ผู้จัดการรายวัน 360 - พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ วันที่ 5 นายกฯย้ำการสืบราชสันตติวงศ์เป็นไปตาม รธน.-กฎมณเฑียรบาล-ราชประเพณี คาดผ่านช่วง 7-15 วันนี้มีความเหมาะสม เผย “ในหลวง ร.9” ยังไม่ทรงเห็นชอบคำต่อท้าย “มหาราช” ระบุยังใช้ไม่ได้ แต่ รบ.เตรียมทำตามขั้นตอนแล้ว เช่นเดียวกับพระบรมราชานุสาวรีย์ ที่ต้องทำถวาย ก.วัฒนธรรมเตรียมบุคลากรออกแบบ-จัดสร้างพระเมรุมาศ
วานนี้ (18 ต.ค.) วันที่ 5 ของพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เมื่อเวลา 19.23 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในการนี้ คุณพลอยไพลิน และคุณสิริกิติยา เจนเซน ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีเดินทาง มาร่วมในพระราชพิธีด้วย
ก่อนหน้านี้ เวลา 07.06 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง บำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม ในการนี้ คุณพลอยไพลิน เจนเซน ร่วมพระราชพิธีด้วย
จากนั้น เวลา 11.00น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จฯพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มาบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมด้วย
** ย้ำการสืบราชสันตติวงศ์เป็นไปตาม รธน.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับขั้นตอนการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ขออย่ากังวล ลังเล หรือสงสัยใดๆในเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาล และจารีตประเพณี เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วันไปแล้วระยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ระหว่างนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะได้ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนในส่วนเท่าที่จำเป็น ส่วนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่จะทรงลงพระปรมาภิไธยภายในกรอบเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยจะไม่กระทบต่อปฏิทินการทำงานหรือโรดแมปเป็นอันขาด
** ยังไม่ใช้คำต่อท้าย “มหาราช”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการการถวายคำต่อท้าย "มหาราช" แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยว่า เป็นไปตามกฎหมายและวิธีดำเนินการของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลในอดีตเคยเสนอพระองค์ท่านไปแล้ว แต่พระองค์ยังไม่เห็นชอบ พร้อมรับสั่งว่าเป็นเรื่องของประชาชนและรัฐบาลที่จะทำต่อไป ซึ่งรัฐบาลทำอยู่ในขั้นตอนอยู่แล้ว ดังนั้น คำว่า "มหาราช" จึงยังใช้ไม่ได้ในตอนนี้ ไม่ใช่ไม่อยากใช้ แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน
** แจงขั้นตอนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์
สำหรับการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถทำได้ในเวลานี้ ขณะนี้มีหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วนอยากสร้าง ซึ่งมีขั้นตอนอยู่แล้ว จึงต้องรอให้เกิดความชัดเจนก่อน และทุกอย่างต้องมีการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จึงถือว่ายังไม่เหมาะสมในเวลานี้ โดยรัฐบาลต้องทำถวายอยู่แล้ว และประชาชนก็ต้องมีส่วนร่วมในเวลาที่เหมาะสม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และฝ่ายศาสนา โดยสิ่งที่ฝ่ายศาสนาได้ให้แนวทางเพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชน คือ สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำไว้ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์นั้น ในด้านศาสนาถือว่า ได้บำเพ็ญพระองค์ในลักษณะที่พระโพธิสัตว์ ได้กระทำไว้ อาทิ พระมหาชนกที่ทรงเสียสละเพื่อคนอื่นและทำให้บ้านเมือง พระองค์ท่านจึงเปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเสด็จถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ว่า พระองค์ท่านทรงเขียนคำไว้อาลัยไว้ในสมุดคำอาลัยที่แปลได้ว่า การเสด็จสวรรคตเปรียบเหมือนการเข้าสู่นิพพานเพื่อไปสู่การเป็นพระธรรมราชา ซึ่งเป็นหลักการของภูฏาน.
** ชี้สื่อต่างชาติสับสนสืบราชสมบัติ
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สื่อต่างประเทศอาจจะสับสนในเรื่องพระราชพิธีสืบราชสันตติวงศ์ จนมีการเสนอข่าวที่กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยว่า ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้ประชาสัมพันธ์ร่วมกับสถานีโทรทัศน์และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อถอดคำชี้แจงของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในเรื่องดังกล่าวคำต่อคำ โดยจะส่งให้สถานีโทรทัศน์ต่างประเทศได้ออกอากาศเผยแพร่ในช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากสื่อต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อมายังกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อขอข้อมูล รวมถึงสามารถโหลดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของกรมประชาสัมพันธ์ได้ ขณะเดียวกัน กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในทุกประเด็น
** เตรียมบุคลากรจัดสร้างพระเมรุมาศ
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ประชุมเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้มอบหมายให้กรมศิลปากร เตรียมความพร้อมซักซ้อมบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปกรรมไทย และรวบรวมองค์ความรู้ในการออกแบบและจัดสร้างพระเมรุมาศ รวมทั้งการบูรณะราชรถ ราชยาน เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ องค์ประกอบประดับพระเมรุมาศ ในส่วนของสำนักสถาปัตยกรรม สำนักช่างสิบหมู่ และ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนการจัดสร้างฉากบังเพลิง จะมอบให้สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มาร่วมดำเนินการ ทั้งนี้ วธ. พร้อมเปิดให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสมด้วย.
