ผู้จัดการรายวัน 360 - “ฮิลลารี คลินตัน” เฮก่อน ออกสตาร์ตดีคว้าชัยที่ “ดิกซ์วิลล์ น็อทช์” หมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ หลังเปิดคูหาเลือกตั้งก่อนเป็นแห่งแรกในสหรัฐฯ โพลยังชี้ผู้สมัครหญิงได้เปรียบ ด้าน “โดนัลด์ ทรัมป์” ไม่สนผลสำรวจ เชื่อชาวมะกันพร้อมสั่งสอนพวกตลบตะแลง
วานนี้ (8 พ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่แทน นายบารัค โอบามา ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยได้มีการลงคะแนนออกเสียงกันที่หมู่บ้านดิกซ์วิลล์ น็อทช์ หมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งถือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่เปิดคูหาเป็นแห่งแรกของสหรัฐฯ มีการเปิดคูหาเลือกตั้งทันทีที่เข็มนาฬิกาชี้ที่เวลา 24.00 น. หรือเรียกกันว่า มิดไนต์ โหวต และเข้าสู่เวลา 00.01 น.เช้าวันที่ 8 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น สำหรับผลการเลือกตั้งในหน่วยนี้ ปรากฏว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครต เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะก่อนเหนือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพลีบลิกัน โดยนางคลินตันได้ 4 คะแนน ส่วนนายทรัมป์ ได้ 2 คะแนน ตามมาด้วย นายแกรีย์ จอห์นสัน อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกตัวแทนพรรคลิเบอร์ทาเรียน ได้ 1 คะแนน
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯนั้น ไม่ใช่ตัดสินกันว่าประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ ลงคะแนนให้ผู้สมัครคนไหนมากกว่า แต่ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกเลือกคณะผู้เลือกตั้ง โดยที่แต่ละรัฐมีสภาพเป็น 1 เขตเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน เช่น นิวยอร์กมี 55 แต่เวอร์มอนต์มี 3 แทบทุกรัฐใช้วิธีที่ว่าผู้สมัครซึ่งได้คะแนนโหวตจากประชาชนภายในมลรัฐของตนสูงที่สุด จะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด และเนื่องจากทั่วสหรัฐฯมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 538 คนในปีนี้ ดังนั้น ผู้สมัครคนไหนได้ไป 270 เสียงก็จะเป็นผู้ชนะ
ตั้งแต่ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ได้มีชาวอเมริกันราว 40 ล้านคนไปใช้สิทธิแล้วในมลรัฐซึ่งอนุญาตให้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ โดยที่มีทั้งแบบส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์และที่ไปใช้สิทธิด้วยตนเอง
หน่วยเลือกตั้งต่างๆจะเปิดให้ใช้สิทธิกันในตอนกลางวันตามปกติ แต่เนื่องจากสหรัฐฯมีโซนเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้น หน่วยเลือกตั้งทางแถบอีสต์โคสต์จะเปิดก่อนในเวลา 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 18.00 น.วันอังคาร เวลาเมืองไทย) ขณะที่แถบเวสต์โคสต์จะปิดหีบลงคะแนนในช่วงเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น เวลาในเมืองไทยก็จะอยู่ที่ 12.00 น.วันที่ 9 พ.ย.
