ผู้จัดการรายวัน 360 - พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพวันที่ 11 พสกนิกรจากทั่วสารทิศมุ่งหน้าสนามหลวง แม้ฝนปรอยก็ไม่หวั่น ปธน.อินโดฯวางพวงมาลา “เจ้าสอง” แชมป์แบดฯเดนมาร์กลงนามทันทีที่ถึงไทย สำนักพระราชวังแจ้งการบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) วันที่ 27 ต.ค.นี้ มท.เผยยอดลงนามใน ตจว. 10 วัน 3 ล้านคน ที่ศาลาสหทัยฯอีก 3.6 แสนคน “ประยุทธ์” ประธานอำนวยการถวายพระเพลิงฯ "สตีเวน ซีกัล" พระเอกดังชู “ในหลวง” พระราชาที่ยิ่งใหญ่ กทม.ขีดเส้นหลัง2ทุ่มยุติแจกอาหาร “วิษณุ” แนะเครื่องแต่งกายเข้าถวายบังคมพระบรมศพ
วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.03 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯพร้อมด้วยคุณพลอยไพลิน เจนเซน ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ ในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
** ปธน.อินโดฯ-ภริยาถวายราชสักการะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าลงนามแสดงความอาลัยเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเป็นวันที่ 11 ได้มีประชาชนเดินทางมาเข้าแถวตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนเปิดเข้าพื้นที่ในเวลา 8.00 น. แม้จะมีฝนตกลงมาในช่วงบ่ายก็ตาม ก็ยังมีจำนวนผู้เข้าแสดงความอาลัยอย่างต่อเนื่อง
โดย น.ส.อนุสรา บานเทียน อายุ 17 ปี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงงานหนักเพื่อคนไทยทุกคน แม้ตนจะเกิดมาในช่วงที่ประเทศไทยเจริญแล้ว แต่ได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจจากสื่อต่างๆ มาโดยตลอด จึงรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
เมื่อเวลา 09.15 น. คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย เดินทางมาพร้อมกับ นายทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข นักกีฬาแบดมินตันไทย แชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ รายการ “โยเน็กซ์ เดนมาร์ก โอเพ่น 2016” คนล่าสุด และครอบครัวมาร่วมลงนามถวายความอาลัย หลังจากที่นายทนงศักดิ์ชูพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันคว้าแชมป์ เมื่อไม่กี่วันก่อน จนเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลก
และเมื่อเวลา 13.55 น. นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และภริยา ได้เข้าวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และลงนามถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาว่าการสำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ด้วย เช่นเดียวกับ นายบาลา การ์บา จาฮุมปา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม การงาน และการสื่อสาร ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามแกมเบีย นางกิลเลียน ทริกกส์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และ นายดาเนียล อาร์. รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ที่ได้มาวางพวงมาลาฯในวันเดียวกันนี้
** ปัณรสมวารครบ 15 วัน 27-28 ต.ค.นี้
สำนักพระราชวัง แจ้งว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. เวลา 17.00 น. จะมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ถวายแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีแต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ไว้ทุกข์ประดับเหรียญ
และในวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดถวายพระพร รับพระราชทานฉัน ประเคนผ้าไตรพระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา สดับปกรณ์ ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีแต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ไว้ทุกข์ ประดับเหรียญ สำหรับพระราชพิธีกุศลปัณรสมวาร เป็นการทำบุญอุทิศถวายแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระครบรอบวันสวรรคต ครบ 15 วัน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ด้วย
