ศาลรธน.มีมติเอกฉันท์คำปรารภร่างรธน. แก้ได้โดยเป็นอำนาจกรธ. "จรัญ" แจง ม. 39/1 วรรคสิบ รธน.ชั่วคราวแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 บัญญัติชัดเปิดทางกรธ.ดำเนินการได้ เหตุยังมีการลงพระปรมาภิไธย
วานนี้ (26ต.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว ภายหลังการประชุมคณะตุลาการเพื่อพิจารณาคำร้องของคณะรัฐมนตรี ที่ขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยชี้ขาดตามรธน.(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 มาตรา 5 วรรคสอง ว่า นายกรัฐมนตรีจะปรับปรุงคำปรารภของร่างรธน.ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ได้หรือไม่ โดยศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ว่าการปรับปรุงคำปรารภ ของร่างรธน. ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นสามารถกระทำได้ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้มีหน้าที่ปรับปรุงคำปรารภของร่างรธน.ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้สมบูรณ์ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ต่อไป
ทั้งนี้ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ศาลรธน. มีมติว่าแก้ได้ เพราะเราพิจารณาจาก มาตรา 5 วรรคหนึ่ง ของรธน. ฉบับชั่วคราว 2557 ที่บัญญัติว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรธน.นี้บังคับแก่กรณีใดให้กระทำการนั้น หรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ซึ่งตามประเพณีแล้วกฎหมายจะสมบูรณ์ได้ ก็เมื่อมีการลงพระปรมาภิไธย แต่เมื่อร่างรธน.นี้ยังไม่มีการลงพระปรมาธิไธย จึงยังสามารถปรับแก้ไขได้
ส่วนที่ศาลเห็นว่า อำนาจแก้เป็นของกรธ. เนื่องจาก มาตรา 4 ของรธน.ฉบับชั่วคราว แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ที่ให้เพิ่มเติมเป็นความใน มาตรา 39/1 วรรคสิบ ของรธน. ฉบับชั่วคราว บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ก่อนนายกรัฐมนตรีนำร่างรธน.ขึ้นทูลเกล้าฯ ตามวรรคเก้า ให้กรธ. ดำเนินการปรับปรุงคำปรารภของร่างรธน. ให้สมบูรณ์ และสอดคล้องกับผลการลงประชามติ ดังนั้นกรธ.จึงสามารถแก้ไขปรับปรุงได้
วานนี้ (26ต.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว ภายหลังการประชุมคณะตุลาการเพื่อพิจารณาคำร้องของคณะรัฐมนตรี ที่ขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยชี้ขาดตามรธน.(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 มาตรา 5 วรรคสอง ว่า นายกรัฐมนตรีจะปรับปรุงคำปรารภของร่างรธน.ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ได้หรือไม่ โดยศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ว่าการปรับปรุงคำปรารภ ของร่างรธน. ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นสามารถกระทำได้ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้มีหน้าที่ปรับปรุงคำปรารภของร่างรธน.ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้สมบูรณ์ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ต่อไป
ทั้งนี้ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ศาลรธน. มีมติว่าแก้ได้ เพราะเราพิจารณาจาก มาตรา 5 วรรคหนึ่ง ของรธน. ฉบับชั่วคราว 2557 ที่บัญญัติว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรธน.นี้บังคับแก่กรณีใดให้กระทำการนั้น หรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ซึ่งตามประเพณีแล้วกฎหมายจะสมบูรณ์ได้ ก็เมื่อมีการลงพระปรมาภิไธย แต่เมื่อร่างรธน.นี้ยังไม่มีการลงพระปรมาธิไธย จึงยังสามารถปรับแก้ไขได้
ส่วนที่ศาลเห็นว่า อำนาจแก้เป็นของกรธ. เนื่องจาก มาตรา 4 ของรธน.ฉบับชั่วคราว แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ที่ให้เพิ่มเติมเป็นความใน มาตรา 39/1 วรรคสิบ ของรธน. ฉบับชั่วคราว บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ก่อนนายกรัฐมนตรีนำร่างรธน.ขึ้นทูลเกล้าฯ ตามวรรคเก้า ให้กรธ. ดำเนินการปรับปรุงคำปรารภของร่างรธน. ให้สมบูรณ์ และสอดคล้องกับผลการลงประชามติ ดังนั้นกรธ.จึงสามารถแก้ไขปรับปรุงได้