ขณะที่ผลโพลสำนักต่างๆในช่วงท้ายก่อนถึงวันที่ 8 พ.ย.ชี้ว่าในระดับทั่วประเทศแล้ว นางคลินตันนำอยู่เล็กน้อย ผลสำรวจทั้งของฟ็อกซ์ นิวส์และซีบีเอส นิวส์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์พบว่า นางคลินตันมีโอกาสได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา เพราะมีคะแนนนำนายทรัมป์ อยู่ 4% ด้าน เรียลเคลียร์โพลิติกส์ ซึ่งเป็นสำนักที่ใช้วิธีถัวเฉลี่ยผลโพลของเจ้าอื่นๆ ให้นางคลินตันนำในระดับทั่วประเทศอยู่ 3.3% แต่นายทรัมป์ก็ไล่กระชั้นเข้ามา หรือกระทั่งแซงนำด้วยซ้ำในหลายมลรัฐที่ไม่ชัดเจนว่าจะเลือกผู้สมัครคนไหน หรือ “สวิง สเตท” ซึ่งจะเป็นสมรภูมิหลักในการต่อสู้ช่วงชิงชัยชนะ
ในช่วงก่อนการลงคะแนน นางคลินตัน และนายทรัมป์ ต่างเดินสายวิ่งรอกหาเสียงในรัฐต่างๆ ที่เป็นสนามเลือกตั้งสำคัญตลอด เพื่อโน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่ได้แสดงความมั่นใจในการคว้าชัยชนะ พร้อมเรียกร้องให้อเมริกันชนออกมาใช้สิทธิกันมากๆ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นายทรัมป์ยังมีโอกาสลุ้น หากชนะในมลรัฐสำคัญ อาทิ ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรโลนา และโอไฮโอ ที่โพลล่าสุดชี้ว่าคู่คี่มาก รวมทั้งที่เพนซิลเวเนียด้วย ซึ่งโพลบอกว่านางคลินตันนำ 3% ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ยังต้องรักษาแอริโซนา รัฐซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเคยเป็นของรีพับลิกัน ทว่าปีนี้คะแนนยังสูสี รวมทั้งต้องคาดหวังว่า ผู้สมัครอิสระอย่าง นายอีแวน แมคมุลลิน จะไม่ชนะในยูทาห์ อีกมลรัฐหนึ่งซึ่งเคยเป็นฐานของรีพับลิกันมายาวนาน
ด้าน นายโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่ร่วมหาเสียงกับนางคลินตันที่เมืองแอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน ย้ำจุดอ่อนของนายทรัมป์ว่า ขาดวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำประเทศ และกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนางคลินตันโดยรับประกันว่า เธอจะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่ใช่ดีแต่ทวิต
ก่อนหน้านี้ ทีมหาเสียงของนางคลินตันได้กำลังใจสำคัญขณะที่เหลืออีกเพียงไม่กี่สิบชั่วโมงจะถึงวันเลือกตั้ง เมื่อนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ประกาศว่า เอฟบีไอยืนตามการตัดสินใจในเดือนกรกฎาคมไม่สั่งฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของนางคลินตันขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ
ทางด้าน นายทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน หาเสียงวันสุดท้ายที่เมืองซาราโซตา รัฐฟลอริดา โดยระบุว่า ไม่สนใจโพลสำนักต่างๆที่บ่งชี้ว่า ตัวเองถูกนำอยู่ และประกาศว่า ตัวเองจะเป็นผู้ชนะ ซ้ำเรียกคู่แข่งจากเดโมแครตว่า “จอมตลบตะแลง” และว่า คนอเมริกันเบื่อเต็มทนที่ถูกปกครองโดยกลุ่มคนเง่าเขลา พร้อมเรียกร้องให้ชนชั้นแรงงานในเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ออกไปกาบัตรเพื่อสั่งสอนนักการเมืองทุจริต.
วานนี้ (8 พ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่แทน นายบารัค โอบามา ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยได้มีการลงคะแนนออกเสียงกันที่หมู่บ้านดิกซ์วิลล์ น็อทช์ หมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งถือเป็นหน่วยเลือกตั้งที่เปิดคูหาเป็นแห่งแรกของสหรัฐฯ มีการเปิดคูหาเลือกตั้งทันทีที่เข็มนาฬิกาชี้ที่เวลา 24.00 น. หรือเรียกกันว่า มิดไนต์ โหวต และเข้าสู่เวลา 00.01 น.เช้าวันที่ 8 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น สำหรับผลการเลือกตั้งในหน่วยนี้ ปรากฏว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครต เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะก่อนเหนือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพลีบลิกัน โดยนางคลินตันได้ 4 คะแนน ส่วนนายทรัมป์ ได้ 2 คะแนน ตามมาด้วย นายแกรีย์ จอห์นสัน อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกตัวแทนพรรคลิเบอร์ทาเรียน ได้ 1 คะแนน
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯนั้น ไม่ใช่ตัดสินกันว่าประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ ลงคะแนนให้ผู้สมัครคนไหนมากกว่า แต่ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกเลือกคณะผู้เลือกตั้ง โดยที่แต่ละรัฐมีสภาพเป็น 1 เขตเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน เช่น นิวยอร์กมี 55 แต่เวอร์มอนต์มี 3 แทบทุกรัฐใช้วิธีที่ว่าผู้สมัครซึ่งได้คะแนนโหวตจากประชาชนภายในมลรัฐของตนสูงที่สุด จะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด และเนื่องจากทั่วสหรัฐฯมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 538 คนในปีนี้ ดังนั้น ผู้สมัครคนไหนได้ไป 270 เสียงก็จะเป็นผู้ชนะ
ตั้งแต่ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ได้มีชาวอเมริกันราว 40 ล้านคนไปใช้สิทธิแล้วในมลรัฐซึ่งอนุญาตให้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ โดยที่มีทั้งแบบส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์และที่ไปใช้สิทธิด้วยตนเอง
หน่วยเลือกตั้งต่างๆจะเปิดให้ใช้สิทธิกันในตอนกลางวันตามปกติ แต่เนื่องจากสหรัฐฯมีโซนเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้น หน่วยเลือกตั้งทางแถบอีสต์โคสต์จะเปิดก่อนในเวลา 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 18.00 น.วันอังคาร เวลาเมืองไทย) ขณะที่แถบเวสต์โคสต์จะปิดหีบลงคะแนนในช่วงเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น เวลาในเมืองไทยก็จะอยู่ที่ 12.00 น.วันที่ 9 พ.ย.