** 10 วันลงนามแสดงอาลัย 3.4 ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย สรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในพื้นที่ต่างจังหวัด (ไม่รวมที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร และในต่างประเทศ) โดยมียอดสะสมการลงนามแสดงความไว้อาลัยตั้งแต่วันที่ 14 - 24 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 3,079,265 ราย นอกจากนี้ กิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้แก่ กิจกรรมสวดอภิธรรม มีผู้เข้าร่วมจำนวน 277,448 คน และกิจกรรมทำบุญตักบาตร มีผู้เข้าร่วมจำนวน 44,567 คน
ด้าน สำนักพระราชวัง แจ้งสรุปจำนวนประชาชนที่มาร่วมลงนามฯที่ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 25ต.ค. รวมจำนวน 26,505 คน รวมมีประชาชนที่มาร่วมลงนามฯตั้งแต่วันที่ 15 - 25 ต.ค. รวมทั้งสิ้น 361,429 คน และยอดเงินถวายเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล ในวันที่ 25ต.ค. จำนวน 861,980บาท รวมยอดเงินที่ประชาชนถวายตั้งแต่วันที่ 15ต.ค.รวมจำนวนทั้งสิ้น 7,524,529.25บาท
** "นายกฯ” ปธ.อำนวยการถวายพระเพลิงฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทันทีที่เจอสื่อมวลชน ได้ยกมือไหว้ และกล่าวขอบคุณในการนำเสนอข่าวในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายกว่าช่วงสัปดาห์ก่อน
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์แถลงถึงความคืบหน้าการตั้งกรรมการและอนุกรรมการจัดเตรียมงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ขณะนี้ได้ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นหน่วยงานหลักและได้เสนอตั้งคณะกรรมการอำนวยการ โดยมีตนเป็นประธาน ซึ่งจะมีคณะกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมด้วย โดยจะมีการเรียกประชุมครั้งแรกเร็วๆ นี้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานแผนงานปฏิบัติในส่วนของพระบรมมหาราชวังในเรื่องพิธีการ เพราะถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจะต้องหารายละเอียดให้ได้มากที่สุดก่อนถึงจะจัดการประชุม
** "สตีเวน ซีกัล" ชู “ในหลวง” พระราชาที่ยิ่งใหญ่
ขณะที่ช่วงเช้าก่อนกาประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้ นางมาลี อุทัยเฉลิม ประธานที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมถ่ายแบบและผู้ประกอบการไทย นายเอ็ดเวิร์ด กิตติ ประธานแฟชั่นทีวีประเทศไทย และนายสตีเวน ซีกัล นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด เข้าเยี่ยมคารวะ
โดย นายสตีเวน ซีกัล เปิดเผยกับสื่อมวลชนภายหลังเข้าพบนายกฯ ระบุว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับคนไทยต่อการสูญเสีย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ ส่วนตัวมีความประทับใจในพระราชกรณียกิจที่ทรงทำงานเพื่อประชาชนคนไทยมาโดยตลอด ทรงช่วยเหลือชาวนาและทรงเป็นนักประดิษฐ์
“ผมอ่านหนังสือ และศึกษาเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสนใจเรื่องประเทศไทย สนใจมวยไทย และพยายามเรียนพูดภาษาไทย ผมเองรู้สึกผูกพันกับประเทศไทยหลายประการ รวมทั้งยังนับถือศาสนาพุทธมากว่า 40 ปี” นายสตีเวน ซีกัล ระบุ
นายสตีเวน ซีกัล ยังกล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Attrition Siam" ที่ถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งซีกัลได้แสดงและกำกับเอง โดยเนื้อหาเกี่ยวกับการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ในไทยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสะท้อนถึงความสวยงามของประเทศไทย วัฒนธรรมที่ดี และมวยไทย โดยมีความคิดมาจากในช่วงที่ไทยมีปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ จึงอยากสร้างภาพยนตร์ที่พระเอกมาเป็นผู้ปราบขบวนการค้ามนุษย์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทย
ภายหลังการเข้าพบนายกฯ นายสตีเวน ซีกัล ได้ลงนามน้อมเกล้าฯแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
** รับสั่งดูแล ปชช.เสมือนแขกของพระองค์
ในส่วนของบรรยากาศบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน ในเต๊นท์หน่วยงานมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ โดยตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงหน้าประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง
สำหรับอาหารพระราชทานมี 3 เวลา ประกอบด้วย อาหารเช้า เวลา 07.30 น. จำนวน 2,000 ชุด ซึ่งวันนี้พระราชทาน ก๊วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง อาหารกลางวัน เวลา 11.30 น. จำนวน 5,000 ชุด ได้แก่ ก๊วยเตี๋ยวต้มยำ และข้าวขาหมูตรอกซุง และอาหารเย็น เวลา 15.30น. จำนวน 5,000 ชุด พระราชทานข้าวแกงสับนก ไข่เค็ม โดยมีอาหารว่างพระราชทานในช่วงบ่ายได้แก่ ขนมไทยอาทิ ขนมตาล สาคูไส้หมู และน้ำสมุนไพรต่างๆ
เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเปิดเผยว่า ทรงมีรับสั่งกำชับไว้ว่า พสกนิกรที่มาเป็นแขกของพระองค์ ฉะนั้นต้องทำให้พสกนิกรได้รับความสะดวกสบายที่สุด ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด โดยในแต่ละวันจะเลือกเมนูสับเปลี่ยนกันไป เลือกให้ดีที่สุดเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.ผ่านการคัดสรรของห้องเครื่อง ซึ่งกองงานฯจะทำรายงานทูลเกล้าฯทุกวัน อย่างเช่น เมนูของวันที่ 26 ต.ค. มื้อเช้าจะเป็นข้าวเหนียวหมูฝอย มื้อเที่ยงเป็นข้าวหน้าไก่ชงกี่ และก๊วยเตี๋ยวหมูน้ำใส นครปฐม และมื้อเย็นเป็นข้าวคั่วกลิ้งผักสด และข้าวหมูอบ นอกจากนี้ยังมีอาหารว่างอย่างขนมไทย และน้ำดื่มสมุนไพรพระราชทานให้แก่ประชาชนด้วย
นอกจากอาหารพระราชทานแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเต๊นท์หน่วยงานราชวัลลภฯนั้น ยังได้จัดหน่วยแพทย์พระราชทานฯหมุนเวียนมาดูแลประชาชน ให้บริการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งการจ่ายยา และมีเตียงพยาบาล 5-6 เตียง เพื่อรองรับประชาชน พร้อมกันนี้ยังมีบริการรถพยาบาล 2 คัน สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินส่งต่อโรงพยาบาลใกล้เคียงด้วย ตั้งแต่เวลา 07.00 - 21.00 น. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังแจกริบบิ้นดำให้กับประชาชนชนอีกด้วย
** กทม.ขีดเส้นหลัง2ทุ่มยุติแจกอาหาร
เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่ารการการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังการประชุม กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ว่า เบื้องต้นพบว่ามีบางกิจกรรมที่ไม่เป็นระบบ โดยเฉพาะเรื่องหาบเร่ แผงลอย เริ่มมีการนำสินค้ามาจำหน่ายจำนวนมาก จนอาจกลายเป็นถนนคนเดิน และตลาดนัด ซึ่งถือว่าเป็นการมิบังควร จึงขอห้ามพ่อค้าแม่ค้าห้ามเอาสินค้ามาจำหน่ายโดยเด็ดขาด ทาง กทม.จะส่งทีมเทศกิจออกตรวจสอบอย่างเข้มงวด และหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้ามิบังควร ให้แจ้งมายังกองอำนวยการฯได้ ซึ่งจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่จับกุมทันที นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือทุกองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน งดกิจกรรมเปิดโรงทาน และแจกอาหาร ภายหลังจากเวลา 20.00 น.เป็นต้นไป เพราะที่ผ่านมามีการแจกทั้งคืน ทั้งที่การเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯสิ้นสุดแค่เวลา19.00 น.เท่านั้น แต่อนุญาตให้แจกจ่ายเฉพาะน้ำดื่มได้ ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในงานพระราชพิธี
“ใครที่คิดอะไรไม่ดี อย่ากระทำเด็ดขาด เพราะขณะนี้ในบริเวณงานและบริเวณโดยรอบมีการติดกล้องวงจรปิดทุกจุด และขอเตือนจักรยานยนต์ที่แอบแฝงมากับจิตอาสา มาหากินแค่ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้ามาที่คอสะพานที่จะมาสนามหลวง ก็คิดเขาถึง100 บาท หากมีปัญหาให้แจ้งมา ทางกองอำนวยการฯจะไม่ยอมเด็ดขาดและจะลงโทษขั้นเด็ดขาด" พล.ต.ท.อำนวย กล่าว
