xs
xsm
sm
md
lg

โทษทางสังคมกลุ่มหมิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา

ช่วงพระราชพิธีแสดงความไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ คนไทยทั้งประเทศอยู่ระหว่างความโศกเศร้าอาดูร ไม่ควรมีความเคลื่อนไหวใดที่จะสร้างความไม่สงบสอดแทรก แต่คนบางกลุ่มกลับไม่หยุดพฤติกรรมที่นำมาซึ่งความวุ่นวาย

แม้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควรพูดถึงปัญหาความวุ่นวายใจต่างๆ ไม่สมควรพูดถึงพฤติกรรมของคนบางกลุ่ม แต่เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า ขบวนการจาบจ้างสถาบันได้ออกมาเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศ ทั้งที่อยู่ในช่วงพระราชพิธี จนรัฐบาลต้องประกาศที่จะจัดการ

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายมาตรา 112 เปิดเผยว่า ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อติดตามผู้กระทำความผิดตามมาตรา112

กลุ่มผู้กระทำผิดมาตรา 112 เป็นกลุ่มเก่า มีประมาณ 6-7 กลุ่ม ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า อยู่ระหว่างการติดตามว่า ผู้ต้องหาคดี112 เคลื่อนไหวอยู่ประเทศใด เพื่อส่งหนังสือไปยังทูตไทยประจำประเทศนั้น แต่การที่จะขอให้แต่ละประเทศส่งตัวผู้ต้องหาคดี 112นั้นไม่ง่าย

ส่วนเว็บไซต์หมิ่นสถาบันนั้น รัฐบาลได้เรียกร้องให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่อง หากพบเบาะแสการกระทำความผิดแจ้งเข้ามาที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่คนไทยทั้งประเทศหลอมรวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อร่วมในพระราชพิธีแสดวงความไว้อาลัยพระองค์ท่าน แต่กลับมีคนเพียงหยิบมือเดียวออกมาจาบจ้างสถาบัน

ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หนีไปอยู่ต่างประเทศออกมาเคลื่อนไหว จนคนที่มีความจงรักภักดีไม่อาจทนได้ ต้องรุมประณาม

ส่วนภายในประเทศ คนที่หลงผิดเพราะงมงายทางการเมือง ออกมาก่อพฤติการณ์จาบจ้าง ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ปลุกให้ประชาชนต้องลุกฮือต่อต้าน จนนำไปสู่ความวุ่นวาย และเสี่ยงที่จะนำไปสู่เหตุร้าย เช่นกรณีคนขายน้ำเต้าหู้ที่ จังหวัดภูเก็ต หรือกรณี “มนุษย์ป้า” ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี

คนที่ออกมาจาบจ้างสถาบันในหลายพื้นที่ น่าจะเป็นกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของการมอมเมาทางการเมือง จนเกิดความหลงผิดอย่างร้ายแรง โดยคนเหล่านี้อาจเคยแสดงพฤติกรรมจาบจ้วงมาก่อน

แต่รัฐบาลชุดก่อนๆ ไม่ได้ปราบปรามคนที่จาบจ้วงสถาบันอย่างจริงจัง จนนำไปสู่ความเหิมเกริม ไม่คิดว่า จะมีใครทำอะไรได้ โดยลืมไปว่า สถานการณ์เปลี่ยนไป ลืมไปว่า รัฐบาลที่ปล่อยปละละเลยต่อการหมิ่นสถาบันไม่ได้บริหารประเทศแล้ว

และลืมไปว่า คนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านอยู่ระหว่างความโศกเศร้า เมื่อกลุ่มจาบจ้วงแสดงตัว แสดงความเหิมเกริม ไม่รู้ว่าสิ่งใดไม่บังควร ไม่สำนึกว่า ทั้งประเทศอยู่ระหว่างช่วงเวลาแสดงความไว้อาลัย จึงถูกลุกฮือต่อต้านอย่างฉับพลัน

กลุ่มคนที่หมิ่นสถาบัน ถ้าอยู่ในประเทศไทย คงไม่สามารถลอยนวลเหมือนอดีตแล้ว เพราะนอกจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเอาจริงกับคดีมาตรา 112 แล้ว ประชาชนที่มีความจงรักภักดี ยังไม่ยอมปล่อยให้คนที่จาบจ้วงมีที่ยืนอีกต่อไป โดยพร้อมจะลุกฮือขึ้นมาใช้มาตรการลงโทษทางสังคม ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในหลายกรณี ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว

การลุกฮือของประชาชน เพื่อดำเนินบทลงโทษทางสังคม จัดการกลุ่มหมิ่นสถาบันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คงหยุดความเหิมเกริมของกลุ่มผู้หลงผิดทางการเมืองได้ และภายในประเทศ ไม่น่าจะมีใครออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วง โดยเฉพาะในช่วงพระราชพิธีแสดงความไว้อาลัย

แต่กลุ่มผู้ต้องหาคดี112ที่หนีออกไปอยู่ต่างประเทศ และอาศัยแผ่นดินของคนอื่น โจมตีทำลายแผ่นดินเกิดของตัวเอง ยังไม่มีมาตรการใดที่จะจัดการ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะหมดหนทางที่จะจัดการกับ “ตัวร้าย” เหล่านี้

กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศไม่ควรถอดใจ ในการประสานความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการส่งตัวผู้ร้ายคดี 112 กลับมาลงโทษ ต้องยืนยันและตอกย้ำความต้องการของรัฐบาลไทย อธิบายให้แต่ละประเทศเห็นถึงการทำลายความมั่นคงและพฤติกรรมที่เป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศของคนกลุ่มนี้

อย่างน้อยก็อาจได้รับความร่วมมือจากแต่ละประเทศ ไม่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มผู้ต้องหาคดี 112 เคลื่อนไหว

ส่วนคนที่มีความจงรักภักดีซึ่งอยู่ต่างแดน ยังใช้มาตรการลงโทษทางสังคม จัดการกับพวกหมิ่นที่มุดหัวอยู่นอกประเทศได้ เช่นเดียวกับประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งตามล่าและใช้บทลงโทษทางสังคมจัดการพวกจาบจ้วงจนอยู่หมัด

คนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถูกทำร้ายจิตใจประชาชนมานานแล้ว จนความอดกลั้นถึงจุดระเบิด และนำไปสู่การใช้บทลงโทษทางสังคมขั้นเด็ดขาด จัดการกับกลุ่มจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในช่วงนี้

เหลือแต่กลุ่มผู้ต้องหาคดี112 นอกประเทศเท่านั้นที่รอเวลาถูกจัดการอย่างเด็ดขาด


กำลังโหลดความคิดเห็น