ขณะที่ผลโพลสำนักต่างๆในช่วงท้ายก่อนถึงวันที่ 8 พ.ย.ชี้ว่าในระดับทั่วประเทศแล้ว นางคลินตันนำอยู่เล็กน้อย ผลสำรวจทั้งของฟ็อกซ์ นิวส์และซีบีเอส นิวส์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์พบว่า นางคลินตันมีโอกาสได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา เพราะมีคะแนนนำนายทรัมป์ อยู่ 4% ด้าน เรียลเคลียร์โพลิติกส์ ซึ่งเป็นสำนักที่ใช้วิธีถัวเฉลี่ยผลโพลของเจ้าอื่นๆ ให้นางคลินตันนำในระดับทั่วประเทศอยู่ 3.3% แต่นายทรัมป์ก็ไล่กระชั้นเข้ามา หรือกระทั่งแซงนำด้วยซ้ำในหลายมลรัฐที่ไม่ชัดเจนว่าจะเลือกผู้สมัครคนไหน หรือ “สวิง สเตท” ซึ่งจะเป็นสมรภูมิหลักในการต่อสู้ช่วงชิงชัยชนะ
ในช่วงก่อนการลงคะแนน นางคลินตัน และนายทรัมป์ ต่างเดินสายวิ่งรอกหาเสียงในรัฐต่างๆ ที่เป็นสนามเลือกตั้งสำคัญตลอด เพื่อโน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่ได้แสดงความมั่นใจในการคว้าชัยชนะ พร้อมเรียกร้องให้อเมริกันชนออกมาใช้สิทธิกันมากๆ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นายทรัมป์ยังมีโอกาสลุ้น หากชนะในมลรัฐสำคัญ อาทิ ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรโลนา และโอไฮโอ ที่โพลล่าสุดชี้ว่าคู่คี่มาก รวมทั้งที่เพนซิลเวเนียด้วย ซึ่งโพลบอกว่านางคลินตันนำ 3% ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ยังต้องรักษาแอริโซนา รัฐซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเคยเป็นของรีพับลิกัน ทว่าปีนี้คะแนนยังสูสี รวมทั้งต้องคาดหวังว่า ผู้สมัครอิสระอย่าง นายอีแวน แมคมุลลิน จะไม่ชนะในยูทาห์ อีกมลรัฐหนึ่งซึ่งเคยเป็นฐานของรีพับลิกันมายาวนาน
ด้าน นายโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่ร่วมหาเสียงกับนางคลินตันที่เมืองแอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน ย้ำจุดอ่อนของนายทรัมป์ว่า ขาดวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำประเทศ และกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนางคลินตันโดยรับประกันว่า เธอจะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่ใช่ดีแต่ทวิต
ก่อนหน้านี้ ทีมหาเสียงของนางคลินตันได้กำลังใจสำคัญขณะที่เหลืออีกเพียงไม่กี่สิบชั่วโมงจะถึงวันเลือกตั้ง เมื่อนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ประกาศว่า เอฟบีไอยืนตามการตัดสินใจในเดือนกรกฎาคมไม่สั่งฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของนางคลินตันขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ
ทางด้าน นายทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน หาเสียงวันสุดท้ายที่เมืองซาราโซตา รัฐฟลอริดา โดยระบุว่า ไม่สนใจโพลสำนักต่างๆที่บ่งชี้ว่า ตัวเองถูกนำอยู่ และประกาศว่า ตัวเองจะเป็นผู้ชนะ ซ้ำเรียกคู่แข่งจากเดโมแครตว่า “จอมตลบตะแลง” และว่า คนอเมริกันเบื่อเต็มทนที่ถูกปกครองโดยกลุ่มคนเง่าเขลา พร้อมเรียกร้องให้ชนชั้นแรงงานในเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ออกไปกาบัตรเพื่อสั่งสอนนักการเมืองทุจริต.