา และลีลาไม่ได้แตกต่างกันเอง บู๊ๆ บ้านๆ ตรงๆ แต่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มีลูกล่อลูกชน และน่าจะมีองศาของความกะล่อนอยู่มากเช่นกัน Donald Trump นั้นจบปริญญาตรีมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันที่ผมจบปริญญาเอกมาคือมหาวิทยาลัยฟอร์ดแดม (Fordham University) ใน New York City ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยคาทอลิคเก่าแก่ของคณะเยซูอิต มีปรัชญาการศึกษาแบบ Jesuit Education บาทหลวงคณะเยซูอิตมักเป็นพระนักวิชาการ มีหัวก้าวหน้า-เสรีนิยม (Liberal Progressive) ต่อต้านการเหยียดผิว (Racism) ต่อต้านการเหยียดเพศ (Sexism) สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ให้โอกาสคนยากไร้ ความเป็นหัวก้าวหน้า-เสรีนิยมของ Jesuit นั้นดูได้จากองค์สมเด็จพระสันตปาปา ฟรานซิส ที่ 2 ซึ่งทรงเป็นบาทหลวงคณะเยซูอิตเช่นกัน
ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เพื่อนๆ และครูของผมจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไม่ได้นิยมชมชอบ Donald Trump แต่ประการใดเลย เพราะ Trump นั้นมีแต่ลักษณะที่ Jesuit ไม่ชอบสักประการเดียว เป็นอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว (Conservative) เหยียดผิว เหยียดเพศ ดูถูกผู้หญิง จนแม้กระทั่งนางบาร์บารา บุช ภรรยาของประธานาธิบดีบุชจาก Republican เองก็ทนไม่ได้ถึงกับออกมาพูดว่าจะไม่เลือก Trump เมื่อคราว Debate นั้น Donald Trump ก็แพ้ราบคาบ แต่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีไปได้แบบหักปากกาเซียน โพลล์ทุกสำนักพังเรียบ
ว่ากันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คนอเมริกันผิวขาว (Caucasian American) ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันมากมหาศาล เป็นพลังเงียบที่หักปากกาเซียนนั่นเอง ส่วนคนผิวดำนั้นออกมาใช้สิทธิ์น้อยมาก
Barack Obama ได้เป็นประธานาธิบดีด้วย Slogan ว่า change หรือการเปลี่ยนแปลง พูดเก่งมาก บุคลิกดี เขียนเรียงความก็เก่ง เจ้าหลักการและเหตุผล แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่กลับไม่รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นจนทวงถามว่า Change ที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน หลักการดี พูดเก่ง แต่ผลงานไม่ปรากฎเด่นชัดทำให้ประชาชนอเมริกันเองก็เบื่อหน่ายได้ ยิ่งมีปัญหากับคนอเมริกันผิวดำ มีการจลาจลและการประท้วงมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับคนอเมริกันผิวดำ ยิ่งทำให้คนอเมริกันผิวดำไม่ยอมออกมาลงคะแนนเสียงเพราะเบื่อหน่ายการเลือกตั้งเนื่องจากการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยทำให้เขาผู้ซึ่งไปลงคะแนนเสียงใน Obama ได้มีอะไรดีในชีวิตขึ้นมาได้เลย
ความเจ้าหลักการ พูดเก่ง ทำงานไม่เป็นหรือผลงานไม่ชัดเจนนี้ดูช่างคล้ายกับพรรคประชาธิปัตย์ของไทยอยู่พอสมควร พอๆ กับที่คนไทยเองก็เบื่อคุณชวน หลีกภัยในสมัยหนึ่งและทำให้ทักษิณ ชินวัตรเข้ามามีอำนาจ เพราะเป็นความแปลกใหม่ บ้านๆ เข้าใจได้ง่าย และอยากทดลองของใหม่ที่เชื่อว่าจะดีกว่าเดิม ดูไปดูมา Obama ก็มีพื้นภูมิและบุคลิกไม่ได้แตกต่างจากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความคล้ายกันอีกประการคือประชาชนรู้สึกว่าผลงานไม่ชัดเจนเท่าที่ควร และประชาชนก็เริ่มเบื่อ ต้องการอะไรใหม่ ต้องการนักการเมืองที่ลงมือทำได้ผลจริง ทักษิณ กับ Trump นั้นทำธุรกิจมาก่อน มีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย ทำอะไรสีเทาๆ เช่น เรื่องเลี่ยงภาษี ก็ทำมาได้พอๆ กัน
ความเบื่อการเมืองของอเมริกันชนผู้เคยเลือก Obama และ Democrat ทำให้ Trump ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกัน ทั้งสภาสูงและสภาล่างก็ดูเหมือนว่า Republican จะเป็นเสียงข้างมากด้วย
ต่อไปนี้อีกสี่ปีข้างหน้าคงเป็นบทพิสูจน์ว่า Trump จะนำอเมริกาไปในทางใด ถ้าทำแบบทักษิณ ชินวัตร คือการบริหารราชการแผ่นดินแล้วมีผลประโยชน์ทับซ้อน Trump ก็จะถูก impeachment อย่างสะบักสะบอม แต่ถ้าทำดีและเข้มแข็งชาญฉลาดก็อาจจะเป็นแบบมหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย ผู้วางรากฐานความก้าวหน้าให้กับมาเลเซีย ทั้งหมดนี้อยู่ที่ Donald Trump เองจะเลือกเดินไปทางไหน
สำหรับประเทศไทย การที่ใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผลต่อการเมืองระหว่างประเทศระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาไม่น่าจะแตกต่างกันมาก มหามิตรนั้นไม่มีจริง ผลประโยชน์สูงสุดของอเมริกานั้นมีจริง จะไปโทษเขาก็ไม่ได้ เขาก็ทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของชาติเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่คนไทยเราเองจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้นำทางการเมืองและข้าราชการทำไมไม่ทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่ชาติของตนและประชาชนในชาติเป็นหลักสำคัญก่อน