** เตรียมรับคลื่นมหาชน 29 ต.ค.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช.ว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.ได้ให้ความสำคัญเรื่องการเตรียมรับรองและอำนวยความสะดวกประชาชน ตามที่สำนักพระราชวังกำหนดเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.นี้ โดยได้สั่งการให้ กอร.รส.เตรียมการบริหารจัดการในทุกมิติให้เกิดความเรียบร้อย และสามารถรองรับคลื่นมหาชนได้อย่างเหมาะสม
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มีความห่วงใยเรื่องอาหารที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่สนามหลวง มอบหมายให้ คสช. เข้าช่วยบริหารจัดการการผลิตและแจกจ่ายอาหารให้เหมาะสมทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดย กอร.รส.จะได้หารือกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับระบบการรับผลิตและแจกจ่ายอาหารในแต่ละวันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามหากประชาชนที่ประสงค์สนับสนุนด้านอาหารอาจนำอาหารแห้งหรือวัตถุดิบที่เก็บไว้ได้นานมามอบให้เจ้าหน้าที่แทนอาหารสด เพื่อเก็บไว้นำไปประกอบอาหารในวันต่อไป
** ศธ.ระดมลูกเสือจิตอาสาบริการประชาชน
ด้าน นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนจำนวนมากที่เดินทางเข้าไปยังบริเวณท้องสนามหลวง
และเป็นการฝึกปฏิบัติเรื่องมีจิตอาสาของลูกเสือ เนตรนารีและยุวกาชาด จึงได้มอบให้สำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน ร่วมกับ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพภาคที่ 1 ระดมลูกเสือเหล่าต่างๆ ยุวกาชาดและเนตรนารี จิตอาสา มาบำเพ็ญประโยชน์ทำความดีช่วยเหลือประชาชนที่ไปถวายสักการะพระบรมศพฯที่บริเวณสนามหลวง มีภารกิจอาทิ การจราจร การปฐมพยาบาล และการดูแลผู้ป่วย เป็นต้น
** “วิษณุ” แจงเครื่องแต่งกายผู้หญิงเข้าเขตวัง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งกายในการเข้าถวายบังคมพระบรมศพฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในวันที่ 29ต.ค.นี้ว่า มีทั้งภาคบังคับและคำแนะนำ ในภาคบังคับจะต่างกับการเข้าไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ แต่เป็นการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยตรง ซึ่งตรงนั้นเป็นพระที่นั่ง เคยประดิษฐานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินมา8รัชกาล และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้น การแต่งกายภาคบังคับคือห้ามผู้หญิงนุ่งกางเกง ทั้งขายาวและขาสั้น แต่ให้นุ่งกระโปรงหรือผ้าถุง เว้นแต่เป็นเครื่องแบบ เช่น ชุดนักเรียน อีกทั้งไม่ควรใส่รองเท้าเตะ ไม่นุ่งกางเกงยีนส์ และควรใช้สีไว้ทุกข์สีดำหรือสีขาวติดโบว์ อย่างไรก็ตามหากเป็นเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ห้างดีพาร์ทเม้นสโตร์ที่แต่งชุดสีเขียว ม่วง แดง ก็ไม่ว่ากัน เพราะต้องทำงาน แต่ให้ติดโบว์ดำ แต่ถ้าเข้าแถวไปถวายบังคมอาจเป็นมนุษย์ประหลาดได้ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ผู้แต่งอาจไม่มีความสุขเอง
“ขอให้การแต่งกายในภาพรวมให้สุภาพเข้าไว้ เสื้อควรจะคลุมไหล่ เพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจเป็นเสื้อดำคอกระเช้า ขณะที่ผู้ชายแนะนำว่าหากสวมเสื้อสีขาวควรผูกเนคไทน์สีดำ และถ้าใส่เสื้อนอกได้ก็จะดูสวยงาม เชื่อว่าจะมีคนจ้องถ่ายภาพและเผยแพร่คลิปจำนวนมาก หากแต่งกายประหลาดจะถูกมองเป็นปมด้อยเอง ส่วนข้อควรระวังในการขึ้นลง ชาวบ้านควรขึ้นลงทางพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านหน้าซึ่งบันไดแคบมาก แต่เชื่อว่าจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำเบื้องต้นขอให้มองชำเลืองทางซ้ายหากเห็นพระราชอาสน์มีผ้าคลุมไว้ ก็ควรคำนับและถอนสายบัว เมื่อเข้าไปควรกราบพระบรมศพโดยนั่งพับเพียบกราบ1ครั้ง ไม่แบมือ เมื่อเสร็จอาจจะหันไปทางซ้ายเพียงเล็กน้อยแล้วกราบพระ3 ครั้งจากนั้นก็เดินทางกลับ” นายวิษณุ ระบุ.
วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.03 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯพร้อมด้วยคุณพลอยไพลิน เจนเซน ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ ในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
** ปธน.อินโดฯ-ภริยาถวายราชสักการะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าลงนามแสดงความอาลัยเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเป็นวันที่ 11 ได้มีประชาชนเดินทางมาเข้าแถวตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนเปิดเข้าพื้นที่ในเวลา 8.00 น. แม้จะมีฝนตกลงมาในช่วงบ่ายก็ตาม ก็ยังมีจำนวนผู้เข้าแสดงความอาลัยอย่างต่อเนื่อง
โดย น.ส.อนุสรา บานเทียน อายุ 17 ปี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงงานหนักเพื่อคนไทยทุกคน แม้ตนจะเกิดมาในช่วงที่ประเทศไทยเจริญแล้ว แต่ได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจจากสื่อต่างๆ มาโดยตลอด จึงรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
เมื่อเวลา 09.15 น. คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย เดินทางมาพร้อมกับ นายทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข นักกีฬาแบดมินตันไทย แชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ รายการ “โยเน็กซ์ เดนมาร์ก โอเพ่น 2016” คนล่าสุด และครอบครัวมาร่วมลงนามถวายความอาลัย หลังจากที่นายทนงศักดิ์ชูพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันคว้าแชมป์ เมื่อไม่กี่วันก่อน จนเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลก
และเมื่อเวลา 13.55 น. นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และภริยา ได้เข้าวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และลงนามถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาว่าการสำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ด้วย เช่นเดียวกับ นายบาลา การ์บา จาฮุมปา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม การงาน และการสื่อสาร ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามแกมเบีย นางกิลเลียน ทริกกส์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และ นายดาเนียล อาร์. รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ที่ได้มาวางพวงมาลาฯในวันเดียวกันนี้
** ปัณรสมวารครบ 15 วัน 27-28 ต.ค.นี้
สำนักพระราชวัง แจ้งว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. เวลา 17.00 น. จะมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ถวายแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีแต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ไว้ทุกข์ประดับเหรียญ
และในวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดถวายพระพร รับพระราชทานฉัน ประเคนผ้าไตรพระ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา สดับปกรณ์ ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีแต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ไว้ทุกข์ ประดับเหรียญ สำหรับพระราชพิธีกุศลปัณรสมวาร เป็นการทำบุญอุทิศถวายแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระครบรอบวันสวรรคต ครบ 15 วัน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ด้วย