** "ดีเอสไอ-ศตส." ติดตามแก๊งโพสต์หมิ่นฯ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม.ถึงกรณีที่มีบุคคลแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหมิ่นสถาบันในช่วงนี้ ว่า ตนได้เรียก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาพูดคุยเรื่องนี้แล้ว ขณะที่กระทรวงยุติธรรมจัดตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยให้อธิบดีดีเอสไอเป็นฝ่ายเลขานุการ ติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ รวมถึงมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงการต่างประเทศ ทำงานร่วมกัน โดยอธิบดีดีเอสไอจะประสานงานกับชุดของศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์(ศตส.) ที่จะเกาะติดตามเรื่องของการหมิ่นสถาบัน ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ ด้วยโดยรายชื่อทั้งหมดเป็นกลุ่มเก่าประมาณ 6-7 กลุ่ม ซึ่งตนได้สั่งการอธิบดีดีเอสไอไปแล้วว่าให้ไปตรวจสอบว่ากลุ่มดังกล่าวอยู่ประเทศใดบ้าง แล้วตนจะส่งหนังสือไปถึงยังสถานเอกอัครทูตในประเทศที่มีข้อมูลให้รับทราบว่ากลุ่มดังกล่าวไปเคลื่อนไหวในประเทศนั้นๆโดยชี้แจงเหตุผลไปว่าขอความเห็นใจและความเป็นมิตรประเทศ และความรู้สึกความเคารพต่อกัน ในลักษณะขอความร่วมมือโดยไม่ละเมิดกฎหมายประเทศนั้นๆ
เมื่อถามถึงกรณีการโพสต์หมิ่นสถาบันที่ จ.ภูเก็ต จะดูแลอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ามาตรการทางสังคม หลายคนที่ไปเคลื่อนไหวต่างประเทศเชื่อว่าส่วนหนึ่งยังไม่คนที่เคารพรักใหญ่ เมื่อถามอีกว่ากระทรวงยุติธรรมได้ติดตามการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศอย่างไรบ้าง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้อธิบดีดีเอสไอประสานกับกระทรวงต่างประเทศ ในการติดตามดูแล ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่ามีสื่อต่างประเทศจำนวนเท่าใดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะ เนื่องจากกระทรวงต่างประเทศติดตามอยู่
** คสช.ห่วงคนไทยทำร้ายกันเอง
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า หลังจาก ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ในห้วงที่คนไทยเดินทางมาถวายความอาลัยที่พระบรมมหาราชวัง ได้มอบหมายให้กองทัพบกดูแลความสงบเรียบร้อย และ ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคมช.ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบการปฏิบัติให้เกิดความเรียบร้อย
พ.อ.ปิยพงศ์ ยังกล่าวถึงมาตรการป้องกันความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มคนที่เข้าไปล้อมกรอบบุคคลที่โพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า เท่าที่ตรวจสอบพบว่าเกิดเหตุดังกล่าวแล้ว 3กรณีที่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพังงา ซึ่ง คสช.มีความเป็นห่วงว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม รวดเร็ว แยกตัวบุคคลที่โพสต์หมิ่นออกมาเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย ในขณะนี้คงไม่มีใครอยากเห็นคนไทยใช้กำลังทำร้ายกัน หรือทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการนำบุคคลนั้นไปขอขมาในสถานที่ที่ล่อแหลม เสี่ยงที่จะถูกทำร้าย หากเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยก็ควรเลือกเวลาที่เหมาะสมในห้วงเวลาอื่น
** ก.ดิจิทัลฯรับแจ้งเบาะแสเว็บหมิ่นฯ
พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานในที่ประชุมว่า ช่วงที่ผ่านมาได้รับรายงานเรื่องเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบัน และแจ้งไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว ทางกระทรวงจึงได้มีการปราบปรามและควบคุม โดยขณะนี้ยอดที่แจ้งมามีจำนวนลดลง ซึ่งกรณีนี้ถ้ามีผู้ใดพบเห็นเว็บไซต์ที่ไม่สมควรจะเผยแพร่ ให้แจ้งมาที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหมายเลข 02-505-8898 โดยจะมีการดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอให้พี่น้องประชาชนเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแสมาได้.