"หมอวรงค์" ซัดปมเอกชนผู้ชนะประมูลข้าวโวยเจอข้าวเสื่อมคุณภาพยัดไส้ ยุค "น.ส.ยิ่งลักษณ์" กระทบการระบายข้าวรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์" จี้ต้องรับผิดชอบ เหตุทุกฝ่ายเตือนแล้ว ด้าน "บิ๊กต๊อก" เผยโครงการทุจริตข้าวและมันสำปะหลัง มีพฤติการณ์คล้ายกันคือหาผลประโยชน์จากเกษตรกร ดังนั้นต้องจัดระบบใหม่ โดยสามารถเข้ายึดทรัพย์ได้เลย โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นคนให้ข้อมูล
จากกรณีที่บริษัทร่วมเจริญพัฒนาการข้าว ผู้ชนะการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล ได้เข้าตรวจสอบการรับมอบข้าวที่ประมูลได้จากคลังสินค้าสุดใจ จ.ชัยนาท ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) พบข้าวในโกดังมีสีเหลือง เสื่อมสภาพอย่างมาก ไม่สามารถรับประทานได้ และผิดประเภทจากที่ประมูลซื้อโดยสิ้นเชิงนั้น
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้าวสารที่เปิดประมูลเป็นข้าวในโครงการรับจำนำสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งบริษัทผู้ประมูลคิดว่าเป็นข้าวได้มาตรฐาน แต่กลับกลายเป็นข้าวเสื่อมสภาพซุกอยู่ภายใน จนส่งผลกระทบต่อผู้ประมูล และสร้างความลำบากให้กับรัฐบาลในชุดปัจจุบัน
"นับเป็นกรณีที่เลวร้ายมาก เพราะไม่ใช่แค่ข้าวผิดประเภท แต่มีทั้งข้าวผิดชนิด ข้าวเสีย และข้าวที่ตีตราไม่ตรงตามสัญญาซื้อ เพราะตามสัญญาบริษัทประมูลซื้อข้าวขาว 5% จากอ.ต.ก.ในช่วงฤดูกาลผลิตปี 56/57 ที่ระบุ เป็นข้าวเพื่อการบริโภค แต่กลับพบว่าข้าวที่มีอยู่เป็นข้าวเก่า ปลายข้าว ข้าวเสียปะปนด้วยกันหมด มีเพียงข้าวดีล้อมกองอยู่ข้างหน้าไม่เท่าไร โดยกรณีนี้เป็นสัญญาคลังสัญญาเช่าช่วง ซึ่งไม่เคยมีกรณีนี้เกิดขึ้น"
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าเคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสมัยนั้น เรื่องการซุกข้าวเสื่อมคุณภาพ ข้าวผิดมาตรฐานมาโดยตลอด แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไม่สนใจ การตอบกระทู้เรื่องข้าวเน่า แทนที่จะแก้ปัญญหา กลับจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ถาม และยังไม่นับรวมกรณีข้าวเน่าเสียที่รัฐบาลปัจจุบันตรวจเจอก่อน ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่าปัดความรับผิดชอบ ที่ชอบพูดว่าความเสียหายเหล่านี้มีสัญญารับผิดชอบ แต่มันเป็นการสะท้อนถึงการปล่อยปละละเลย ทั้งโดยเจตนา ไม่เจตนา และโดยทุจริต ซึ่งสะท้อนถึงความเสียหายของระบบข้าวของทั้งประเทศที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบ
*** ยธ.ย้ำเกษตรกรเหยื่อโกงข้าว-มัน
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ว่า กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สามารถเข้าไปดำเนินการได้เลย ตามความชำนาญในการยึดทรัพย์ สืบทรัพย์และมีกระทรวงพาณิชย์เป็นคนให้ข้อมูล แต่หากมีการใช้สิทธิศาลปกครองจะต้องรอจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น
ส่วนการตรวจสอบสถานที่จัดเก็บมันสำปะหลังนั้น แม้ว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไม่ได้อยู่ในกระทรวงยุติธรรมแต่เกี่ยวข้องใน ศอตช. ซึ่งมีการรายงานมาในบางพื้นที่แล้วพร้อมกับหลักฐาน โดยพฤติการณ์มีความใกล้เคียงกับโครงการจำนำข้าว ซึ่งมีโกดัง คลัง แหล่งเก็บเหมือนใช้ระบบลักษณะการทำงานคล้ายกันและเกี่ยวข้องกับเกษตรกร
"ทุกรัฐบาลมีโครงการที่ดีเกี่ยวกับเกษตรกร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด เพื่อผลักดันช่วยเหลือเกษตรกร แต่กลับกลายเป็นเรื่องหาผลประโยชน์จากพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเงินทุกบาทที่มาจากรายได้ของประเทศจะมุ่งสู่ภาคเกษตรกรแต่กลับถูกทำลายหรือไปไม่ถึงและปัญหาก็ทับถมมากขึ้น โดยประเทศไทยไม่ได้ประเทศที่ร่ำรวย เมื่อหาเงินมาได้ก็กลับไปอยู่ในระบบทุจริตทั้งหมดนับเป็นเรื่องเก่าหากไม่ทำเรื่องพวกนี้ งบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ต้องจัดการให้เรียบร้อยและจัดระบบกันใหม่เพื่อจะได้ถึงพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