** 10 วันลงนามแสดงอาลัย 3.4 ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย สรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในพื้นที่ต่างจังหวัด (ไม่รวมที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร และในต่างประเทศ) โดยมียอดสะสมการลงนามแสดงความไว้อาลัยตั้งแต่วันที่ 14 - 24 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 3,079,265 ราย นอกจากนี้ กิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้แก่ กิจกรรมสวดอภิธรรม มีผู้เข้าร่วมจำนวน 277,448 คน และกิจกรรมทำบุญตักบาตร มีผู้เข้าร่วมจำนวน 44,567 คน
ด้าน สำนักพระราชวัง แจ้งสรุปจำนวนประชาชนที่มาร่วมลงนามฯที่ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 25ต.ค. รวมจำนวน 26,505 คน รวมมีประชาชนที่มาร่วมลงนามฯตั้งแต่วันที่ 15 - 25 ต.ค. รวมทั้งสิ้น 361,429 คน และยอดเงินถวายเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล ในวันที่ 25ต.ค. จำนวน 861,980บาท รวมยอดเงินที่ประชาชนถวายตั้งแต่วันที่ 15ต.ค.รวมจำนวนทั้งสิ้น 7,524,529.25บาท
** "นายกฯ” ปธ.อำนวยการถวายพระเพลิงฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทันทีที่เจอสื่อมวลชน ได้ยกมือไหว้ และกล่าวขอบคุณในการนำเสนอข่าวในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายกว่าช่วงสัปดาห์ก่อน
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์แถลงถึงความคืบหน้าการตั้งกรรมการและอนุกรรมการจัดเตรียมงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ขณะนี้ได้ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นหน่วยงานหลักและได้เสนอตั้งคณะกรรมการอำนวยการ โดยมีตนเป็นประธาน ซึ่งจะมีคณะกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมด้วย โดยจะมีการเรียกประชุมครั้งแรกเร็วๆ นี้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานแผนงานปฏิบัติในส่วนของพระบรมมหาราชวังในเรื่องพิธีการ เพราะถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจะต้องหารายละเอียดให้ได้มากที่สุดก่อนถึงจะจัดการประชุม
** "สตีเวน ซีกัล" ชู “ในหลวง” พระราชาที่ยิ่งใหญ่
ขณะที่ช่วงเช้าก่อนกาประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้ นางมาลี อุทัยเฉลิม ประธานที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมถ่ายแบบและผู้ประกอบการไทย นายเอ็ดเวิร์ด กิตติ ประธานแฟชั่นทีวีประเทศไทย และนายสตีเวน ซีกัล นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด เข้าเยี่ยมคารวะ
โดย นายสตีเวน ซีกัล เปิดเผยกับสื่อมวลชนภายหลังเข้าพบนายกฯ ระบุว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับคนไทยต่อการสูญเสีย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ ส่วนตัวมีความประทับใจในพระราชกรณียกิจที่ทรงทำงานเพื่อประชาชนคนไทยมาโดยตลอด ทรงช่วยเหลือชาวนาและทรงเป็นนักประดิษฐ์
“ผมอ่านหนังสือ และศึกษาเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสนใจเรื่องประเทศไทย สนใจมวยไทย และพยายามเรียนพูดภาษาไทย ผมเองรู้สึกผูกพันกับประเทศไทยหลายประการ รวมทั้งยังนับถือศาสนาพุทธมากว่า 40 ปี” นายสตีเวน ซีกัล ระบุ
นายสตีเวน ซีกัล ยังกล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Attrition Siam" ที่ถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งซีกัลได้แสดงและกำกับเอง โดยเนื้อหาเกี่ยวกับการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ในไทยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสะท้อนถึงความสวยงามของประเทศไทย วัฒนธรรมที่ดี และมวยไทย โดยมีความคิดมาจากในช่วงที่ไทยมีปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ จึงอยากสร้างภาพยนตร์ที่พระเอกมาเป็นผู้ปราบขบวนการค้ามนุษย์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทย
ภายหลังการเข้าพบนายกฯ นายสตีเวน ซีกัล ได้ลงนามน้อมเกล้าฯแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
** รับสั่งดูแล ปชช.เสมือนแขกของพระองค์
ในส่วนของบรรยากาศบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน ในเต๊นท์หน่วยงานมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ โดยตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงหน้าประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง
สำหรับอาหารพระราชทานมี 3 เวลา ประกอบด้วย อาหารเช้า เวลา 07.30 น. จำนวน 2,000 ชุด ซึ่งวันนี้พระราชทาน ก๊วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง อาหารกลางวัน เวลา 11.30 น. จำนวน 5,000 ชุด ได้แก่ ก๊วยเตี๋ยวต้มยำ และข้าวขาหมูตรอกซุง และอาหารเย็น เวลา 15.30น. จำนวน 5,000 ชุด พระราชทานข้าวแกงสับนก ไข่เค็ม โดยมีอาหารว่างพระราชทานในช่วงบ่ายได้แก่ ขนมไทยอาทิ ขนมตาล สาคูไส้หมู และน้ำสมุนไพรต่างๆ
เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเปิดเผยว่า ทรงมีรับสั่งกำชับไว้ว่า พสกนิกรที่มาเป็นแขกของพระองค์ ฉะนั้นต้องทำให้พสกนิกรได้รับความสะดวกสบายที่สุด ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด โดยในแต่ละวันจะเลือกเมนูสับเปลี่ยนกันไป เลือกให้ดีที่สุดเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.ผ่านการคัดสรรของห้องเครื่อง ซึ่งกองงานฯจะทำรายงานทูลเกล้าฯทุกวัน อย่างเช่น เมนูของวันที่ 26 ต.ค. มื้อเช้าจะเป็นข้าวเหนียวหมูฝอย มื้อเที่ยงเป็นข้าวหน้าไก่ชงกี่ และก๊วยเตี๋ยวหมูน้ำใส นครปฐม และมื้อเย็นเป็นข้าวคั่วกลิ้งผักสด และข้าวหมูอบ นอกจากนี้ยังมีอาหารว่างอย่างขนมไทย และน้ำดื่มสมุนไพรพระราชทานให้แก่ประชาชนด้วย
นอกจากอาหารพระราชทานแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเต๊นท์หน่วยงานราชวัลลภฯนั้น ยังได้จัดหน่วยแพทย์พระราชทานฯหมุนเวียนมาดูแลประชาชน ให้บริการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งการจ่ายยา และมีเตียงพยาบาล 5-6 เตียง เพื่อรองรับประชาชน พร้อมกันนี้ยังมีบริการรถพยาบาล 2 คัน สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินส่งต่อโรงพยาบาลใกล้เคียงด้วย ตั้งแต่เวลา 07.00 - 21.00 น. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังแจกริบบิ้นดำให้กับประชาชนชนอีกด้วย
** กทม.ขีดเส้นหลัง2ทุ่มยุติแจกอาหาร
เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่ารการการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังการประชุม กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ว่า เบื้องต้นพบว่ามีบางกิจกรรมที่ไม่เป็นระบบ โดยเฉพาะเรื่องหาบเร่ แผงลอย เริ่มมีการนำสินค้ามาจำหน่ายจำนวนมาก จนอาจกลายเป็นถนนคนเดิน และตลาดนัด ซึ่งถือว่าเป็นการมิบังควร จึงขอห้ามพ่อค้าแม่ค้าห้ามเอาสินค้ามาจำหน่ายโดยเด็ดขาด ทาง กทม.จะส่งทีมเทศกิจออกตรวจสอบอย่างเข้มงวด และหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้ามิบังควร ให้แจ้งมายังกองอำนวยการฯได้ ซึ่งจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่จับกุมทันที นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือทุกองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน งดกิจกรรมเปิดโรงทาน และแจกอาหาร ภายหลังจากเวลา 20.00 น.เป็นต้นไป เพราะที่ผ่านมามีการแจกทั้งคืน ทั้งที่การเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯสิ้นสุดแค่เวลา19.00 น.เท่านั้น แต่อนุญาตให้แจกจ่ายเฉพาะน้ำดื่มได้ ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในงานพระราชพิธี
“ใครที่คิดอะไรไม่ดี อย่ากระทำเด็ดขาด เพราะขณะนี้ในบริเวณงานและบริเวณโดยรอบมีการติดกล้องวงจรปิดทุกจุด และขอเตือนจักรยานยนต์ที่แอบแฝงมากับจิตอาสา มาหากินแค่ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้ามาที่คอสะพานที่จะมาสนามหลวง ก็คิดเขาถึง100 บาท หากมีปัญหาให้แจ้งมา ทางกองอำนวยการฯจะไม่ยอมเด็ดขาดและจะลงโทษขั้นเด็ดขาด" พล.ต.ท.อำนวย กล่าว
** เตรียมรับคลื่นมหาชน 29 ต.ค.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช.ว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.ได้ให้ความสำคัญเรื่องการเตรียมรับรองและอำนวยความสะดวกประชาชน ตามที่สำนักพระราชวังกำหนดเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.นี้ โดยได้สั่งการให้ กอร.รส.เตรียมการบริหารจัดการในทุกมิติให้เกิดความเรียบร้อย และสามารถรองรับคลื่นมหาชนได้อย่างเหมาะสม
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มีความห่วงใยเรื่องอาหารที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่สนามหลวง มอบหมายให้ คสช. เข้าช่วยบริหารจัดการการผลิตและแจกจ่ายอาหารให้เหมาะสมทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดย กอร.รส.จะได้หารือกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับระบบการรับผลิตและแจกจ่ายอาหารในแต่ละวันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามหากประชาชนที่ประสงค์สนับสนุนด้านอาหารอาจนำอาหารแห้งหรือวัตถุดิบที่เก็บไว้ได้นานมามอบให้เจ้าหน้าที่แทนอาหารสด เพื่อเก็บไว้นำไปประกอบอาหารในวันต่อไป
** ศธ.ระดมลูกเสือจิตอาสาบริการประชาชน
ด้าน นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนจำนวนมากที่เดินทางเข้าไปยังบริเวณท้องสนามหลวง
และเป็นการฝึกปฏิบัติเรื่องมีจิตอาสาของลูกเสือ เนตรนารีและยุวกาชาด จึงได้มอบให้สำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน ร่วมกับ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพภาคที่ 1 ระดมลูกเสือเหล่าต่างๆ ยุวกาชาดและเนตรนารี จิตอาสา มาบำเพ็ญประโยชน์ทำความดีช่วยเหลือประชาชนที่ไปถวายสักการะพระบรมศพฯที่บริเวณสนามหลวง มีภารกิจอาทิ การจราจร การปฐมพยาบาล และการดูแลผู้ป่วย เป็นต้น
** “วิษณุ” แจงเครื่องแต่งกายผู้หญิงเข้าเขตวัง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งกายในการเข้าถวายบังคมพระบรมศพฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในวันที่ 29ต.ค.นี้ว่า มีทั้งภาคบังคับและคำแนะนำ ในภาคบังคับจะต่างกับการเข้าไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ แต่เป็นการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยตรง ซึ่งตรงนั้นเป็นพระที่นั่ง เคยประดิษฐานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินมา8รัชกาล และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้น การแต่งกายภาคบังคับคือห้ามผู้หญิงนุ่งกางเกง ทั้งขายาวและขาสั้น แต่ให้นุ่งกระโปรงหรือผ้าถุง เว้นแต่เป็นเครื่องแบบ เช่น ชุดนักเรียน อีกทั้งไม่ควรใส่รองเท้าเตะ ไม่นุ่งกางเกงยีนส์ และควรใช้สีไว้ทุกข์สีดำหรือสีขาวติดโบว์ อย่างไรก็ตามหากเป็นเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ห้างดีพาร์ทเม้นสโตร์ที่แต่งชุดสีเขียว ม่วง แดง ก็ไม่ว่ากัน เพราะต้องทำงาน แต่ให้ติดโบว์ดำ แต่ถ้าเข้าแถวไปถวายบังคมอาจเป็นมนุษย์ประหลาดได้ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ผู้แต่งอาจไม่มีความสุขเอง
“ขอให้การแต่งกายในภาพรวมให้สุภาพเข้าไว้ เสื้อควรจะคลุมไหล่ เพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจเป็นเสื้อดำคอกระเช้า ขณะที่ผู้ชายแนะนำว่าหากสวมเสื้อสีขาวควรผูกเนคไทน์สีดำ และถ้าใส่เสื้อนอกได้ก็จะดูสวยงาม เชื่อว่าจะมีคนจ้องถ่ายภาพและเผยแพร่คลิปจำนวนมาก หากแต่งกายประหลาดจะถูกมองเป็นปมด้อยเอง ส่วนข้อควรระวังในการขึ้นลง ชาวบ้านควรขึ้นลงทางพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านหน้าซึ่งบันไดแคบมาก แต่เชื่อว่าจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำเบื้องต้นขอให้มองชำเลืองทางซ้ายหากเห็นพระราชอาสน์มีผ้าคลุมไว้ ก็ควรคำนับและถอนสายบัว เมื่อเข้าไปควรกราบพระบรมศพโดยนั่งพับเพียบกราบ1ครั้ง ไม่แบมือ เมื่อเสร็จอาจจะหันไปทางซ้ายเพียงเล็กน้อยแล้วกราบพระ3 ครั้งจากนั้นก็เดินทางกลับ” นายวิษณุ ระบุ.