จากกรณีที่บริษัทร่วมเจริญพัฒนาการข้าว ผู้ชนะการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล ได้เข้าตรวจสอบการรับมอบข้าวที่ประมูลได้จากคลังสินค้าสุดใจ จ.ชัยนาท ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) พบข้าวในโกดังมีสีเหลือง เสื่อมสภาพอย่างมาก ไม่สามารถรับประทานได้ และผิดประเภทจากที่ประมูลซื้อโดยสิ้นเชิงนั้น
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้าวสารที่เปิดประมูลเป็นข้าวในโครงการรับจำนำสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งบริษัทผู้ประมูลคิดว่าเป็นข้าวได้มาตรฐาน แต่กลับกลายเป็นข้าวเสื่อมสภาพซุกอยู่ภายใน จนส่งผลกระทบต่อผู้ประมูล และสร้างความลำบากให้กับรัฐบาลในชุดปัจจุบัน
"นับเป็นกรณีที่เลวร้ายมาก เพราะไม่ใช่แค่ข้าวผิดประเภท แต่มีทั้งข้าวผิดชนิด ข้าวเสีย และข้าวที่ตีตราไม่ตรงตามสัญญาซื้อ เพราะตามสัญญาบริษัทประมูลซื้อข้าวขาว 5% จากอ.ต.ก.ในช่วงฤดูกาลผลิตปี 56/57 ที่ระบุ เป็นข้าวเพื่อการบริโภค แต่กลับพบว่าข้าวที่มีอยู่เป็นข้าวเก่า ปลายข้าว ข้าวเสียปะปนด้วยกันหมด มีเพียงข้าวดีล้อมกองอยู่ข้างหน้าไม่เท่าไร โดยกรณีนี้เป็นสัญญาคลังสัญญาเช่าช่วง ซึ่งไม่เคยมีกรณีนี้เกิดขึ้น"
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าเคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสมัยนั้น เรื่องการซุกข้าวเสื่อมคุณภาพ ข้าวผิดมาตรฐานมาโดยตลอด แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไม่สนใจ การตอบกระทู้เรื่องข้าวเน่า แทนที่จะแก้ปัญญหา กลับจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ถาม และยังไม่นับรวมกรณีข้าวเน่าเสียที่รัฐบาลปัจจุบันตรวจเจอก่อน ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่าปัดความรับผิดชอบ ที่ชอบพูดว่าความเสียหายเหล่านี้มีสัญญารับผิดชอบ แต่มันเป็นการสะท้อนถึงการปล่อยปละละเลย ทั้งโดยเจตนา ไม่เจตนา และโดยทุจริต ซึ่งสะท้อนถึงความเสียหายของระบบข้าวของทั้งประเทศที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบ
*** ยธ.ย้ำเกษตรกรเหยื่อโกงข้าว-มัน
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ว่า กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สามารถเข้าไปดำเนินการได้เลย ตามความชำนาญในการยึดทรัพย์ สืบทรัพย์และมีกระทรวงพาณิชย์เป็นคนให้ข้อมูล แต่หากมีการใช้สิทธิศาลปกครองจะต้องรอจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น
ส่วนการตรวจสอบสถานที่จัดเก็บมันสำปะหลังนั้น แม้ว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไม่ได้อยู่ในกระทรวงยุติธรรมแต่เกี่ยวข้องใน ศอตช. ซึ่งมีการรายงานมาในบางพื้นที่แล้วพร้อมกับหลักฐาน โดยพฤติการณ์มีความใกล้เคียงกับโครงการจำนำข้าว ซึ่งมีโกดัง คลัง แหล่งเก็บเหมือนใช้ระบบลักษณะการทำงานคล้ายกันและเกี่ยวข้องกับเกษตรกร
"ทุกรัฐบาลมีโครงการที่ดีเกี่ยวกับเกษตรกร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด เพื่อผลักดันช่วยเหลือเกษตรกร แต่กลับกลายเป็นเรื่องหาผลประโยชน์จากพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเงินทุกบาทที่มาจากรายได้ของประเทศจะมุ่งสู่ภาคเกษตรกรแต่กลับถูกทำลายหรือไปไม่ถึงและปัญหาก็ทับถมมากขึ้น โดยประเทศไทยไม่ได้ประเทศที่ร่ำรวย เมื่อหาเงินมาได้ก็กลับไปอยู่ในระบบทุจริตทั้งหมดนับเป็นเรื่องเก่าหากไม่ทำเรื่องพวกนี้ งบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ต้องจัดการให้เรียบร้อยและจัดระบบกันใหม่เพื่อจะได้ถึงพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
